ทบทวนฝันในฝันวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2554
ตอน พระสุวิเชียร อุตฺตมพนฺโธ เทพบุตรใหม่เขตในดุสิตบุรี ตอนที่ 1
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างยิ่งลูก กัลฯ ประภาพร อุดมศรีพันธุ์ อายุ 68 ปี เข้าวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 เป็นครอบครัวธรรมกาย ทำบุญทุกบุญอย่างสุดกำลัง ลูกกราบขอความเมตตาพระเดชพระคุณหลวงพ่อฝันในฝันให้ลูกด้วยเจ้าค่ะ ลูกมีบุตรธิดาทั้งหมด 4 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน บุตรคนที่ 2 ได้บวชเป็นพระที่วัดพระธรรมกาย โดยครั้งแรกบวชพระธรรมทายาทรุ่น 15 บวชได้ 2 พรรษา ก็ลาสิกขาเพื่อออกไปช่วยงานที่บ้าน หลังจากนั้นก็ขอบวชอีกครั้ง ลูกถามว่าเพิ่งสึกออกมาทำไมจึงอยากบวชอีก ท่านจึงตอบว่าเห็นคุณยายอาจารย์ฯมาปรากฏกายที่บ้าน จึงรู้สึกอยากจะกลับไปบวชอีก ลูกก็อนุญาตและบอกว่า บวชครั้งนี้ก็ขอให้บวชตลอดชีวิต ให้ตายในผ้าเหลือง ท่านจึงกลับมาบวชพระธรรมทายาทรุ่น 18 จนถึงปัจจุบัน รวม 21 พรรษาพระลูกชายมีความกตัญญู ตั้งแต่วัยเด็กเป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่เคยทำให้พ่อแม่เสียใจ ช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง เป็นคนรักครอบครัว ท่านไม่เคยกระทบกระทั่งกับคนในครอบครัว แต่ถ้าพี่หรือน้องมีปัญหาท่านจะทำทุกวิถีทางที่จะช่วยเหลือ ท่านมีจิตใจกล้าหาญไม่เคยกลัวอุปสรรค ในขณะเดียวกันก็เป็นคนมีจิตใจโอบอ้อมอารี มักสงสารคนยากไร้พระลูกชายมีทักษะพิเศษด้านวาดภาพ ทั้งๆที่ไม่ได้เรียนทางด้านนี้มาก่อน มีความสามารถด้านการเขียน เขียนบท คำกล่าวสุนทรพจน์ ท่านเคยเล่าว่า เวลาท่านเขียนบทอยู่จะรู้สึกว่าเหมือนมีใครมาบอกว่าให้เขียนอย่างไร ทำให้ท่านเขียนได้ลื่นไหลและใช้ภาษาอย่างสวยงาม ท่านเคยได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันกล่าวสุนทรพจน์ จากพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว และท่านเป็นผู้เขียนบทสุนทรพจน์และฝึกฝนสามเณรขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในวันงานบุญใหญ่ของทางวัด พระลูกชายเป็นคนรักสันโดษ มีความสุขกับการดูแลสามเณร ได้เห็นการเติบโต ความเจริญก้าวหน้าของลูกศิษย์ รุ่นต่อรุ่น ท่านก็มีความสุขแล้วพระลูกชายป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ มีอาการปวดหลังรุนแรง จนนอนราบไม่ได้ ต้องจำวัดแบบนั่งบนเก้าอี้ ไปหาหมอหลายครั้งแต่ตรวจไม่พบว่าเป็นโรคอะไร ต่อมาจึงทราบว่าเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่โรคลุกลามไปทุกส่วนของร่างกาย เข้ารับการผ่าตัดและรักษาต่อด้วยวิธีแพทย์ทางเลือก อาการของโรคทำให้เจ็บปวดทุกข์ทรมานมาตลอดเวลา จนกระทั่งมรณภาพที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2553 เวลา 18.33 น. อายุ 48 ปีส่วนตัวลูกเมื่อปีพ.ศ. 2542 ลูกมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก ทำให้เป็นอัมพาตอยู่ 10 เดือน หลังจากรักษาอาการเริ่มดีขึ้น เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก พอช่วยตัวเองได้จนถึงปัจจุบันคุณพ่อของลูก ท่านป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้มีอาการปวดมาก มีคนแนะนำให้เสพฝิ่นเพื่อลดอาการปวด เสียชีวิตเมื่ออายุ 52 ปีคุณแม่ของลูก ท่านเป็นคนชอบทำบุญตักบาตร เช้าวันหนึ่งขณะที่กำลังรอพระมารับบิณฑบาตนั้น ก็เกิดอาการหน้ามืดเป็นลมหมดสติและเสียชีวิตในช่วงที่รอตักบาตรอายุได้ 62 ปีสามีของลูกประสบอุบัติเหตุหกล้มหัวฟาดพื้นที่บ้าน ทำให้ต้องผ่าตัดสมอง รอดชีวิตอยู่ต่อมาได้ 1 ปี ก็หกล้มหัวฟาดพื้นอีกครั้ง ผ่าตัดสมองครั้งที่ 2 เสียชีวิตที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2553 เวลา 09.42 น. อายุ 77 ปีฝันในฝันหลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ทีแล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะคำถามข้อที่ 1. พระลูกชายทำบุพกรรมอะไรมา จึงป่วยเป็นโรคมะเร็ง และตรวจพบในระยะสุดท้ายรักษาไม่ได้ แล้วได้รับทุกข์ทรมานมาก มรณภาพแล้วไปไหน สร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร มีอะไรฝากถึงลูกและครอบครัวหรือไม่ก่อนที่พระลูกชายของลูกจะมรณภาพ ท่านก็ได้เตรียมตัว เตรียมใจ และเตรียมความพร้อมก่อนมรณภาพเป็นอย่างดี ด้วยการตรึกระลึกนึกถึงบุญทุกบุญตามหลักวิชชา นอกจากพระลูกชายของลูกจะตรึกระลึกนึกถึงบุญอย่างตลอดต่อเนื่องแล้ว ตัวท่านยังมีมหาปูชนียาจารย์อยู่ในใจของท่านตลอดเวลา อีกทั้ง...ยังทำสมาธิ(Meditation)เพื่อระลึกนึกถึงความเป็นพระที่มีมาตลอด 21 พรรษา รวมถึงบุญในการบวชเป็นพระของท่านอีกด้วย ซึ่งตัวท่านจะอยู่ในบุญเช่นนี้...สลับกับการพิจารณาถึงความไม่เที่ยงและความเป็นทุกข์ของสังขารที่กำลังรุมเร้าท่านอยู่
และเมื่อถึงคราวศึกชิงภพปิดงบบุญชีวิตของท่าน ใจของท่านจึงใสและพร้อมที่จะจากโลกนี้ไปอย่างผู้ชนะ เมื่อลมหายใจสุดท้ายของพระลูกชายของลูกหมดลง กายละเอียดของท่านก็ได้หลุดออกมายืนอยู่ข้างๆ เตียงที่กายหยาบของท่านกำลังนอนอยู่ ท่านก็ได้กลับมาพิจารณาร่างกายของท่านที่เป็นทุกข์ แล้วก็ได้ทำการเวียนประทักษิณรอบกายหยาบของท่าน พร้อมกับนึกขอบคุณกายหยาบของท่านที่ได้ใช้อาศัยสร้างบารมีมาโดยตลอด จากนั้น...พระลูกชายของลูก (ซึ่งตอนนี้เป็นกายละเอียด) ก็ได้เห็นเทวรถมาเทียบท่ารอรับท่านอยู่
ทันทีที่พระลูกชายของลูก (ซึ่งตอนนี้เป็นกายละเอียด) หันหลังให้กับกายหยาบของท่าน กายละเอียดของพระลูกชายของลูก ก็ได้เปลี่ยนเป็นกายเทพบุตรสุดหล่อในทันที เมื่อกายของพระลูกชายของลูกได้แปรเปลี่ยนเป็นกายของเทพบุตรสุดหล่อแล้ว เหล่าบริวารก็ได้เชื้อเชิญท่านเทพบุตรใหม่ขึ้นสู่เทวรถที่มาจอดรอรับอยู่ เมื่อท่านเทพบุตรใหม่ได้ขึ้นสู่เทวรถแล้ว ใจท่านก็มุ่งตรงดิ่งมาที่วัดที่ท่านคุ้นเคยในทันที แล้วเทวรถของท่าน (ซึ่งเป็นพาหนะคู่ใจ) ก็ได้พาท่านเทพบุตรใหม่ตรงดิ่งมาที่วัดพระธรรมกายในทันที!!!...
เมื่อท่านเทพบุตรใหม่มาถึงวัดแล้วท่านก็ได้ทำการเวียนประทักษิณรอบมหาธรรมกายเจดีย์จำนวนทั้งหมด 3 รอบ จากนั้น...ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้นำเทวรถไปเวียนประทักษิณรอบพื้นที่วัดทั้งหมด พร้อมกับตรึกระลึกนึกถึงบุญทุกๆ บุญ ที่ตัวท่านได้เคยทำมากับมหาปูชนียาจารย์และหมู่คณะ เมื่อท่านเทพบุตรใหม่นำเทวรถไปเวียนประทักษิณรอบพื้นที่วัดทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้แวะมาดูเหล่าสามเณรที่ท่านคุ้นเคย
หลังจากนั้น...ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้นำเทวรถมาจอดรออยู่ที่หน้ามหาธรรมกายเจดีย์ แล้วก็หลับตานั่งสมาธิรอคอยเวลา จนกระทั่ง...เมื่อถึงเวลาบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมสรีระร่างของท่าน ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้ไปร่วมฟังสวดอภิธรรมด้วย จากนั้น...ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้มาเข้าโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา เพื่อกราบคารวะพระมหาเถระผู้ที่ท่านเคารพรักยิ่ง เพราะได้สอนให้ท่านสร้างบารมี อีกทั้ง...ยังสอนให้ท่านได้เรียนรู้หลักวิชชาในการเตรียมตัวเมื่อถึงวันที่ท่านต้องทำศึกชิงภพของท่านหลังจากที่พระมหาเถระผู้ที่ท่านเคารพรักยิ่งเดินทางกลับแล้ว ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้กลับขึ้นไปนั่งอยู่บนเทวรถของท่าน แล้วท่านก็ได้เคลื่อนเทวรถไปจอดที่บริเวณด้านหน้ามหาธรรมกายเจดีย์ จากนั้น...ท่านก็ได้นั่งสมาธิเพื่อนึกทบทวนบุญของท่านต่อ ซึ่งท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้ทำเช่นนี้ทุกๆ วัน จนกระทั่งเสร็จสิ้นพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมสรีระร่างของท่านแล้ว ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้มากราบคารวะพระมหาเถระผู้ที่ท่านเคารพรักยิ่งเป็นครั้งสุดท้ายในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาหลังจากนั้น...ท่านเทพบุตรใหม่ก็ได้นำเทวรถไปเวียนประทักษิณรอบมหาธรรมกายเจดีย์ แล้วก็เดินทางกลับไปสู่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตในในทันที
http://goo.gl/9l1y2