บรรยากาศอำลาอาลัย “ธุดงค์ธรรมชัย จ. สิงห์บุรี”
เด็กแก๊งค์มิรูโม่ เดินมาส่งทั้งน้ำตา
เมื่อครบกำหนด 7 วันหลังจากที่พระธุดงค์มาอยู่ที่วัดโพธิ์ทอง ท่านก็ต้องเดินธุดงค์ต่อไปที่วัดเชิดหนัง เด็กๆ กลุ่มมิรูโม่ก็ยกแก๊งค์มากันตั้งแต่ 6 โมงเช้าของวันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน ซึ่งในขณะนั้น พระสมาน หนึ่งในพระกองพลฯกำลังเก็บกลดอยู่รูปเดียว ในขณะที่พระรูปอื่นก็ทยอยเก็บรายละเอียดตามจุดต่างๆ เมื่อเด็กแก๊งค์มิรูโม่มาเห็นท่านเก็บกลดอยู่รูปเดียวก็รีบมาตะลุยช่วยกันเก็บกลดโดยที่ท่านยังไม่ได้เอ่ยปากให้ช่วย แล้วก็แบกกลดของพระทุกรูปไปไว้ที่ศาลาอย่างรู้งาน พอช่วงสายระหว่างที่พระฉัน เด็กๆ ทั้งหมดก็มานั่งล้อมวงทานข้าวใกล้ๆ เหมือนเป็นการเลี้ยงอำลามื้อสุดท้าย คุณพ่อคุณแม่ของน้องเจมส์ (ชั้นอนุบาล 2)สมาชิกคนหนึ่งในแก๊งค์ ก็ได้เข้ามาซักถามพูดคุยกับพระธุดงค์ และบอกว่า เมื่อคืนนี้ น้องเจมส์ได้ไปขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ ขอไปนอนกับหลวงพี่ที่วัดใหม่ที่หลวงพี่จะไปอยู่ธุดงค์ด้วยระหว่างที่พระทั้งหมดเตรียมตัวจะออกเดินทาง ลีลาอาการอ้อยอิ่งของเด็กๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างจะบอกแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูด แล้วหลวงพี่ก็พลันเหลือบไปเห็นเด็กคนหนึ่งแกล้งทำกระดาษหล่นอยู่ที่หน้าประตู แต่ก็ยังไม่ทันได้ใส่ใจ เมื่อเด็กๆ เห็นว่าไม่ได้ผล เพราะพุทธบุตรของเราไม่รับมุข ก็เลยเอากระดาษจดหมายน้อย ไปวางบนเสตทแทน วางทับกันไว้หลายๆ อัน วางเสร็จแล้วก็รีบวิ่งหนีด้วยความเขิน บางคนวางไม่ทันก็สะกิดพุทธบุตรเบาๆ ให้หันมารับจดหมายน้อย แล้วก็รีบวิ่งหายไปเช่นกัน พุทธบุตรของเรา จึงค่อยๆ คลี่จดหมายน้อยออกมา และก็พบข้อความใสๆ จากใจดวงน้อยๆ ที่มาทำให้หัวใจพองโต เขียนว่า“ รักหลวงพี่ทุกคน ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย”“ (วาดรูปหัวใจ) จากคนที่คิดถึง ขอให้แข็งแรง”“ ขอให้หลวงพี่แข็งแรง อย่าลืมมาเยี่ยมวัดของหนูอีกนะคะ”“ขอโวย(อวย)พรให้หลวงพี่มีความสุข”เด็กบางคนที่ยังเขียนหนังสือไม่ได้ ก็ไม่ยอมเสียเปรียบในการแสดงความรู้สึกครั้งนี้ ได้ขอให้พี่ที่อายุมากกว่าเขียนให้ เขียนว่า“รักมากมาย (วาดรูปหัวใจ)” บางคนก็ได้ใจมากเขียนว่า “หลวงพี่หล่อมาก”
แก๊งค์รูโม่ ต่างร่วมกันเขียนความประทับใจ
รักหลวงพี่ทุกรูป ขอให้เดินทางปลอดภัยครับ
เมื่อถึงเวลาใกล้เดินทางต่อ พุทธบุตรก็ได้ไปกราบลาหลวงพ่อเจ้าอาวาส เพื่อขอขมาลาโทษหากได้เคยทำสิ่งใดผิดพลาดล่วงเกิน ปกติหลวงพ่อท่านเจ้าอาวาสท่านจะมีบุคลิกนิ่งๆ ไม่ค่อยพูด บางครั้งพุทธบุตรจึงหวั่นใจว่ามีอะไรทำให้ท่านไม่พอใจบ้างหรือเปล่า แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบสายตา ที่บัดนี้มีน้ำตาคลอเบ้า และสายตาที่บ่งบอกถึงความเมตตา จึงทำให้มั่นใจว่า ท่านก็ยังไม่อยากให้เราจากไปแม้ระยะทางที่ต้องเดินธุดงค์ต่อไปที่วัดเชิดหนังครั้งนี้จะยาวไกลถึง 15 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินถึง 5 ชั่วโมง แต่กำลังใจจากความรู้สึกดีๆ ของเด็กๆ และท่านหลวงพ่อเจ้าอาวาส ได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังให้พุทธบุตรทุกรูปฮึดสู้ก้าวเดินต่อไปเด็กๆ แก๊งค์มิรูโม่ได้ช่วยแบกกลดมาส่งที่หน้าวัด ขนาดน้องเจมส์อยู่อนุบาล 2 ก็ยังช่วยแบกด้วย ทุกคนรอส่งจนหลวงพี่ลับสายตา เมื่อหลวงพี่ไปกันหมดแล้ว ก็แอบมาพิงประตู หน้าเศร้า บางคนก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความคิดถึง
ระหว่างทางที่เดินธุดงค์มาวัดใหม่ หัวใจของพุทธบุตรก็กินดื่มความปีติตลอดเวลา เพราะซาบซึ้งในศรัทธาของญาติโยม ขณะที่ผ่านตลาดอินทร์บุรี มีชายคนหนึ่งขับรถเก๋งสีดำแล้วก็มาจอดหน้าพระ เมื่อเปิดประตูออกมา เค้าได้หิ้วน้ำส้มเป็นถุงๆ มาถวายพระ เมื่อผ่านร้านค้า แม่ค้าก็รีบเปิดตู้เย็นเอาแล็คตาซอยมาถวายพระทันที และอีกหลายๆ คนที่เห็นพระธุดงค์ที่อาการสงบเสงี่ยมแล้วเกิดศรัทธาได้ถวายปานะต่างๆ ด้วยความปีติ พระธุดงค์ก็รักษาศรัทธาญาติโยมจนไหล่ลู่ไปข้างหนึ่งทีเดียว (ของหนัก)
ผู้มีบุญถวายน้ำส้ม
ถวายแลคตาซอย
ถวายน้ำเย็นๆ
ก่อนถึงวัดเชิดหนัง 3 กิโลเมตร ก็มีกลุ่มเด็กๆ 4-5 คนมาขอช่วยแบกกลด แต่เมื่อจำนวนกลดมากกว่าจำนวนเด็ก ทำให้เด็กบางคนต้องแบกถึง 2 กลด เดินไปได้อีกระยะหนึ่ง ผ่านหมู่บ้าน แม่กับลูกคู่หนึ่ง ก็ปรึกษากันว่า “ลูกจะไปช่วยเค้ามั้ย” ลูกก็รีบวิ่งไปช่วยแบกกลดทันที พอไปได้อีกสัก 1 กิโลเมตร ก็มีชาวบ้านมาตั้งแถวรอรับนับได้ประมาณ 10 คน หนึ่งในนั้นที่น่าประทับใจ คือคุณยายอายุ 72 ปีที่หน้าตาผ่องใส อิ่มบุญ ตาใสปิ๊งราวกับตากวาง ก็มารอรับและเดินไปส่งพุทธบุตรที่วัดด้วย ทำให้พุทธบุตรจำเป็นต้องลดสปีดการเดินให้ช้าลงในอีกสองกิโลเมตรสุดท้าย
เด็กๆช่วยกันรับบุญแบกกลด
ชาวบ้านและเด็กๆในหมู่บ้านช่วยกันแบกกลด
แต่แล้วก็มีเหตุการณ์หนึ่ง ที่น่าระทึกใจ มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่บนถนน สักพักก็ได้ยินเสียงโครม!!ดังมาก เมื่อหันไปดูต้นเสียง ก็พบหญิงคนนั้นกำลังล้มลุกคลุกคลานเพราะได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปชนกับมอเตอร์ไซค์อีกคันที่จอดอยู่ ผู้หญิงคนนั้นก็รีบลุกขึ้นทันที แล้วก็บอกว่า “มัวแต่ดูพระอยู่”ระหว่างทางที่เดินธุดงค์ เมื่อผ่านที่ๆมีผู้คน ก็มักจะมีเสียงแว่วๆ ตามหลังมาเป็นระยะๆ บ้างก็บอกว่า “ผมน่ะ ศรัทธามากเลยครับพระธุดงค์” การเดินธุดงค์ครั้งนี้จึงทำให้พุทธบุตรกองพันกองพลฯปลื้มมากๆ และได้ข้อคิดว่า เราต้องเร่งฝึกฝนอบรมตนเอง โดยเฉพาะข้อวัตรปฏิบัติที่จะทำให้เป็นพระแท้ เพื่อให้ญาติโยมได้บุญเยอะๆ ทุกรูปรู้สึกภาคภูมิใจมาก ที่ได้เป็นพุทธบุตรนำร่องรุ่นแรกของโลกในโครงการธุดงค์ธรรมชัย และประสบการณ์ครั้งนี้ก็จะนำไปถ่ายทอดให้รุ่นน้องแสนรูปที่จะตามมา รับรองว่าประสบการณ์ครั้งนี้เล่าได้ไม่จบเลยทีเดียว
http://goo.gl/O3WMH