Mobile Versionโครงการปฏิบัติธรรม The Middle Wayนำเสนอโดย กัลยาณมิตรไชยา กอร์จี (ประเทศออสเตรเลีย)กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงผมชื่อ ไชยา กอร์จี อายุ 53ปี เกิดที่ประเทศอิหร่าน แต่ย้ายมาอยู่ที่ออสเตรเลีย 35ปีแล้วครับ ปัจจุบันเป็นวิศวกร อาศัยอยู่ที่เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย คุณแม่ของผมนับถือศาสนาบาไฮ คุณพ่อมาจากครอบครัวมุสลิม ส่วนตัวผมเป็นคนไม่มีศาสนาครับสืบเนื่องจาก เมื่อปี พ.ศ.2550 หลังจากที่ผมได้ไปร่วมงานบุญที่ ศูนย์ปฏิบัติธรรมเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย จึงได้รู้จักโครงการ The Middle Way ผ่านโบรชัวร์และเว็บไซต์ ผมสนใจมาก จึงตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2550ผมคิดว่า โครงการปฏิบัติธรรม The Middle Way ยอดเยี่ยมมาก มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน พระอาจารย์ก็เป็นผู้ทรงความรู้ สามารถให้คำตอบกับทุกๆคำถามได้อย่างชัดเจน ผมมีความสุขและประทับใจที่ได้ร่วมโครงการ The Middle Way จึงเกิดแรงบันดาลใจต้องการให้คนรอบตัวผม ได้มาสัมผัสความสุขภายในบ้างดังนั้นปลายปีพ.ศ.2550 พระปลัดสุธรรม สุธมฺโม กัลยาณมิตรกุลนิษฐ์ นารอด (คุณนก) และครอบครัวของผม จึงได้กราบขออนุญาต คุณครูไม่ใหญ่ (พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์) จัดโครงการปฏิบัติธรรม The Middle Way ให้แก่ชาวพื้นเมืองที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งตรงกับนโยบายของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่อยากให้มนุษย์ทั่วโลกรู้จักการนั่งสมาธิ(Meditation) จึงได้กำหนดจัดโครงการ The Middle Way สัญจรขึ้น ในวันที่ 7-9 มีนาคม พ.ศ.2551 ที่เมืองเพิร์ธครับการจัดปฏิบัติธรรมครั้งนี้ ผมและคุณนกได้เป็นผู้สนับสนุนอำนวยความสะดวกให้กับทีมงาน The Middle Way อย่างเต็มที่และเต็มกำลัง มีการประชาสัมพันธ์โครงการ The Middle Way ในหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 3สัปดาห์ และเชิญชวนสมาชิกในครอบครัว รวมถึงเพื่อนๆศาสนิกของศาสนาบาไฮ เข้าร่วมโครงการด้วยครับ มีผู้เข้ารับการอบรมจำนวน 31ท่าน เป็นชาย 8ท่าน หญิง 23ท่าน รวม 4สัญชาติ คือ ออสเตรเลีย อิหร่าน นิวซีแลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ มีหลากหลายความเชื่อ ทั้งพุทธ บาไฮ คริสต์ ยิว มุสลิม และคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาใดๆ แต่ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การนั่งสมาธิร่วมกัน อย่างไม่มีความขัดแย้งใดๆเลยประสบการณ์การนั่งสมาธิของผมก็คือ หลังจากที่ผมหลับตาเบาๆ ผ่อนคลายสบาย กำจัดความคิดต่างๆออกไปแล้ว ใจของผมก็รวมอยู่ที่กลางท้อง แล้วผมก็เห็นดวงใส ที่ส่องสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ผุดขึ้นมา และเห็นพระธรรมกายที่กลางกายอยู่ตลอดเวลา ผมนั่งสมาธิวันละ 2ครั้ง และรักษาใจไว้ที่ศูนย์กลางกายได้ตลอดทั้งวัน ตอนนี้ผมได้รับความสุข ชนิดที่หาจากไหนไม่ได้อีกแล้วผมมีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับผู้เข้าร่วมโครงการ The Middle Way ทุกคนประทับใจการทำสมาธิมาก และต่างเห็นด้วยว่า การทำสมาธิเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งของชีวิตเลยทีเดียว ทุกเชื้อชาติศาสนาสามารถนั่งสมาธิได้ และที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือ กลุ่มของผู้ที่นับถือศาสนาบาไฮ พวกเขามีหลักปฏิบัติตามคำสอนของศาสดา คือ การสวดมนต์อ้อนวอนและการทำสมาธิ (Prayer and Meditation) ซึ่งไม่มีข้อบังคับใดๆว่า จะต้องเลือกเทคนิคการทำสมาธิแบบไหน ให้อิสระที่จะเลือกทำสมาธิที่ตัวเองชอบเมื่อกลุ่มของชาวบาไฮ ได้ทดลองทำสมาธิเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกาย ตามที่พระอาจารย์แนะนำแล้ว ได้กล่าวว่า “การที่อยู่อย่างเงียบๆกับตัวเอง ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับพระเจ้า สมาธิคือสะพานที่เชื่อมตัวเขากับพระเจ้า และอยากจะเรียนรู้การทำสมาธิมากขึ้นไปกว่านี้อีก”ในระหว่างการปฏิบัติธรรมร่วมกันตลอดโครงการ พระอาจารย์ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำสมาธิ และส่งเสริมการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวของมนุษยชาติ แม้จะมีพื้นฐานจากต่างศาสนาก็ตาม ทำให้ชาวบาไฮทั้ง 9ท่านที่เข้าร่วมโครงการ ได้รับความประทับใจจากการแนะนำสมาธิของพระอาจารย์ ทุกคนล้วนมีความสุขกับการปฏิบัติธรรม และจะไปชวนเพื่อนๆชาวบาไฮ ญาติพี่น้อง ให้มาเข้าร่วมโครงการ The Middle Way ในครั้งต่อๆไปด้วย จึงทำให้ผมและคุณนก วางแผนที่จะจัดปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิต่อไปอย่างนี้ทุกเดือนครับหลังเสร็จสิ้นโครงการ ได้มีการประชุมสรุปงานกัน และจัดตั้งคณะกรรมการองค์กรบาไฮ-พุทธขึ้นมา ที่เมืองเพิร์ธ ซึ่งผลสรุปของการประชุมออกมาดังนี้ครับ1.กลุ่มบาไฮที่ได้เข้าร่วมโครงการ จะเขียนประสบการณ์จากการปฏิบัติธรรมและความประทับใจที่ได้เข้าร่วมโครงการ The Middle Way ของตัวเอง ส่งไปที่ Universal House of Justice (สภายุติธรรมสากล) ซึ่งเป็นคณะกรรมการบริหารสูงสุดของบาไฮทั่วโลกกว่า 5ล้านคน พร้อมเขียนจดหมายแนะนำ วัดพระธรรมกาย ให้คณะกรรมการได้รู้จัก และขอเชิญมาเยี่ยมชมวัดพระธรรมกายที่ประเทศไทย2.สมาชิกกลุ่มบาไฮเมืองเพิร์ธ มีความตั้งใจที่จะเขียนจดหมายเชิญคณะกรรมการบริหารบาไฮ ในประเทศไทย ให้มาเยี่ยมชมวัดพระธรรมกายด้วยเช่นกัน3.ภายใน 1ปีนี้ จะมีการจัดกิจกรรมร่วมกันสำหรับชาวบาไฮและชาวพุทธที่เมืองเพิร์ธแห่งนี้นอกจากนี้ ผมได้นิมนต์พระอาจารย์และคณะทีมงาน เยี่ยมชม Bahai Center of Learning (ศูนย์การเรียนรู้บาไฮ) ที่เมืองเพิร์ธ และ Bahai House of Worship (สักการสถานของบาไฮ) ที่เมืองซิดนีย์ด้วยในระหว่างการเยี่ยมชม Bahai Center of Learning (ศูนย์การเรียนรู้บาไฮ) ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีเยี่ยมจากชาวบาไฮ และพระอาจารย์ได้แนะนำเรื่องของสมาธิ โดยกล่าวถึงความตั้งใจ ที่อยากให้ชาวบาไฮทุกคนได้ลองปฏิบัติสมาธิเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกาย และพูดถึงการเชื่อมโยงกันของผู้คนบนโลกนี้ว่า สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านใจที่มีพลัง และพวกเราจะร่วมกันนำสันติสุขมาสู่โลกความสำเร็จอย่างงดงาม ที่ได้จากการเยี่ยมชมของคณะพระภิกษุในครั้งนี้ คือ การได้รับรู้ถึงความเหมือนกันของศาสนาบาไฮและศาสนาพุทธวิชชาธรรมกาย คือ มีแต่ความสงบสุข ยอมรับในศาสนาอื่น และมีเป้าหมายสูงสุด คือ ทำให้ทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างสันติสุขให้แก่โลกใบนี้ หลังจากนั้น ประมาณ 1สัปดาห์ ก็ได้ลงจดหมายข่าวของชาวบาไฮให้ทราบทั่วถึงกัน เกี่ยวกับการไปเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้บาไฮ โดยละเอียดผมหวังว่า พวกเราจะสามารถบรรลุเป้าหมาย ในการรวมมนุษยชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และสร้างสันติภาพโลก โดยผ่านความร่วมมือจากผู้คนหลากความเชื่อ หลายศาสนา อย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อเคยบอกเอาไว้ว่า “การทำสมาธิจะทำให้เกิดพื้นฐานของการร่วมมือกัน”ผมกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่สนับสนุนและเมตตาให้พระอาจารย์และเจ้าหน้าที่ มาช่วยทำโครงการนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ทีมงานทุกคนทำงานอย่างขยันขันแข็งมาก ผมเคยทำธุรกิจมามากมายหลายบริษัทฯ แต่ยังไม่เคยเห็นใครขยันเท่าทีมงานของวัดพระธรรมกายเลย พวกเขาทุกคนต่างมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ นึกถึงทีไรก็ปลื้มจนน้ำตาไหลทุกทีครับกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างสูงกัลยาณมิตรไชยา กอร์จี
http://goo.gl/hCrWp
พิมพ์บทความนี้
