ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ที่มาข้อมูลพระพุทธศาสนาในประเทศอินโดนีเซีย
จากหนังสือ “งานพระธรรมทูต 4 สมัย” โดยพระราชวราจารย์ (วิญญ์ วิชาโน)
อินโดนีเซียนับเป็นดินแดนสำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาเพราะเคยเป็นศูนย์กลางที่สำคัญเมื่อราว 1,000 กว่าปี จากจดหมายเหตุของนักธรรมจาริกชาวจีน นามว่า “อี้จิ้ง” บอกให้เราทราบว่า “พุทธศตวรรษที่ 12 พุทธศาสนาได้ประดิษฐานอย่างมั่นคงในเกาะชวา หลักฐาน คือ มหาเจดีย์บรมพุทโธ เจดีย์เมนดุต และเจดีย์ปะวอน” ต่อมาราวปลายศตวรรษที่ 13 พุทธศาสนาในอาณาจักรศรีวิชัยเจริญรุ่งเรืองเต็มที่ เพราะพระราชาทุกพระองค์เป็นพุทธมามกะ และทรงบำรุงพุทธศาสนาทุกทาง ทำให้พุทธศาสนามีอิทธิพลแพร่หลายไปทั่วหมู่เกาะอินโดนีเซียและอาณาจักรอื่นๆในเอเชียอาคเนย์
ต่อมาประมาณพุทธศักราช 2027 ในปลายรัชสมัยของพระเจ้าแผ่นดินประวิชะยะที่ 5 พุทธศาสนาถึงคราวเสื่อมโทรมเป็นอย่างมากได้เข้าผสมผสานกับฮินดู ในที่สุดไม่เหลือแม้แต่พระสงฆ์ โดยสาเหตุนั้นมาจาก เจ้าชายระเด่นปะตะ ได้ทูลขอพระราชสมบัติจากพระราชบิดา (ประวิชะยะ) แห่งราชวงศ์มัชชปาหิต พระองค์ทรงเห็นแก่บ้านเมืองและความสงบเรียบร้อย ก็ทรงมอบพระราชสมบัติให้แก่พระราชโอรส เพียงเท่านั้นยังไม่พอ เจ้าชายระเด่นปะตะ ยังทรงขอพระราชบิดาให้ทรงนับถือศาสนาอิสลามด้วย ในที่สุดก็ทรงยอมตามนั้น แต่ที่ปรึกษาฝ่ายพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า ปุชังคะ ของพระราชสำนัก มีอยู่ 2 ท่าน คือ ท่านสัปโดปาลอนและนายยะเคงคอง ไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับนับถือศาสนาอิสลาม ได้กราบทูลว่า “อีก 500 ปี จะกลับมา” จากนั้นก็หายตัวไปอย่างไม่มีร่องรอย
ต่อมาในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ.2527 รัฐบาลโดยการนำของท่านประธานาธิบดี พลเอกซูฮาร์โต ได้ประกาศให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดราชการ ซึ่งชาวพุทธอินโดนีเซีย ถือกันว่า ปีพ.ศ.2527 นี้ เป็นปีครบ 500 ปีที่พระพุทธศาสนาเสื่อมหายไปจากอินโดนีเซีย ตามความเชื่อที่สืบต่อกันมา และปีต่อมาทางการอินโดนีเซีย ได้เขียนคำขวัญบนผืนผ้าขาวว่า “ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของวันวิสาขะ ขอให้ประเทศอินโดนีเซียจงรุ่งเรือง”
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-20348.png)