Mobile Versionทบทวนฝันในฝัน วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยากราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงครับกระผม จำลอง จูงทรัพย์ ส่วนดาร์ลิ้งค์ของผมชื่อ สริตา จูงทรัพย์ ปัจจุบันทำธุรกิจค้าขายที่ดินครับกัลฯ จำลอง และภรรยา กัลฯ สริตา จูงทรัพย์หลวงพ่อครับ..กว่าจะมีวันนี้..ชีวิตผมสะบักสะบอม ผ่านความอดสูมาจนเข็ดเลยครับ เพราะตั้งแต่ผมหักดิบเลิกขายเหล้าเบียร์ทุกชนิด เพราะรู้ว่ามันเป็นบาป และที่แย่สุด คือ ตายแล้วต้องไปอบาย ด้วยเหตุนี้ผมจึงสูญเสียลูกค้าสูญเสียรายได้ไปเป็นจำนวนมหาศาล หนำซ้ำตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมกู้แบงค์มาลงทุน 20 กว่าล้าน ทำให้เกิดภาวะเงินช๊อต ติดลบ ค้างดอกเบี้ยแบบอิรุงตุงนังมีหนี้พุ่งสูงไปถึง 100 กว่าล้าน จนต้องมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลแบบมาราธอนต่อเนื่องนานถึง 12 ปี และสุดท้าย..ก็มาถึงในช่วงที่ศาลกำลังรอตัดสินว่า..จะให้ผมเป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่..!!! ซึ่งถือว่า..เป็นช่วงที่ผมเซ็งเป็ดที่สุดเลยครับ เพราะเป็นช่วงชีวิตที่แย่เหลือเกิน รู้สึกสิ้นหวังและเคว้งคว้าง
และด้วยความทุกข์ที่รุมเร้าขนาดนี้ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยหันหน้าเข้าวัดแบบจริงจังซะเลยครับ โดยมาวัดทุกอาทิตย์ จนกระทั่งได้มีคนมาชวนบวช ผมจึงตัดสินใจบวชในช่วงเข้าพรรษาปี 51 สัก 1 พรรษา ซึ่งระหว่างบวชก็ตรงกับช่วงที่จะมีการทอดกฐินหล่อทองหลวงปู่องค์ที่ 5 พอดี ด้วยเหตุนี้ผมก็เลย อธิษฐานให้ทางครอบครัวที่กำลังทำอาชีพขายต้นไม้
สามารถขายได้อย่างเกินควรเกินคาดเป็นอัศจรรย์ เพราะผมอยากจะเอาบุญทอดกฐินมาช่วยให้รอดพ้นจากวิกฤติที่แย่ๆ สักที จนในที่สุดก็เกิดเหตุอัศจรรย์เข้าจนได้ครับ คือ มีคนมาติดต่อซื้อต้นชวนชม และต้นไม้พันธุ์ดีเป็นจำนวนถึง..หนึ่งแสนสี่หมื่นบาท เลยทำให้ผมสามารถรวบรวมเอามาทำบุญใหญ่ทอดกฐินในปีนั้นได้ถึง 6 แสนบาท ซึ่งผมก็ปลื้มมากเลยครับที่หลวงพ่อชวนทำบุญกฐินครั้งนี้
และหลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ครับ แต่เรื่องที่ว่า..เป็นเรื่องดี คือ มีคนมาติดต่อซื้อที่ดินของผม ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะขายได้เลยครับ เพราะผมขุดทรายจากที่ดินตรงนี้ไปขายจนมันเป็นหลุมเป็นบ่อ มีน้ำขังเลอะเทอะไปหมด อีกทั้งก่อนหน้านี้..เคยบอกขายเท่าไรก็ขายไม่ได้ จนหมดหวังไปแล้วครับ แต่ครั้งนี้..คนซื้อกลับบอกว่า.. “เฮีย..จะขายราคาเท่าไร..ผมก็จะซื้อ!!!” ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผมขายที่ได้เป็นอัศจรรย์โดยได้กำไรสูงไปถึงหลายเท่าตัว และเมื่อเป็นดังนี้..ผมจึงอธิษฐานขอหลวงปู่ต่ออีกว่า..ขอให้ศาลอย่าตัดสินให้ผมเป็นบุคคลล้มละลายเลยครับ..เพราะถ้าล้มละลาย ผู้นำบุญหล่อๆ อย่างผม จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เพราะไม่ใช่ต้นแบบที่ดี และสุดท้ายความอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้งครับ คือ ทนายของผมก็ไปช่วยเจรจาต่อรองให้ใหม่ จนทุกฝ่ายยอมตกลงกันแบบง่ายมาก ทั้งๆ ที่ก่อนนั้นเคยตกลงกันมานานถึง 12 ปีแล้ว ไม่มีใครยอมใครทั้งนั้น แต่หลังจากทำบุญเป็นประธานกองกฐินและขอหลวงปู่ไปเท่านั้นเองครับ จากเรื่องยาก..ก็กลายเป็นเรื่องขี้ผง จนผมงงเลยครับ
เพราะฝั่งตรงข้ามบอกว่า ให้ผมใช้หนี้คืนเฉพาะเงินต้นที่ 80% ก็พอ และก็ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ด้วยเหตุนี้..ผมจึงเอาเงินที่ขายที่ดินได้ไปใช้หนี้ และถูกตัดสินโดยไม่ต้องเป็นบุคคลล้มละลายอย่างอัศจรรย์ครับ ซึ่งงานนี้เหมือนยกภูเขาออกจากอก อิสระเหมือนนกน้อยโบยบินถลาเล่นลม เพราะความทุกข์ระทมตลอด 12 ปี หายไปเป็นปลิดทิ้งเลยครับ จนกระทั่งผมสามารถทำบุญเป็นประธานกองกฐินได้เรื่อยๆ โดยไม่ตกบุญใหญ่เลยครับ
สุดท้ายนี้..ผมก็อยากจะบอกทุกคนว่า..มาเป็นประธานกองกฐินกันเถิดครับ ผมพิสูจน์มาแล้ว ขอฟันธง..ว่ารวยสถานเดียว อีกทั้งยังได้จารึกชื่อในอาคารพระผู้ปราบมาร ซึ่งเป็นอาคารของหลวงปู่ เราก็จะได้รับการคุ้มครองจากท่านตลอดไปครับ
http://goo.gl/r3mKMs
พิมพ์บทความนี้
