Mobile Versionบิ๊กทู ชู บิ๊กบุญ ในเคปทาวน์(บิ๊กทู หมายถึง สื่อใหญ่ 2สื่อในเคปทาวน์ สนับสนุนงานบุญของเรา)เมืองเคปทาวน์ อันแสนงดงามราวกับเมืองของเทพบุตรเทพธิดาชาวสวรรค์ แต่ความงดงามใดๆในโลกและจักรวาล ก็ไม่งามตระการเท่า ความงามจากการทำสมาธิ(Meditation) กลั่นใจหยุดนิ่งสนิทที่ศูนย์กลายกายฐานที่เจ็ดในรายงานข่าวครั้งที่แล้ว ได้รายงานว่า “แอตแลนติก ซัน” (Atlantic Sun) หนังสือพิมพ์ประจำเมืองเคปทาวน์ ได้ลงข่าวประชาสัมพันธ์ การฝึกสมาธิของศูนย์ปฏิบัติธรรมเคปทาวน์ ผลคือ ทำให้มีโทรศัพท์ กริ๊งกร๊างติดต่อขอสมัครมานั่งสมาธิทุกวันอย่างต่อเนื่อง จนสายโทรศัพท์แทบจะระเบิดถึงแม้ว่า ศูนย์ปฏิบัติธรรมเคปทาวน์ จะมีขนาดเล็กๆ กะทัดรัด จุได้แค่สิบกว่าคนก็จริง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเราจะไม่คิดเล็ก หากเราจะคิดทั้งที ก็ต้อง คิดใหญ่ๆ และทำให้ใหญ่กว่าที่คิดไปเลย ตามสูตรสำเร็จที่คุณครูไม่ใหญ่ได้สอนไว้ เราจึงต้องประชาสัมพันธ์ ตีฆ้องร้องป่าวต่อไป เพื่อว่า วันหนึ่งข้างหน้า เราอาจจะมีศูนย์ปฏิบัติธรรมที่กว้างใหญ่ สามารถรองรับพี่น้องนักสร้างบารมีได้มากกว่านี้กระทั่ง ความฮอตฮิตของการฝึกสมาธิ ยังแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ทำให้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สื่อหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ระดับคุณภาพของประเทศแอฟริกาใต้ 2สื่อ (บิ๊กทู) ได้ให้ความสำคัญ ลงตีพิมพ์ประชาสัมพันธ์กิจกรรม พระพุทธศาสนา จากคำแนะนำของยอดผู้นำบุญ แมรี่ แจ๊คสัน กัลยาณมิตรของศูนย์ปฏิบัติธรรมเคปทาวน์ โดยเริ่มต้นที่...ก่อนวันงานกฐินของศูนย์ฯ เคปทาวน์ บิ๊กวัน หนังสือพิมพ์ “วีคเคนด์ อากัส” (Weekend Argus) หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ที่วางจำหน่ายทั่วประเทศ ในช่วงสุดสัปดาห์ ตีพิมพ์หลายล้านฉบับ ได้ส่ง คุณบรอนเวนน์ โจสเต้ (ผู้เขียนข่าว) และ คุณแกรี่ แวน วิคค์ (ช่างภาพ) มายังศูนย์ปฏิบัติธรรมเคปทาวน์ หลังจากได้สนทนาหาข้อมูลกันแล้ว พระอาจารย์ได้นำทั้งสองท่านนั่งหลับตาทำสมาธิ และต่างรู้สึกมีความสุข สงบเย็นและ สบายใจที่ได้มานั่งสมาธิคุณบรอนเวนน์ โจสเต้ (ผู้เขียนข่าว) กล่าวว่า “สมาธิ คือการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ที่ประหยัดแต่ทรงคุณค่ามากที่สุด หลังจากที่ดิฉันกลับไปทำงาน อารมณ์แห่งสมาธิ ยังติดตรึงใจดิฉันไปทั้งวัน จนกระทั่งกลับบ้าน ดิฉันมั่นใจว่า สมาธิคือกุญแจสิ่งสำคัญ ที่ทำให้ทุกคนในประเทศแอฟริกาใต้ ยอมรับได้อย่างไม่ยากเย็นเลย” เมื่อเธอได้เขียนข่าวชักชวนคนให้มาร่วมงานทอดกฐินที่ศูนย์เคปทาวน์ บางส่วนของเนื้อหาใน นสพ.ได้เขียนว่า...“คณะพระสงฆ์และเจ้าภาพเดิน ทางไปเยี่ยมชุมชนคนไทย ที่เมืองเคปทาวน์และโจฮันเนสเบิร์ก เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา ด้วยแนวคิดที่ว่า คำสอนนี้สามารถช่วยให้ เซาท์แอฟริกา เป็นประเทศที่มีความสุข และปลอดจากอาชญากรรมได้...พระสงฆ์ทุกรูปเดินทางมาจาก วัดพระธรรมกาย ประเทศไทย ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก …” ส่วนเนื้อหาข่าวต่อไปก็เป็นการเชิญชวน ให้มาร่วมงานทอดกฐินที่ศูนย์เคปทาวน์ถัดมาอีกเพียงสัปดาห์เดียว บิ๊กทู หนังสือพิมพ์ระดับยักษ์ใหญ่ “ดี เบอเกอร์” (Die Burger) หนังสือพิมพ์ฉบับภาษาแอฟริคานส์ (Afrikaans) ที่ขายดีเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ตีพิมพ์หลายล้านฉบับ ได้ส่งนักข่าวมืออาชีพ คือ คุณซามารี่ สมิธ มาสัมภาษณ์ที่ศูนย์ฯ อีกทั้งเมื่อถึงวันงานกฐิน เธอได้มาร่วมงานด้วยเธอกล่าวว่า “งานวันนี้จัดได้อย่าง Perfect สมบูรณ์มาก ดิฉันถ่ายภาพทุกภาพ และเก็บความรู้สึกดีๆ in my heart ทุกคนสงบเรียบร้อย บรรยากาศเหมาะสมกับการทำสมาธิ โดยเฉพาะพระสงฆ์ ท่านมีความสง่างาม ทำให้ใครก็ตามที่เข้ามาสู่สถานที่นี้ ต้องประทับใจจดจำไปอีกนาน”วันรุ่งขึ้น หลังจากวันทอดกฐินหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ “ดี เบอเกอร์” ก็ลงข่าวการจัดงานบุญทอดกฐินครั้งแรก ของศูนย์ปฏิบัติธรรมเคปทาวน์ โดยเนื้อหาข่าวได้กล่าวว่า...“งานกฐินครั้งแรกในเมืองเคปทาวน์ จัดขึ้นเมื่อวานนี้ ที่ห้องประชุมกรีน พอยต์ เมืองเคปทาวน์ ตามธรรมเนียมของพระสงฆ์เถรวาท หลังจากการปฏิบัติธรรมร่วมกัน แล้ว พระภิกษุจะมีโอกาสได้รับผ้าจีวรผืนใหม่...พระภิกษุสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาที่นี่ มีความตั้งใจที่จะช่วยให้ประชาชนมีความสงบสุขด้วยการทำสมาธิ โดยภายในงาน ได้มีชาวไทย บินตรงเพื่อเดินทางมาร่วมงาน จำนวน 60คน พร้อมด้วยชุมชนคนไทยที่อาศัยในเมืองเคปทาวน์กว่า 150คน ได้เตรียมผ้าจีวรใหม่ ดอกไม้ ไทยธรรม และสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิต นำไปถวายพระภิกษุด้วยความเคารพ พระภิกษุก็ได้ให้พรแก่สาธุชน และนำปฏิบัติธรรมรวมใจ”ต่อมา ในวันพุธที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ชาวแอฟริกาใต้จำนวนสิบกว่าล้านคน ก็ได้เห็นภาพที่งดงามของพระภิกษุสงฆ์ไทย ลงหนังสือพิมพ์ชื่อดังอีกครั้ง เมื่อหนังสือพิมพ์ “ดี เบอเกอร์” ได้ลงตีพิมพ์บทความ ที่มาจากการสัมภาษณ์ พระครูปลัดภูเบศ ฌาณาภิญโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในโอกาสที่ท่านและคณะได้เดินทางมาปฏิบัติศาสนกิจที่ประเทศแอฟริกาใต้พาดหัวข่าวว่า A Humble Life (อะ ฮัมเบิ้ลไลฟ์ หมายถึง ชีวิตสมถะ) จากการสัมภาษณ์โดย คุณซามารี่ สมิธ นักข่าวสาวจาก “ดี เบอเกอร์” โดยเริ่มขึ้นว่า...
“ท่าน (หมายถึง พระครูปลัดภูเบศ) ค้นพบการใช้ชีวิตอย่าง เรียบง่าย โดยมีเพียงผ้าคลุมกาย ผ้าปูนอนบางๆ และมีดโกนสำหรับปลงผมเท่านั้น มนุษย์ทุกคนควรใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้ตัวเอง แทนที่จะเสียเวลากับสิ่งลวงโลก นี่คือคำสอนจากพระอาจารย์ฌานาภิญโญ ในระหว่างที่ท่านมาเป็นประธานรับผ้ากฐิน ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม ณ ประเทศเซาท์แอฟริกา คนทั่วไปในโลก ยังแยกแยะไม่ออกว่า อะไรคือสิ่งที่จำเป็น อะไรเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิต แต่สำหรับพระแล้ว ท่านมีเพียงผ้า 3ผืน, มีดปลงผม, บาตร ที่นอนบางๆ เท่านั้น…” จากนั้น บทความได้ถ่ายทอดอย่างละเอียด ถึงชีวิตประจำวันของนักบวชในพระพุทธศาสนานอกจากนั้น คุณซามารี่ สมิธ ผู้เขียนบทความ ยังไม่กั๊กข้อมูล เขียนข่าวทุกตัวอักษรตามความจริง เธอเล่าว่า “ดิฉันเริ่มต้นหลับตาอย่างผ่อนคลาย ตามคำแนะนำของพระอาจารย์ แล้วจินตนาการว่า นั่งอยู่เพียงลำพัง เอามือขวาทับมือซ้าย หายใจลึกๆ แล้วนำใจมาวางไว้ภายในตัวเรา...ดิฉันรู้สึกสงบลง และลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว อย่างน่าอัศจรรย์ ดิฉันได้ค้นพบว่า พระพุทธศาสนา ไม่ใช่คำสอนที่บังคับให้คุณเชื่อ แต่คุณควรเร้นออกจากความวุ่นวายรอบตัว แล้วนำ สันติสุข ย้อนคืนสู่ภายในใจของคุณ ด้วยการฝึกสมาธิ”ทั้งหมดนี้ ก็คือ บิ๊กทู: สองสื่อหนังสือพิมพ์คุณภาพ (วีคเคนด์ อากัส และดี เบอเกอร์) แห่งประเทศแอฟริกาใต้ แม้ห่างไกลพระพุทธศาสนา แต่ไม่ยอมอยู่ห่างไกลความเป็นจริงของชีวิต ได้ยอมรับกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ยอมรับคำสอนที่จะเติมความสุขและสันติภาพ ให้กับมหาชนในประเทศแอฟริกาใต้ มาเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน กระจายออกไปยังสู่สายตาประชาชนนับสิบล้านคนทั่วประเทศ นั่นเป็นสัญญาณว่า คงอีกไม่นานดินแดนแห่งกาฬทวีป ก็จะเป็นดินแดนที่สว่างไสวมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อย่างแน่นอน
http://goo.gl/Hapax
พิมพ์บทความนี้
