ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2553พระศรีอริยเมตไตรย์ ตอนที่ 18 พระอชิตะได้รับพุทธพยากรณ์พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าตอนที่ 18 "พระอชิตะได้รับพุทธพยากรณ์"เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาความเดิมจากตอนที่แล้ว... พระนางปชาบดีโคตมีทรงรู้สึกเสียพระทัย ไม่ทรงปลื้มปีติในมหาทาน เพราะผู้ที่ได้รับผ้าสาฎกใหม่เนื้อดีนั้น แทนที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรืออสีติมหาสาวก แต่กลับกลายเป็นพระภิกษุที่เพิ่งบวชใหม่ชื่อว่า “พระอชิตะ”-พระพุทธองค์จึงทรงใช้โอกาสในครั้งนี้ เพื่อที่จะประกาศให้พระน้านางรวมถึงเหล่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ได้รับรู้ไปพร้อมๆกันว่า...ท่านอชิตะ ผู้เป็นภิกษุที่รับผ้าสาฎกจากพระน้านางของพระองค์นั้น ความจริงแล้วเป็นผู้ที่สมควรได้รับผ้าสาฎกคู่นี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า ท่านจักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไปด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงทรงตรัสเรียกพระอานนท์ให้ไปนำบาตรของพระองค์มา เมื่อพระอานนท์ได้นำบาตรของพระพุทธองค์มาแล้ว พระบรมศาสดาก็ทรงประคองบาตรด้วยพระหัตถ์ทั้งสองข้าง พร้อมกับทรงอธิษฐานจิตว่า “บาตรใบนี้เป็นบาตรของเรา ผู้ใดมีกำลังบุญที่คู่ควรกับบาตรใบนี้ ขอให้ผู้นั้นจงนำบาตรมาคืนแก่เรา”-ทันทีที่สิ้นเสียงคำอธิษฐาน บาตรของพระพุทธองค์ก็ได้ลอยขึ้นไปในอากาศ แล้วก็อันตรธานหายวับไปทันทีพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระอนุรุทธะ และพระอสิติมหาสาวกทั้งหลาย ได้ขันอาสาที่จะไปหาบาตรมาถวายคืนแด่พระพุทธองค์ ซึ่งแต่ละรูปล้วนเป็นเลิศทางด้านต่างๆ แต่ก็ไม่มีรูปใดสามารถนำบาตรมาถวายคืนแด่พระพุทธองค์ได้ มีเพียงท่านอชิตภิกษุ ที่เพียงแค่เหยียดมือออกไปเท่านั้น บาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตกลงมาจากนภากาศ มาประดิษฐานอยู่ที่มือของท่านเมื่อพระนางปชาบดีโคตมีได้ทอดพระเนตรเห็นความอัศจรรย์ ที่บังเกิดขึ้นต่อหน้าของพระนางแล้ว ความเศร้าโศกเสียใจที่เคยมีก็พลันมลายหายสูญ และกลับแปรเปลี่ยนเป็นความปลื้มปีติปราโมทย์ใจ จนยากที่จะหาสิ่งใดมาพรรณนาเปรียบเทียบได้ด้วยความที่พระนางปชาบดีโคตมีทรงเป็นผู้ที่มีดวงปัญญามาก พระนางจึงทรงสามารถตรองตามเหตุการณ์อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ในทันทีว่า “ท่านอชิตภิกษุผู้นี้ คงไม่ใช่ภิกษุธรรมดาอย่างที่เราคิดเอาไว้ในตอนแรกเป็นแน่ ท่านจะต้องเป็นบุคคลที่พิเศษมากๆ มากถึงขนาดที่สามารถนำบาตรของพระพุทธองค์กลับมาคืนได้อย่างน่าอัศจรรย์ คือ เพียงแค่ช่วงเวลาที่ท่านเหยียดแขนทั้งสองออกมายังไม่ทันสุด บาตรของพระตถาคตเจ้าก็พลันตกลงมาจากนภากาศ และมาประดิษฐานอยู่ที่มือของท่าน”ถึงแม้ในขณะนั้น พระนางปชาบดีโคตมีจะทรงทราบแล้วว่า ท่านอชิตภิกษุคงไม่ใช่ภิกษุธรรมดา แต่ถึงกระนั้น พระนางก็ยังไม่ทรงทราบอยู่ดีว่าท่านอชิตภิกษุรูปนี้ มีความพิเศษแตกต่างจากพระอสีติมหาสาวกรูปอื่นอย่างไร ในกาลนั้นเอง พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานพุทธพยากรณ์แก่พระอชิตะว่า “ท่านอชิตภิกษุรูปนี้...ที่แท้แล้ว คือ หน่อเนื้อแห่งพุทธะที่จักได้ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์สุดท้ายของภัทรกัปนี้ ซึ่งจะมีพระนามว่า พระศรีอริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า”_พร้อมกันนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงตรัสบอกถึง...พระนามของพุทธบิดา พุทธมารดา สถานที่กระทำความเพียร โพธิบัลลังก์ พระอัครสาวกซ้าย-ขวา พระอัครสาวิกาซ้าย-ขวา และพุทธอุปัฏฐาก เป็นต้นครั้นพระนางปชาบดีโคตมีได้ทรงสดับตรับฟังพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประทานพุทธพยากรณ์แก่ท่านอชิตภิกษุแล้ว ก็ยิ่งทำให้ความปลื้มปีติใจของพระนางปชาบดีโคตมีที่มีมากอยู่แล้ว กลับทับทวีหนักยิ่งขึ้นไปเดิม
http://goo.gl/6Vb3W