โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: ลูกรู้ตัวว่าลูกไม่มีโสรัจจะ คือเวลาปรนนิบัติคุณแม่ที่ป่วยนานๆ จิตใจมักเศร้าหมอง เบื่อด้วย รำคาญด้วย เพราะคุณแม่ทั้งบ่นทั้งจู้จี้สารพัดเลย แต่เนื่องจากปฏิบัติต่อท่านอย่างดีตลอดเวลา ท่านคงไม่รู้หรอกว่า ในใจลูกนั้นเบื่อ แสนจะเบื่อ ลูกจะเอาธรรมะข้อโสรัจจะนี้ปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นจะได้ไหม หรือว่าหลวงพ่อมีข้อแนะนำอะไรอีกบ้างคะ?
คำตอบ: โสรัจจะ แปลว่า “ความเสงี่ยม” การปรนนิบัติดูแลคุณพ่อ คุณแม่เวลาท่านเจ็บป่วยด้วยความเสงี่ยมงามนี้ได้บุญติดตัวมากนะ พ่อแม่ได้ชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ของลูก เราดูแลท่านก็เหมือนดูแลพระอรหันต์นั่นแหละ ถือว่าเป็นการทดแทนพระคุณท่านอย่างหนึ่ง นอกจากนั้นระหว่างดูแลท่าน จะทำให้เราได้ข้อคิดมากมายเพราะฉะนั้นเบื่อแสนเบื่อก็ควรทำ ระหว่างนั้น ควรจะตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งที่ไม่ดีของท่านคือข้อเตือนใจของเรา ยกตัวอย่างเช่น ท่านจู้จี้ขี้บ่น เราอย่ามองท่านว่าจู้จี้ขี้บ่น ถ้ามองอย่างนั้นไม่ได้อะไร เราควรมองว่าท่านเคยทำผิดศีลข้อไหน หรือท่านขาดคุณธรรมข้อไหน จึงได้มาจู้จี้ขี้บ่นอย่างนี้ สาวให้รู้ต้นเหตุให้ได้ถามว่ารู้แล้วจะได้อะไร? ได้มากเลย ได้ข้อเตือนใจตัวเองว่าเราจะไม่ทำอย่างนั้น ถ้าไม่หัดสังเกต และป้องกันตัวไว้ก่อน พอเราอายุมากเหมือนคุณแม่ เราก็จะจู้จี้ขี้บ่นเหมือนกับท่านอีกคนการปรนนิบัติดูแลคุณพ่อคุณแม่เวลาท่านเจ็บป่วยด้วยความเสงี่ยมงามนับแต่นี้ไปให้ปรับปรุงแง่คิดมุมมองของเราเสียใหม่ เห็นความไม่น่ารักของท่านข้อไหนบ้างให้จดเอาไว้ แล้วมาถามหลวงพ่อ ถ้าสาวไม่ออกว่า ท่านก่อกรรมทำเข็ญเรื่องอะไร หลวงพ่อจะชี้ให้ดูเป็นฉากๆ ไป ถ้าเข้าใจกันอย่างนี้แล้ว เราจะได้ป้องกันตัวเองถูกต้องตั้งแต่ตอนยังไม่แก่ว่า ความไม่ดีอย่างนั้นๆ เราจะไม่ทำ เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่ได้รับหน้าที่พยาบาลคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คิดอย่างนี้ คือ1. ถือเป็นการทดแทนบุญคุณท่าน2. ทำให้เราได้ข้อสังเกตดีๆ ไว้ระวังตัว ปรับปรุงตัวเองตั้งแต่ต้น3. ทำให้เราได้เห็นวาระสุดท้ายของชีวิตผู้อื่นเป็นตัวอย่างคนเราพอถึงใกล้ๆ เวลาที่เขาจะเสียชีวิต เขามักเจ็บมาก ปวดเอาจนจำบทสวดมนต์ไม่ได้ แต่หลวงพ่อเคยเห็นคนหนึ่ง ฉลาดในการช่วยเหลือตัวเองในยามคับขันอย่างน่าทึ่ง ท่านป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย รู้สึกปวดมากเป็นระยะๆ เมื่อป่วยมากจนสวดมนต์เองไม่ได้ ท่านขอให้เอาวิทยุเทปมาไว้ใกล้ๆ ตัว พอก่อนจะถึงเวลาที่เคยปวด เขาจะขอร้องให้เปิดเทปสวดมนต์ให้ฟัง เปิดแล้วเขาก็สวดคลอไปเรื่อยๆ เคยถามเขาว่าได้ผลเป็นอย่างไร เขาตอบว่ามันทุเลาไปได้มากเลย แม้ไม่หมด แต่ก็ทุเลาลงไปมากขอให้รับทราบไว้นะ แม้คนที่เคยสวดมนต์ ก่อนนอนทุกวันจะคิดพึ่งบทสวดมนต์เวลาป่วยหนัก เวลาปวดมากๆ น่ะจำบทสวดมนต์ไม่ได้หรือนะ แต่ว่าพอมีเสียงคลอก็พอจะไปได้ เหมือนมีพี่เลี้ยงแล้วทุกขเวทนาจะลดลง ระหว่างนั้นเรื่องอะไรไม่เข้าท่าเข้าทาง สั่งกันไว้เลยว่าอย่ามาพูดให้ฟังเลย ไม่อยากฟังแล้ว ไปเอาเทศน์ของหลวงโยมพ่อองค์นี้มาเปิดให้ฟังดีกว่าคนเข้าวัดได้เปรียบตรงนี้ คนเราเวลาป่วยจะป่วยแต่กายแต่ใจไม่ป่วยด้วย ส่วนคนที่ไม่ได้เข้าวัดไม่ได้นั่งสมาธิ ไม่เคยรักษาศีล ไม่เคยปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิมาก่อน เวลาป่วยมันป่วยทั้งกายและใจ มันป่วยสองต่อเพราะฉะนั้นคุณหนูเป็นคุณแม่ป่วย แล้วท่านมีความไม่เข้าท่าเข้าทางตั้งมากมาย ก็ให้รู้ไว้เถิดว่า เพราะคุณแม่เราไม่เข้าวัด ไม่สนใจธรรมะ จึงได้เป็นอย่างนี้ เรายังไม่แก่ ต้องรีบเข้าวัด ปฏิบัติธรรมเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ จะได้มีเวลาบ่มธรรมะนานๆ ถึงคราวป่วย คราวเจ็บก็จะไม่ทุรนทุราย หรือไม่น่ารังเกียจอย่างนั้น
http://goo.gl/ImA2V