โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMCคำถาม: แผ่นดินไวที่ประเทศญี่ปุ่นน่ากลัวจังเลยครับ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร แล้วเมืองไทยเรา จะเกิดเหตุอย่างนี้ไหมครับ?
คำตอบ: การที่เกิดแผ่นดินไหว เกิดเหตุวิปริตอะไรขึ้นในบ้านเมือง จะเป็นบ้านเมืองไทยหรือบ้านเมืองไหนก็ตาม ขอให้รับรู้ความจริงไว้ อย่างหนึ่งว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญ เพราะเมื่อเจาะลึกลงไปแล้วเราพบว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากมนุษย์ที่ช่วยกันทำขึ้นมาทั้งสิ้น หรือบางกรณีไม่ได้ช่วยกันทำหรอก ต่างคนต่างทำ แต่ว่าเกิดเป็นผลรวมกันความจริงที่คนทั่วไปมักมองไม่ออก คือมนุษย์นี่แหละเป็นผู้ควบคุมบรรยากาศ ไม่ใช่บรรยากาศควบคุมมนุษย์ หลักความจริงเรื่องนี้สำคัญมาก ถ้าเข้าใจหลักนี้แล้ว เราจะสามารถมองเห็นความเป็นไปในโลกได้อย่างทะลุปรุโปร่งทีเดียว ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ก็รู้เหตุรู้ผลทั้งหมดแผ่นดินไหวหรือเหตุวิปริตต่างๆ ล้วนเกิดจากฝีมือมนุษย์ทั้งสิ้นมนุษย์ควบคุมบรรยากาศได้อย่างไร ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติเราสร้างบ้าน ๒ หลังขึ้นพร้อมๆ กัน ให้แบบแปลนเหมือนกันทุกอย่างแล้วก็ตั้งอยู่ใกล้ๆ กันด้วย แต่บ้านหลังหนึ่ง เมื่อสร้างเสร็จแล้วเราใช้สำหรับสวดมนต์ไหว้พระ ส่วนอีกหลังหนึ่งเมื่อสร้างเสร็จแล้วก็ใช้เป็นที่ชุมนุมพรรคพวกให้มากินเหล้ามาเล่นไพ่กันบ้าน ๒ หลังนี้ทั้งๆ ที่สร้างเสร็จพร้อมๆ กัน ใช้งานพร้อมๆ กันนั่นแหละ แต่แปลกเวลาเราเข้าไปในแต่ละบ้าน เราได้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน คือเข้าไปในบ้านที่มีการสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ เรารู้สึกเย็นชุ่มฉ่ำขึ้นมาในใจอัตโนมัติ ยิ่งเข้าไปสวดมนต์ไหว้พระด้วยแล้ว ยิ่งชุ่มฉ่ำหัวใจยิ่งขึ้นไปอีกตรงกันข้าม เมื่อเราเข้าไปในบ้านหลังที่เขาใช้เป็นที่กินเหล้าเล่นไพ่กันเป็นประจำ เรากลับรู้สึกว่าบรรยากาศร้อนๆ มันได้เข้ามาห่อหุ้มเรา ทำให้ใจของเรามีแต่ความรุ่มร้อน คิดเรื่องดีๆ ไม่ออก มีแต่คิดเรื่องไม่เข้าท่าทั้งนั้น บรรยากาศร้อนๆ วุ่นๆ มันได้มาสิงใจเสียแล้วคราวนี้ถ้าเป็นเมือง สมมุติว่าเมืองหนึ่ง คนทั้งเมืองตั้งใจสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ แน่นอนเลยว่าเมื่อใครก้าวเท้าเข้าไปในเมืองนั้น หรือเพียงเข้าเขตเมือง เขาจะรู้สึกทันทีว่ามันชุ่มฉ่ำในหัวใจสิ่งนี้เขาสัมผัสได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าเข้าไปในเมืองที่เป็นบ่อนคาสิโนหรือเมืองที่เต็มไปด้วยบาร์ หรือไนท์คลับ หรือเป็นเมืองดังในอาชีพอาบอบนวด ลูกเอ๋ยพอก้าวเข้าเขตเมือง ทั้งๆ ที่แช่อยู่ในน้ำ มันก็ร้อนรุ่ม ก็หงุดหงิดขึ้นมาทันทีมนุษย์เป็นผู้ควบคุมบรรยากาศอย่างนี้แหละ เมืองไทยของเราขณะนี้ ฝนฟ้าไม่ค่อยจะตกต้องตามฤดูกาล มันแล้งเอาเสียดื้อๆ แล้งเป็นปี บางปีน้ำไม่มีใช้ ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ก็ตอบว่านี่เป็นน้ำมือของมนุษย์เหมือนกัน มนุษย์เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ มันช่วยกันตัดไม้ทำลายป่าไปเสียมากมาย ทำให้ความร่มรื่นจากเงาไม้ลดลง นี่ก็เป็นเครื่องยืนยันอีกอย่างหนึ่งว่า มนุษย์นี่แหละเป็นทั้งผู้ควบคุมและบัญชาการให้บรรยากาศในโลกเป็นไปต่างๆ นานาถ้าจะให้เห็นชัดเข้าไปอีก ก็ลองให้มีใครสักคนหนึ่ง หรือกลุ่มหนึ่งสนับสนุนให้มีการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ขึ้นเรื่อยๆ ให้ระเบิดตูมๆ ขึ้นมาตรงโน้นตรงนี้ ไม่นานหรอก ไม่ใช่เฉพาะโลกของเราเท่านั้นที่จะสะเทือนยิ่งกว่าแผ่นดินไหวในโกเบ แต่ว่ามันจะสะเทือนไปทั้งจักรวาล การโคจรของดวงเดือนดวงดาวจะผิดปกติไปหมด แล้วถ้าถามว่านี่เพราะน้ำมือใคร ก็ตอบได้เลยว่าเพราะน้ำมือมนุษย์อีกเช่นกันเพราะฉะนั้นข้อสรุปที่อยากจะฝากไว้ก็คือ ความจริงที่ว่า มนุษย์นี่แหละเป็นผู้ควบคุมบรรยากาศ ควบคุมการโคจรของดวงเดือน ดวงดาวต่างๆ แต่ว่ามนุษย์ทั่วไปไม่รู้ กลับไปมีความเห็นผิดว่า ดวงเดือนดวงดาว มันเล็งกันอย่างโน้นอย่างนี้ เลยทำให้เกิดวิบัติขึ้นในโลก เป็นการจับแง่มุมมองที่ผิด เรื่องนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงกับตรัสว่า “ประโยชน์ได้ล่วงเลยคนโง่เขลาผู้มัวคอยฤกษ์อยู่ ประโยชน์เป็นฤกษ์ของประโยชน์ ดวงดาวจะทำอะไรได้”เพราะฉะนั้น ถ้าเราคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วเมื่อไร ฤกษ์ชั่วเกิดขึ้นเมื่อนั้น แม้ดวงเดือนดวงดาวจะเล็ง หรือไม่เล็ง เราก็เป็นคนชั่วไปแล้ว พอเรากลายเป็นคนชั่ว ตัวเราเองก็เดือดร้อนทั้งกายทั้งใจ หวั่นไหวไปหมด แล้วเราก็ทำให้คนอื่นที่อยู่รอบข้างพลอยหวั่นไหวไปด้วย และถ้าเราชั่วมากๆ อย่าว่าแต่แผ่นดินเลย แม้จักรวาลก็ต้องพลอยไหวไปด้วยเมื่อรู้หลักอย่างนี้แล้ว คำถามที่ว่า ทำไมแผ่นดินญี่ปุ่นที่เมืองโกเบจึงมีการไหวสะเทือนขึ้นมา ก็ตอบว่าคงมีแรงบาปแรงกรรมที่มนุษย์พวกหนึ่งช่วยกันทำอยู่เป็นประจำในย่านนั้น จะเป็นแรงบาปหรือแรงกรรมที่ทำทับถมกันไว้เป็นหลายชั่วคนในอดีตก็ดี หรือรวมทั้งในปัจจุบันนี้ด้วยก็ตาม เมื่อสะสมกันมากเข้าๆ ผลมันออกมาอย่างนี้แหละแผ่นดินไวที่ประเทศญี่ปุ่นที่พูดอย่างนี้ หลวงพ่อไม่ได้หมายความว่าชาวญี่ปุ่นเป็นคนชั่วนะ เพียงแต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า ทั้งหมดนี้เป็นอิทธิพลหรือผลพวงของกรรมที่มนุษย์เราก่อร่วมกันเอาไว้ทั้งโลก แล้วทีนี้แผ่นดินญี่ปุ่นแถวนั้นเป็นแผ่นดินที่อยู่กลางทะเล เป็นผิวโลกส่วนที่เปราะบาง จึงถูกกระทบด้วยแรงกรรมชั่วที่มนุษย์ทั้งโลกร่วมกันก่อเอาไว้มากกว่าแผ่นดินส่วนอื่น จนผลออกมาอย่างที่เราเห็นส่วนที่ถามว่า แผ่นดินไหวอย่างนี้จะมีโอกาสเกิดในบ้านเมืองไทยเราบ้างไหม ก็ตอบว่ามี ถ้าคนไทยไม่ตั้งใจสร้างบุญสร้างกุศลเอาไว้ คนโน้นก็สนับสนุนให้เปิดบ่อน อยากให้มีบ่อนคาสิโนขึ้นในเมืองไทยคนนี้ก็จะเปิดบาร์ ที่เปิดมากก็มากอยู่แล้ว ยังจะขอต่อเวลาให้มันเปิดโต้รุ่งเสียอีก จะทำความชั่วให้มันเต็มคราบนั่นแหละ มีโรงเหล้าโรงเบียร์เองยังไม่พอ จะให้บริษัทจากต่างประเทศมาเปิดโรงเหล้าในบ้านเมืองของเราอีก เรื่องบาปๆ ร้อนๆ ทั้งหลายตอนนี้ไหลเขามาเมืองไทยเป็นระลอกๆ เมืองไทยเราทั้งๆ ที่ได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่มีพระพุทธศาสนามั่นคงที่สุดในโลกนี่แหละถ้าคนไทยเรายังชวนกันก่อบาป ชวนกันสนับสนุนการทำบาปอย่างนี้ ไม่ช้าบาปก็จะรวมตัวกันหนักเข้าๆ ถึงคราวบาปรวมตัวกันเต็มที่ แผ่นดินไทยรับไม่ไหวก็จะมีการสั่นสะเทือนยิ่งกว่าแผ่นดินไหวที่โกเบเสียอีก เพียงแต่ว่าจะเกิดเมื่อไรไม่รู้เท่านั้นเพราะฉะนั้นคุณหนูเมื่อทราบคำตอบแล้ว โตขึ้นอย่าไปทำความชั่วนะ ทำแต่ความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปตั้งแต่วันนี้ ก่อนนอนกราบเพระแล้วก็ไปกราบเท้าคุณพ่อคุณแม่ สัญญากับท่านว่าลูกจะเป็นคนดี เรื่องเกะกะเกเรทั้งหลายจะไม่ทำ จะไม่ก่อเรื่องให้เดือดเนื้อร้อนใจคุณพ่อคุณแม่เลยเท่านี้ยังไม่พอ เช้าขึ้นมาก่อนจะไปโรงเรียนต้องกราบคุณพ่อคุณแม่ด้วย พอไปถึงโรงเรียนก็ไปกราบคุณครู ได้จังหวะเหมาะๆ ก็ไปบอกท่านเลยว่า “คุณครูครับผมตั้งใจจะเป็นนักเรียนที่ดี คุณครูต้องการจะให้ผมรู้เรื่องอะไร กรุณาสอนมาเลย ถึงจะยากเย็นอย่างไรผมก็จะตั้งใจเรียน”บอกท่านอย่างนี้ รับรองคุณครูท่านต้องสอนแบบถอดหัวใจให้แน่ๆ แล้วพอโตขึ้นก็ตั้งใจประกอบคุณงามความดี ให้ทาน รักษาศีลเจริญภาวนา นั่งสมาธิ(Meditation)เป็นประจำ ตั้งใจทำตามที่คุณพ่อคุณแม่สั่งสอนอบรมให้ดีทีเดียวถ้าคุณหนูทำอย่างนี้ แล้วชวนคนอื่นทำด้วย บ้านเมืองเราก็ยากที่จะมีเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดแผ่นดินไหวเกิดขึ้น หรือถ้ามันเกิดไหวขึ้นมาก็รู้ไว้เถิดว่า ยังมีคนอื่นทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นเพราะฉะนั้น เรื่องความดีเรื่องบุญนี้ต้องชวนกันทำ ขืนไม่ชวน ปล่อยให้เขาทำความชั่วกันมากๆ เดี๋ยวแผ่นดินก็ไหวอีกจนได้คำถาม: มีคำกล่าวว่า เอาปลายเข็มชี้ลงไปในแผ่นดิน สถานที่ๆ พระโพธิสัตว์ไม่เคยมาเกิด ไม่มี จริงไหมครับ?
คำตอบ: เรื่องนี้จริง ไม่ต้องถึงพระโพธิสัตว์หรอก แม้พวกเรานี่แหละ เดินไปเถอะบนพื้นโลกนี้ ที่ไหนที่เราไม่เคยไปเกิดมาก่อนน่ะ ไม่มี แล้วที่ไหนที่เราเคยเกิดมาซ้ำๆ ที่ตรงนั้นหลายหนแล้วละก็ พอไปถึงที่ตรงนั้นอีกจะมีความรู้สึกว่า เอ๊ะเราเคยมาตั้งหลายหนแล้วนะที่ตรงนี้ ทั้งๆ ที่จริงแล้วเราเพิ่งเคยไปหนนี้หนเดียวเท่านั้นแหละที่ไหนที่เราไม่เคยไปเกิดมาก่อนนั้นไม่มีถามว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ตอบว่าก็เราเคยเกิดในที่นี้หลายชาติเต็มทีน่ะซี ฉะนั้นพอไปถึงปั๊บ ก็เลยรู้สึกคุ้นๆ นะ
http://goo.gl/rKIqW