ต่างรวมใจกันมุ่งมั่นเป็นพระแท้โครงการอุปสมบทหมู่หนึ่งแสนรูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทยวัดใหม่ทองสวาง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บรรยากาศวันสุดท้ายของการรับสมัคร ถึงกับต้อง...ตะลึง เมื่อมีขบวนแห่นาคที่อลังการ นำโดยขบวนรถม้า พร้อมขบวนรถของญาติมิตรที่ยาวเป็นร้อยเมตร มุ่งตรงมาที่วัดใหม่ทองสวาง เพื่อส่งผู้สมัครบวชสิบคนจากบ้านคำเจริญ หมู่ที่1 มาเข้าโครงการบวชพระแสนรูปกำนันสุพจน์ บุญหาญ กำนันตำบลแสนสุข หัวขบวนแกนนำกล่าวว่า “พอผมทราบข่าวบวชพระแสนรูป ก็อยากบวชทันที ชีวิตที่ผ่านมาเคยบวชเรียนมาแล้ว 14พรรษา ยังมีความรักและคุ้นเคยกับความเป็นสมณะอยู่ จึงได้ไปชวนญาติมิตรและลูกบ้านมาบวชได้อีกเก้าคน ก็เลยจัดพิธีขอขมาและตัดปอยผมกันที่ศาลากลางบ้าน พิธีจัดกันตามประเพณีพื้นบ้าน ก่อนจัดขบวนแห่มาส่งนาคกันด้วยความปลื้มปีติ”ในวันปิดรับสมัครโครงการบวชพระหนึ่งแสนรูป วันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2553 ก็เป็นวันที่วัดใหม่ทองสวางได้จัดงานบุญประจำปี คือ งานเทศน์มหาชาติ กลุ่มธรรมทายาทจึงได้ช่วยกันรับบุญทำความสะอาดพระอุโบสถ และช่วยกันจัดขบวนอัญเชิญพิธีในงาน มีชาวอำเภอโขงเจียมสองท่านที่มาร่วมงานประจำปีของวัด เมื่อทราบข่าวการบวชพระแสนรูปในครั้งนี้ และได้เห็นนาคธรรมทายาทที่ปลงผมสวมชุดขาวอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะที่เรียบร้อย ก็เกิดศรัทธา อยากมาบวชด้วย จึงตัดสินใจสมัครบวชในทันทีโดยไม่ลังเลใจ รีบกลับไปจัดเตรียมข้าวของที่บ้าน แล้วรีบเข้าวัดมาปลงผมบรรยากาศของการอบรมในช่วงนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการบรรพชาอุปสมบท เมื่อไหร่ถึงช่วงพัก ธรรมทายาทก็จะซักซ้อมท่องคำขานนาค ท่องบทให้พร ซ้อมอาราธนาศีล ทำให้ภายในบริเวณวัดไม่ว่างจากเสียงสวดมนต์ และธรรมทายาททุกคนต่างตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเอง และตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้บวชสองชั้นส่วนบรรยากาศที่วัดกลางธนรินทร์ ตำบลบ้านแป้ง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี แดนเกิดของพระเดชพระคุณหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ ก็แรงสุดๆ ธรรมทายาทที่เข้าอบรมทุกคนตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม และหมั่นเอาใจไว้ที่ศูนย์กลางกายทั้งในรอบและนอกรอบ ยิ่งรอบค่ำก็ยิ่งตั้งใจเพิ่มพิเศษเป็นสองเท่า เมื่อเข้าที่พักแล้ว พระอาจารย์และพระพี่เลี้ยงไม่เคยต้องเป็นกังวลว่าจะมีใครมาแอบทำอะไรไม่ดี เช่น สูบบุหรี่ หรือมาเดินเตร็ดเตร่เพราะนอนไม่หลับ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะวัดกลางธนรินทร์มีกัลยาณมิตรที่มาคอยควบคุมดูแลธรรมทายาทอย่างใกล้ชิด กัลยาณมิตรเหล่านี้อาศัยอยู่ที่กุฏิไม้สักหลังใหญ่ อยู่ก่อนที่ธรรมทายาทจะใช้อบรมมานานแล้วพระอาจารย์แปลก พุทฺธิวีโร หัวหน้าศูนย์อบรมเล่าว่า “ตอนแรกที่มาสำรวจวัดที่จัดอบรม ก็มาพบกุฏิหลังนี้ ดูกว้างขวางดีแล้วก็สงบด้วย แต่ก็แปลกใจว่าทำไมไม่มีใครใช้ ท่านเจ้าอาวาสยินดียกให้ใช้ได้เลย พอเข้าไปสำรวจภายในก็พบโกฏิใส่กระดูกมากมาย กระดูกบางส่วนก็ห่อผ้าเอาไว้ พร้อมรูปถ่ายที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของกระดูกเหล่านั้น ภาพต่างๆเหล่านี้ พอเก็บไว้หลายปีเข้า ก็เกิดปฏิกิริยาทางเคมี สีของภาพบางส่วนถูกความร้อนละลายกลายเป็นสีแดงๆ ไหลย้อยอยู่รอบๆใบหน้าของผู้ที่ละโลกไปแล้ว มองดูแล้วถึงกับขนแขนลุกชูชัน ผมจึงปิดประตูกุฏิแล้วไปปรึกษากับท่านเจ้าอาวาสว่า ควรจะทำอย่างไรดี ท่านก็บอกว่า อัฐิเหล่านี้เก็บไว้หลายสิบปีแล้ว ให้นำไปลอยอังคาร ภาพต่างๆก็ให้นำไปเผาแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้าตัว แค่นี้ก็เรียบร้อย ผมจึงได้ดำเนินการแจ้งต่อกายละเอียดของเจ้าของกระดูกต่างๆว่า ขออนุญาตนำอัฐิและรูปไปบำเพ็ญกุศลให้ และจะขอใช้พื้นที่กุฏิเหล่านี้เป็นที่พักของพระที่จะบวชในโครงการพระแสนรูป ให้กายละเอียดทั้งหลายได้บุญด้วยกันพอเริ่มอบรม ธรรมทายาทก็จะพักกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5คน กางเต็นท์ห่างๆกันอยู่บนกุฏินั้น วันไหนที่นอนหลับไปโดยไม่นั่งสมาธิ(Meditation) ก็จะมีสัญญาณระบบสั่นสะเทือนเกิดขึ้นที่เต็นท์นั้น จนธรรมทายาทต้องลุกมานั่งสมาธิแผ่เมตตากันตัวตั้ง ผู้เฒ่าผู้แก่แถวนั้นก็กระซิบบอกธรรมทายาททุกคนให้รู้ถ้วนหน้าว่า กุฏิหลังนี้เฮี้ยนมาก ไม่มีใครกล้ามาใช้ ปิดตายมาตั้งนานแล้ว ผมจึงจัดให้ธรรมทายาททุกคนได้ทำบุญใหญ่ ถวายสังฆทานกันคนละชุด อุทิศบุญไปให้กายละเอียดต่างๆ แล้วจึงถือโอกาสอธิบายเรื่องการทำบุญในพระพุทธศาสนาว่า ทำได้ทางใดบ้าง มีองค์ประกอบอะไรจึงจะได้บุญมากที่สุด พร้อมทั้งบอกให้ธรรมทายาททุกคนตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม เมื่อเรามีใจหยุดนิ่งสมบูรณ์ดีแล้ว จะไม่มีความหวาดหวั่นต่อสิ่งใด อยู่โดดเดี่ยวก็ไม่เดียวดาย เพราะเรามีองค์พระมีความสว่างเป็นเพื่อนครับนี่แหละครับ จึงเป็นเหตุให้ธรรมทายาทที่วัดนี้มีใจสงบ รักธรรมะ รักองค์พระ และศูนย์กลางกายเป็นที่สุด ยิ่งพอตกค่ำยิ่งรักษาใจได้ดีมากเป็นพิเศษครับ จะเดินเหินอะไรก็สำรวมระวัง จะนอนหลับก็นึกถึงบุญที่ได้ทำมา แล้วแผ่เมตตาหลับในอู่ทะเลบุญตลอดทั้งคืน ตื่นก็ตื่นอยู่ในอู่ทะเลบุญ พร้อมฝึกตนเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ ตั้งใจที่จะเป็นพระแท้ เป็นพุทธบุตรผู้มีความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจครับ”
http://goo.gl/TSSaO