โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: ทำไมเมื่อคนตายแล้ว จึงให้มีดอกไม้ธูปเทียนอยู่ในมือ หนูอยากทราบว่าทำไปทำไมคะ?
คำตอบ: คนเราเวลาจะตายมีอาการก่อนตายอยู่ 2 ลักษณะ ได้แก่1. ตายแบบขาดสติ คือร้องโอยๆ จนกระทั่งขาดใจตาย หรือกินเหล้าจนกระทั่งตายคาขวดเหล้า บางคนประสบอุบัติเหตุตาย หรือกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็ถูกยิงตาย ตายลักษณะนี้เขาเรียกว่าตายแบบขาดสติ เมื่อตายแล้วส่วนมากไปไม่ดี ที่ว่าไปไม่ดีคือไปอยู่ในที่ลำบาก ส่วนจะลำบากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าตอนกำลังจะตายใจขุ่นมากหรือขุ่นน้อย ถ้าขุ่นมากก็ลงนรก ถ้าขุ่นน้อยก็แค่ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์นรกหรือสัตว์เดรัจฉาน ถือว่าไม่ดีทั้งนั้น คนตายแบบขาดสติต้องไปอย่างนี้อย่างแน่นอนตายแบบขาดสติ2. ตายแบบมีสติ ผู้ที่ฝึกสมาธิ(Meditation)หรือตั้งใจรักษาศีลเป็นประจำ ใจจะหนักแน่นมั่นคง ไม่เผลอสติไปคิดเรื่องไร้สาระ ใจท่านกำหนดถึงคุณธรรมความดี กำหนดถึงองค์พระ ถึงดวงแก้วเป็นประจำจนคุ้น พอใกล้ตายมักรู้ตัวว่าจะตาย ท่านรู้ตัวก่อนเพราะมีสติ พอรู้ตัวท่านก็กำหนดจิตละเอียดเข้าไปอีกเลยว่า ไหนๆ เราก็จะตายแล้ว เราจะทำใจให้ผ่องใสที่สุดตายอย่างมีสติการทำใจให้ผ่องใสด้วยวิธีง่ายๆ ทำอย่างไร? ผู้ที่นั่งสมาธิเป็น เขาจะเอาใจจรดเข้ากลางพระธรรมกายในตัว หรือเข้ากลางดวงปฐมมรรคตรงกลางองค์พระเรื่อยไป ทำอย่างนี้ไม่นานใจจะใสขึ้นๆ ใสจนเป็นเพชร ถ้าใครตายตอนนี้ก็ไปดีแน่อีกพวกสติมีเหมือนกันแต่มีแบบอ่อนๆ เพราะไม่เคยทำสมาธิ สวดมนต์ เคยแต่ไหว้พระ แม้มีสติอ่อนๆ อย่างนี้ก็ตาม พอรู้ตัวว่าจะตายแน่แล้วเขาจะพยายามทำใจให้ผูกติดอยู่กับเพราะ ด้วยวิธีใช้เครื่องชักนำง่ายๆ คือเขาเรียกคนที่อยู่ใกล้ๆ เข้ามาสั่งว่า “ลูกเอ๊ย..น้องเอ๊ย...พี่เอ๊ย...ช่วยจัดดอกไม้ธูปให้หน่อย จะขอไหว้ขอบูชาพระเป็นครั้งสุดท้าย”พอได้ดอกไม้ ธูปเทียนมา เขาก็เอาใจจรดนิ่งที่เครื่องบูชา สวดมนต์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งขาดใจตายละโลกไป ตายอย่างนี้เรียกว่าตายแบบมีสติ พอตายไปแล้วก็ไปสู่ที่ดีๆ อย่างน้อยก็ไปเป็นเทวดาทีนี้ในปัจจุบัน เวลาคนทั่วๆ ไปจะตาย ส่วนมากไม่ค่อยมีสติ เห็นมีสติกันน้อยรายเต็มที พอขาดใจตายไป ญาติที่อยู่ข้างตัวอยากให้ไปดี ก็เลยเอาดอกไม้ธูปเทียนยัดใส่มือให้ที่คุณหนูถามว่าใส่ให้ทำไม ก็ตอบว่าให้ไปไหว้พระ แต่โธ่เอ๋ย! ขนาดมีชีวิตอยู่เขายังไม่อยากไหว้พระเลย ตายแล้วไปไหว้พระไม่ได้แน่นอน จะเอาอะไรใส่มือใส่ปากให้ไป เขาก็เอาไปไม่ได้ ทำไปก็แค่นั้น แหละ คนตายเอาดอกไม้ในมือไปด้วยไม่ได้หรอกเพราะฉะนั้น พวกเราอย่ารอเวลาว่าใกล้ตายค่อยไหว้พระเลยนะ ไหว้กันตอนยังแข็งแรงอยู่นี่แหละ พยายามฝึกสมาธิเข้าถึงองค์พระในตัวให้ได้ พอใกล้ตายก็ไม่ต้องไปเรียกหาใคร ยิ่งพวกที่ชอบคร่ำครวญรำพัน ยิ่งต้องให้ออกไปให้หมด แล้วนั่งสมาธิหรือนอนทำสมาธิให้เห็นองค์พระใสแจ๋ว ตายก็ตายไป ทำอย่างนี้ไปดีแน่ ไม่ต้องมีดอกไม้อย่างเขาก็ได้ ถ้าเราทำสมาธิเป็นแล้ว โยมยายของหลวงพ่อเมื่อใกล้ตาย เนื่องจากท่านให้ทานรักษาศีลเป็นประจำ และชอบสวดมนต์มาก แต่ทำสมาธิไม่เป็น ใกล้ตายท่านรู้เวลาตาย ท่านสิ้นลมประมาณ 2 ทุ่ม แต่ประมาณ 6 โมงเย็นท่านเรียกลูกๆ หลานๆ มา บอกว่า “คืนนี้ 2 ทุ่มยายไปแล้วนะ ยายจะไม่อยู่ละ” แล้วท่านก็สั่งว่า “ตอนใกล้จะไป ใครอย่าร้องไห้นะ ร้องแล้วเดี๋ยวยายใจขุ่นมัว จะไปไม่ดี ยายตายนี่ใครไม่ต้องมาร้องไห้”ครั้นพอประมาณอีก 15-20 นาทีจะถึง 2 ทุ่ม ท่านเรียกโยมแม่ของหลวงพ่อให้เตรียมดอกไม้ธูปเทียนให้ท่าน แล้วท่านก็นอนกำดอกไม้ธูปเทียนไว้ในมือ ตอนนั้นท่านสวดมนต์ไม่ไหวแล้ว ท่านให้โยมแม่สวดมนต์ให้ฟัง พอ 2 ทุ่ม ท่านสูดลมหายใจเข้าเต็มที่ เข้าแล้วไม่มีออก ท่านสะดุ้งนิดหนึ่ง แล้วก็จากไป ไม่มีอาการทุรนทุรายอะไรไปอย่างนี้ไปดี เพราะไปแบบมีสติ รู้ล่วงหน้าว่าฉันจะไปแล้ว แต่ว่ารู้ล่วงหน้าช่วงสั้นคำถาม: ผมศรัทธาบวชตลอดชีวิต ต้องถือศีล 8 เป็นเวลากี่ปีครับ หลวงพ่อจึงจะอนุญาตให้บวช ถ้าหากแม่ไม่เห็นด้วย หลวงพ่อมีข้อแนะนำอย่างไรครับ ผมจึงจะสามารถบวชได้?
คำตอบ: ขอแนะนำว่า ควรจะนั่งสมาธิอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง แล้วรักษาศีล 8 ไปทุกวัน ทำอย่างนี้ให้ผ่านไปได้สัก 1 ปีก่อน โดยไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่วันเดียว แล้วค่อยมาคุยกันนะมีศรัทธาอยากบวชตลอดชีวิตส่วนเรื่องแม่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยอะไรนั่น อย่าเพิ่งไปกังวล เราทำแค่นี้ให้ได้ก่อน เป็นการวัดกำลังใจตัวเอง ถ้าไม่ผ่าน ต่อให้แม่อ้อนวอนขอให้บวช จะยอมบวชหรือเปล่ายังไม่รู้เลยนะ
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-13052.png)
http://goo.gl/5UtNN