ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2554
ตอน พระศรีอริยเมตไตรย์ ตอนที่ 58 การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการยาก (6)
พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าตอนที่ 58 "การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นการยาก (6)"เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ความเดิมจากตอนที่แล้ว... ในความเป็นจริงแล้ว การที่บุคคลใดจะมาถึง ณ จุดนี้ได้ บุคคลคนนั้นจะต้องใช้เวลาในการสั่งสมบุญสร้างบารมีมาระดับหนึ่งก่อน เมื่อใดก็ตามที่กำลังบุญและกำลังบารมีมีความแก่กล้าเพียงพอแล้ว เมื่อนั้นดวงปัญญาที่จะคิดหาหนทางออกจากห้วงแห่งวัฏสงสาร และความคิดที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะบังเกิดขึ้นดังนั้น การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากอย่างยิ่ง นอกจากพระพุทธองค์จะทรงนำตัวของพระองค์เองให้พ้นจากห้วงแห่งทุกข์แล้ว พระองค์ยังทรงมีพระมหากรุณาธิคุณที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากกองทุกข์ ไปสู่ฟากฝั่งแห่งพระนิพพานพร้อมๆกันกับพระองค์อีกด้วย ซึ่งแต่เดิมนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ก็เคยเกิดเป็นคนธรรมดาสามัญที่ไม่รู้จักเป้าหมายที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์ เพราะในหลายๆชาติ...พระองค์ก็ทรงเคยดำเนินชีวิตด้วยความประมาท เหมือนดังเช่นคนธรรมดาทั่วไป กล่าวคือ เคยทำดีบ้าง เคยทำชั่วบ้าง ปะปนคละเคล้ากันไป อีกทั้งพระองค์ยังถูกความทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ และตาย ครอบงำอยู่เรื่อยมาทุกภพทุกชาติเมื่อละจากโลกแล้ว พระองค์ (หมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสมัยที่พระองค์ทรงเกิดเป็นคนธรรมดาสามัญที่ไม่รู้จักเป้าหมายที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์)-ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพสาม หรืออยู่ในคุกแห่งความทุกข์เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากๆ เรียกได้ว่า...มากเสียจนไม่ทราบว่าชาติแรกเริ่มต้นจากตรงไหน และชาติสุดท้ายจะไปสิ้นสุดลงเมื่อใดในบางชาติที่พระองค์เผลอไปทำกรรมชั่วหรือทำบาปอกุศลกรรม วิบากกรรมเหล่านั้นก็ส่งผลทำให้พระองค์ต้องพลัดไปเกิดอยู่ในอบาย หรือไปเกิดอยู่ในทุคติภูมิ เช่น ในบางครั้งก็ต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือไปรับกรรมเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย วนเวียนอยู่อย่างนี้ ซ้ำๆมาหลายภพหลายชาติถ้าหากจะให้อุปมาเปรียบเทียบ ระยะเวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ จะต้องเวียนว่ายตายเกิด และต้องประสบกับความทุกข์ต่างๆ ทั้งความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากของที่รัก หรือความทุกข์ที่เกิดจากการประสบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ หรือความทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ และตาย สามารถกล่าวได้เลยว่า...น้ำตาที่ต้องรินไหลเพราะความทุกข์ในแต่ละชาตินั้น หากนำมารวมกันแล้ว ยังมีปริมาณที่มากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้งสี่ ส่วนกองของเถ้ากระดูกในแต่ละชาติที่เกิดมาเป็นมนุษย์ หากนำมารวมกันแล้ว ยังมีขนาดที่ใหญ่กว่าขุนเขาใดๆบนโลกเสียอีกภายหลังจากที่พระองค์ได้เวียนตายเวียนเกิดจนได้สั่งสมประสบการณ์ และพบกับความทุกข์ มานับภพนับชาติไม่ถ้วนแล้ว ก็จะมีอยู่พระชาติหนึ่งที่พระองค์ทรงเกิดจิตสำนึกลึกๆ และพลันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า “ที่แท้แล้ว...วัฏสงสารที่เราเวียนตายเวียนเกิดอยู่นี้ ก็คือคุกใบใหญ่ ตัวเราและสรรพสัตว์ทั้งหลายต่างก็ถูกจับขังให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารนี้ ไม่รู้จักจบสิ้น ฉะนั้นแล้ว...เราจะต้องหาทางพาตัวเองออกไปจากคุกนี้ให้ได้”ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถอยลงและเจริญขึ้นของอายุมนุษย์ ตอนที่ 4มนุษย์เริ่มเห็นคุณค่าของการไม่ฆ่า จึงเริ่มสมาทานกุศลกรรมบถครบทั้ง 10-ข้อ ตามลำดับ ทำให้ลูกที่เกิดมาใหม่มีอายุยืนขึ้นถึง 40-ปี 80-ปี 160-ปี 320-ปี 640-ปี จักเจริญขึ้นเรื่อยไปถึงแปดหมื่นปี เมื่อมนุษย์มีอายุแปดหมื่นปี เด็กหญิงมีอายุห้าร้อยปี จึงจักสมควรมีสามีได้โลก ในยุคนั้นจึงรุ่งเรืองและร่มเย็นด้วยคนมีศีลมีธรรม เพราะทุกคนประพฤติกุศลกรรมบถ จะเห็นได้ว่า...โลกจะเจริญขึ้นหรือเสื่อมลง เพราะการประพฤติกุศล และอกุศลของมนุษย์นั่นเอง อีกทั้งมนุษย์จะมีอายุเพิ่มขึ้นหรือลดลงเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของกิเลสในยุคนั้นๆ
ชม Video Scoop พระศรีอริยเมตไตรย์ ตอนที่ 58
http://goo.gl/4e3qJ