พญานาคพญานาค คาถาป้องกันงูคาถาป้องกันงูวิธีป้องกันอันตรายจากสัตว์ตระกูลนาคตระกูลนาคเป็นสัตว์ดุร้ายเจ้าโทสะ ได้รับกระทบกระทั่งแม้เกน้อยก็โกรธอาจเผาผลาญผู้ที่ตนพบเห็นหรือฉกกัดได้ ผู้ที่กลัวงูทั้งหลายจึงหาวิธีป้องกันงูในลักษณะต่างๆ อันนำมาซึ่งความผูกอาฆาตพยาบาทผูกเวรกันต่อไปข้ามชาติ เช่น ตีงูจนหลังหัก หรือตายก็มี ซึ่งเราคงเคยได้ยินเรื่องราวที่งูและมนุษย์ตามจองล้างจองผลาญกันตายจากในหนังสือหรือในภาพยนตร์ก็บ่อย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเขาเหล่านั้นไม่ได้ศึกษาวิธีป้องกันงูอย่างถูกวิธีซึ่งมีในคำสอยของผู้รู้รอบทั้งหลายทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งเป็นวิธีป้องกันตัวจากงูชนิดที่ไม่ก่อเวรภัยให้กับตัวเองภายภาคหน้า นั่นคือการกล่าวคาถาประกอบการเจริญเมตตาจิตซึ่งพระโพธิสัตว์เจ้าในอดีตและพระผู้มีพระภาคเจ้าของเราสั่งสอนในปัจจุบัน ดังเรื่องต่อไปนี้ 1เล่ากันมาว่า เมื่อภิกษุรูปหนึ่งกำลังผ่าฟืนอยู่ที่ประตูเรือนไฟ งูตัวหนึ่งเลื้อยออกจากระหว่างไม้ผุได้กัดเข้าทีนิ้วเท้า ภิกษุนั้นมรณภาพในที่นั้นทันที เรื่องที่ภิกษุนั้นมรณภาพได้ปรากฏไปทั่ววัด ภิกษุทั้งหลายประชุมสนทนากันในโรงธรรมว่า ได้ยินว่า ภิกษุรูปโน้นกำลังผ่าฟืนอยู่ที่ประตูเรือนไฟ ถูกงูกัดถึงแก่มรณภาพ ณ ที่นั้นเอง. พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดุก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุรูปนั้นไม่ได้แผ่เมตตาจิตไปสู่ตระกูลพญางูทั้ง4 เป็นแน่ เพราะถ้าภิกษุรูปนั้นแผ่เมตตาจิตไปสู่ตระกูลพญางูทั้ง 4 ภิกษุรูปนั้นจะไม่พึงถูกงูกัดถึงมรณภาพ ตระกูลพญางูทั้ง 4 มีอะไรบ้าง1. ตระกูลพญางูวิรูปักขะ2. ตระกูลพญางูเอราปถะ3. ตระกูลพญางูฉัพยาปุตตะ4. ตระกูลพญางูกัณหาโคตรมะภิกษุรูปนั้นไม่ได้แผ่เมตตาจิตไปสู่ตระกูลพญางูทั้ง 4 นี้เป็นแน่ เพราะถ้าภิกษุนั้นแผ่เมตตาจิตไปสู่ตระกูลพญางูทั้ง 4 นี้ ภิกษุนั้นจะไม่พึงถูกงูกัดถึงมรณภาพดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้แผ่เมตตาจิตไปสู่ตระกุลพญางูทั้ง 4 นี้ เพื่อคุ้มครองตน เพื่อรักษาตน เพื่อป้องกันตนแม้ดาบสทั้งหลายซึ่งเป็นบัณฑิตแต่ปางก่อนเมื่อพระพุทธเจ้ายังมิได้อุบัติ ก็ได้เจริญเมตตาในตระกูลพญางูทั้ง 4 ปลอดภัยอันจะเกิดเพราะอาศัยตระกูลพญางูเหล่านั้นแล้วทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่าในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์อุบัติในตระกูลพราหมณ์ แคว้นกาสี ครั้นเจริญวัย สละกามสุข ออกบวชเป็นฤาษี ยังอภิญญาและสมาบัติให้เกิด สร้างอาศรมบทอยู่ที่คุ้งแม่น้ำแห่งหนึ่งในหิมวันต ประเทศ เพลิดเพลินในฌานเป็นครูประจำคณะ มีหมู่ฤาษีแวดล้อมอยู่อย่างสงบการแผ่เมตตาแก่สัตว์ตระกูลนาค ช่วยให้ปลอดภัยจากอันตรายที่จะเกิดจากงูต่างๆครั้งนั้นที่ฝั่งคงคา มีงูนานาชนิดทำอันตรายแก่พวกฤาษี พวกฤาษีโดยมากได้ถึงแก่กรรม ดาบสทั้งหลายจึงบอกเรื่องนั้นแก่พระโพธิสัตว์เรียกประชุมดาบสทั้งหมดแล้วกล่าวว่า หากพวกท่านเจริญเมตตาในตระกูลพญางูทั้ง 4 งูทั้งหลายก็จะไม่กัดพวกเธอ เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ไป พวกเธอจงเจริญเมตตาในตระกูลพญางูทั้ง 4 แล้วจึงตรัสคาถานี้ว่า :“ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกุลพญางูชื่อว่า วิรูปักขะ ขอไมตรีจิตของเราจงมีตระกุลพญางูชื่อว่า เอราปถะ ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับตระกูลพญางูชื่อว่า ฉัพยาปุตตะ ขอไมตรีของเรามีกับตระกูลพญางูชื่อ กัณหาโคตมกะ”พระโพธิสัตว์ครั้นแสดงตระกูลพญางูทั้ง 4 อย่างนี้แล้วจึงกล่าวว่า หากพวกท่านจักสามารถเจริญเมตตาในตระกูลพญางูทั้ง 4 นั้น งูทั้งหลายก็จักไม่กัดไม่เบียดเบียนพวกท่าน แล้วกล่าวคาถาที่ 2 ว่า :“ขอไมตรีจิตของเรา จงมีกับสัตว์ที่ไม่มีเท้า ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์สองเท้า ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์สี่เท้า ขอไมตรีจิตของเราจงมีกับสัตว์มีเท้ามาก”พระโพธิสัตว์ครั้นแสดงเมตตาภาวนาโดยสรุปอย่างนี้แล้ว บัดนี้เมื่อจะแสดงด้วยการขอร้องจึงกล่าวคาถานี้ว่า :“ขอสัตว์ที่ไม่มีเท้า สัตว์ที่มี 2 เท้า สัตว์ที่มี 4 เท้า สัตว์ที่มีเท้ามาก อย่าได้เบียดเบียนเราเลย”บัดนี้เมื่อจะแสดงการเจริญเมตตาโดยไม่เจาะลง จึงกล่าวคาถานี้ว่า :“ขอสัตว์ผู้ข้องอยู่ สัตว์ผู้มีลมปราณ สัตว์ผู้เกิดแล้วหมดทั้งสิ้นด้วยกัน จงประสบพบแต่ความเจริญทั่วกัน ความทุกข์อันชั่วช้าอย่าได้มาถึง สัตว์ผู้ใดผู้หนึ่งเลย”พระโพธิสัตว์กล่าวว่า พวกท่านจงเจริญเมตตาไม่เฉพาะเจาะจงในสรรพสัตว์อย่างนี้ เพื่อให้ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยอีก จึงกล่าวว่า :พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีพระคุณหาประมาณมิได้ บรรดาสัตว์เลื้อยคลาน คือ งู แมลงป่อง ตะขาบ แมลงมุม ตุ๊กแก และหนู เป็นสัตว์ประมาณได้การป้องกันภัยจากสัตว์ตระกูลพญานาคทำได้โดยการแผ่เมตตาแก่พญานาคทั้ง 4 ตระกูลพระโพธิสัตว์แสดงว่า เพราะธรรมทั้งหลายอันทำประมาณมีราคะภายในของสัตว์เหล่านั้นยังมีอยู่ ฉะนั้นสัตว์เลื้อยคลานเหล่านั้น จึงชื่อว่ามีประมาณ แล้วกล่าวว่าท่านทั้งหลายจงระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยอย่างนี้ว่า :“ด้วนอานุภาพของพระรัตนตรัยอันหาประมาณมิได้ ขอสัตว์ทั้งหลายอันมีประมาณเหล่านี้ จงทำการปกป้องรักษาพวกเราทั้งกลางคืนกลางวันเถิด”เพื่อแสดงกรรมที่ควรทำให้ยิ่งขึ้นไปกว่านั้น จึงกล่าวคาถานี้ว่า :“เราได้ทำการรักษาตัวแล้ว ป้องกันตัวแล้ว ขอสัตว์ทั้งหลาย จงพากันหลีกไป ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอนอบน้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 7 พระองค์”พระโพธิสัตว์ผูกพระปริตรนี้ให้แก่คณะฤาษี ก็พระปริตรนี้ พึงทราบว่าท่านกล่าวไว้ในชาดกนี้ด้วยคาถาทั้งหลายตอนต้นเพราะแสดงเมตตาในตระกูลพญานาคทั้งสี่ หรือเพราะแสดงเมตตาภาวนาทั้งสอง คือ โดยเจาะจงและไม่เจาะจง ควรค้นคว้าหาเหตุอื่นต่อไปตั้งแต่นั้นคระฤาษีตั้งอยู่ในโอวาทของพระโพธิสัตว์เจริญเมตตารำลึกพระพุทธคุณ เมื่อฤาษีรำลึกถึงพระพุทธคุณอยู่อย่างนี้ บรรดางูทั้งหลายทั้งหมดต่างก็หลีกไป แม้พระโพธิสัตว์ก็เจริญพรหมวิหาร มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้านอกจากการเมตตาเป็นเบื้องต้นแล้วบริกรรมคาถาเป็นภาษาบาลีแผ่ไปดังนี้ก็ได้ คือวิรูปกฺเขหิ เม เมตฺตํ เมตฺตํ เอราปเถหิ เมฉพฺยาปุตฺเตหิ เม เมตฺตํ เมตฺตํ กณฺหาโคตมเกหิ จอปาทเกหิ เม เมตฺตํ เมตฺตํ ทิปาทเกหิ เมจตุปฺปเทหิ เม เมตฺตํ เมตฺตํ พหุปฺปเทหิ เมมา มํ อปาทโก หึสิ มา มํ หึสิ ทิปาทโกฯมา มํ จตุปฺปโท หึสิ มา มํ หึสิ พหุปฺปโทฯสพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา สพฺเพ ภูตา จ เกวลาสพฺเพ ภทฺรานิ ปสฺสนฺตุ มา กิญจิ ปาปมาคมาฯอปฺปมาโณ พุทฺโธ อปฺปมาโณ ธมฺโม อปฺปมาโณ สงฺโฆปมาณวนฺตานิ สิรึสปานิ อหิ วิจฺฉิกา สตปที อุณฺณานาภี สรพูมูสิกา กตา เม รกฺขา กตา เม ปริตฺตา ปฏิกฺกมนฺตุภูตานิ โสหฺ นโม ภควโต นโม สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํฯ1 วิ.จุล.ทุติย.9/11, องฺ.จตุ. 35/215, ขุ.ชา.อ.ขันธปริตตชาดก 57/287รับชมวิดีโอรายการวิดีโอที่เกี่ยวข้อง
พญานาค พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องราวพญานาคไว้หลายแห่ง ซึ่งพญานาคก็มีกำเนิดหลากหลาย มีอานุภาพ และในทรรศนะของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา พญานาคเกี่ยวข้องกับบั้งไฟพญานาคอย่างไรบทความที่เกี่ยวข้องกับพญานาค คาถาป้องกันงู
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-11846.png)
http://goo.gl/n9ZIB