ผลการปฏิบัติธรรม
กัลยาณมิตร ดิดิเอ้ (ชาวฝรั่งเศส)โครงการปฏิบัติธรรม The Middle Way รุ่นที่ 9ผมชื่อ ดิดิเอ้ อายุ 55ปี เกิดที่ประเทศฝรั่งเศสครับ แม้ผมเป็นชาวฝรั่งเศสแต่ไม่ค่อยได้อยู่ในประเทศตัวเองสักเท่าไหร่ครับ ผมท่องเที่ยวและทำงานอยู่ในที่ต่างๆทั่วโลก เช่น ประเทศในแถบเอเชีย แอฟริกา อเมริกาใต้ อเมริกากลาง และแคริบเบี้ยน
ปัจจุบัน ผมทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาในแถบแคริบเบี้ยน ซึ่งภูมิภาคนี้ค่อนข้างยากจน ช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยมีเยอะมาก แต่ถึงกระนั้นผู้คนต่างก็มีจิตใจที่ดีงามครับผู้คนที่นี่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ เพราะมีมิชชันนารีมาสอนศาสนา แต่ผมก็ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมใดๆเลย คงเป็นเพราะ ตอนเด็กๆ พ่อเคยเล่าว่า สมัยที่พ่อเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 มีบาทหลวงบอกว่า “พระเจ้าอยู่กับเรา ถ้าเรารบเพื่อประเทศฝรั่งเศส เราจะไม่เป็นไร” แต่พอออกรบ ก็โดนจับเป็นเชลยในประเทศเยอรมัน ขณะอยู่ที่นั่นก็มีบาทหลวงเยอรมันบอกว่า “ถ้าเรารบเพื่อประเทศเยอรมัน พระเจ้าจะอยู่ข้างเรา” พ่อจึงสอนผมว่า “อย่าได้เชื่อในคำสอนที่เป็นไปเพื่อการรบราฆ่าฟัน” ตั้งแต่นั้นมาผมจึงไม่เชื่อถือในศาสนานั้นเลยแต่พอโตขึ้น ผมก็สนใจเรื่องปรัชญาของศาสนาต่างๆ จึงได้ศึกษาทั้งปรัชญาอินเดีย ปรัชญาในยุคกลาง และยังได้ศึกษาภาษาบาลี-สันสกฤตด้วย แต่ยังไม่มีโอกาสศึกษาพระพุทธศาสนามากนักจนเมื่อผมได้ไปเยี่ยมน้องชาย ซึ่งทำงานอยู่ในประเทศเวียดนาม จึงมีโอกาสได้อ่านหนังสือของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ผมรู้สึกสนใจมาก แต่เนื่องจากหนังสือที่เขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสยังมีน้อย ผมจึงศึกษาได้ไม่ลึกซึ้งนัก จากจุดนี้เอง ผมเกิดความคิดที่จะเขียนหนังสือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเป็นภาษาฝรั่งเศสขึ้นมาผมเริ่มทำ Research และศึกษาธรรมะของพระพุทธเจ้าอย่างจริงจัง แต่ยิ่งศึกษา ผมก็ยิ่งรู้สึกว่า ยังมีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไป บางครั้งเวลาที่อ่านธรรมะ ผมก็ไม่เข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้ง พอศึกษาและค้นคว้าไปเรื่อยๆ ก็พบคำตอบว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ความสำคัญกับการปฏิบัติธรรมมาก ถ้าเปรียบเสมือนการขับรถ ผมคงจะรู้เรื่องทฤษฎีเกี่ยวกับรถเป็นอย่างดี แต่ไม่เคยทดลองขับคราวนี้ ผมจึงหันมาแสวงหาวิธีการนั่งสมาธิ(Meditation) และทำ Research อีกครั้ง ผมพบวิธีทำสมาธิรูปแบบต่างๆมากมาย โดยเฉพาะจากอินเดีย จนวันหนึ่ง ขณะที่กำลังเปิดอ่านนิตยสารภาษาฝรั่งเศสชื่อ Buddhist News ผมก็ได้พบกับเรื่องราวและภาพของ วัดพระธรรมกาย ที่สวยงามมาก จึงได้เข้าไปในเว็บไซต์ของวัดพระธรรมกาย และพบว่าทางวัดมีวิธีการทำสมาธิเพื่อเข้าถึงพระธรรมกาย โดยเริ่มต้นด้วยการนึกดวงแก้วผมสนใจมากจนอดใจไม่ไหว รีบไปเสาะแสวงหาดวงแก้วมาฝึกด้วยตัวเอง ผมพยายามนำดวงแก้วมานึก แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก แต่ไม่ยอมแพ้นะครับ ผมตัดสินใจดั้นด้นมาประเทศไทย มุ่งตรงสู่วัดพระธรรมกาย เพื่อจะได้ศึกษาการนั่งสมาธิจากพระอาจารย์ผู้มีความเชี่ยวชาญวันแรกที่มาถึงวัด เป็นวันสมาธิโลก เดือนสิงหาคม ปี พ.ศ.2550 ผมบอกตรงๆว่า ไม่เคยประทับใจวัดไหนเท่านี้มาก่อนเลย ยิ่งได้สัมผัส ยิ่งรู้ว่า ทุกคนมีความตั้งใจอย่างเดียวกันคือ ต้องการขยายสันติสุขให้กับโลกใบนี้อย่างแท้จริง ยิ่งได้ศึกษาประวัติการสร้างวัดของ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง ผมยิ่งนับถือท่านมากๆ และตัดสินใจแล้วว่าผมจะตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อเข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ แล้วผมก็ให้โอกาสตัวเอง เข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรมสำหรับชาวต่างชาติ The Middle Way ที่จังหวัดเชียงใหม่ครับช่วงแรกๆ ผมมีปัญหาเรื่องภาษามาก เวลาที่พระอาจารย์นำนั่งสมาธิเป็นภาษาอังกฤษ ในหัวผมต้องแปล-กลับเป็นภาษาฝรั่งเศสอีกครั้งหนึ่ง ทำให้สับสนเป็นระยะๆ แต่พอผมเรียนรู้วิธีนึกดวงแก้วไว้ที่กลางท้องได้ ปัญหานี้ก็หมดไปครับการนึกของผมมี 2 แบบ คือ ถ้าเป็นช่วงเช้า เพิ่งตื่นนอน ยังไม่มีอะไรรบกวนใจมาก ผมจะนั่งขัดสมาธิ นึกดวงแก้วไว้ที่กลางท้องอย่างสบายๆ แต่ถ้าเป็นช่วงบ่าย ผ่านกิจกรรมต่างๆ มีสิ่งรบกวนใจมากขึ้น ผมจะนั่งสมาธิบนเก้าอี้ นึกถึงรูปตัวเองเป็นเหมือนแท่งสามเหลี่ยม และภาวนา “สัมมา อะระหัง” ผมผ่อนคลายได้อย่างรวดเร็วและง่ายๆ ไม่มีความกังวล ไม่คิดเรื่องภายนอก ถ้ามีความคิดเข้ามา ผมก็สามารถจะ Let go (ปล่อยวาง) ได้อย่างง่ายดาย ผมสามารถวางใจนิ่งๆไว้ที่ศูนย์กลางกายได้นานขึ้น มีจังหวะหนึ่งที่อารมณ์กำลังสบายๆ ผมก็เห็นดวงกลมสว่างเกิดขึ้นมาที่กลางท้อง แต่พอผมคิดว่า “โอ้...เราทำได้แล้ว” ดวงกลมสว่างนั้นก็หายไปทันทีเลยครับผมฝึกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งขณะที่กำลังนึกรูปตัวเองเป็นสามเหลี่ยมในกลางท้องเช่นเคย อยู่ดีๆ สามเหลี่ยมนั้นก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนเป็นองค์พระและตัวผมก็กลายเป็นองค์พระด้วย ไม่ใช่แค่นั้น ต่อมาผมยังเห็นองค์พระองค์เล็กๆ ปรากฏในกลางท้องและหมุนได้ บางครั้งผมก็เห็นดวงแก้วผุดขึ้นและมีองค์พระอยู่ในดวงแก้ว ผมปีติใจมากๆ และมีความสุขที่สุด ถ้าวันไหนผมมีสมาธิมาก องค์พระจะอยู่กับผมนาน แม้ว่าพระอาจารย์กล่าว “สัพเพฯ...” แล้ว พอลืมตาขึ้น องค์พระก็ยังอยู่กับผม ชัดมากและชัดเจนอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามการปฏิบัติธรรมในโครงการ The Middle Way ครั้งนี้ ผมไม่ได้มีแค่องค์พระติดตัวกลับมาเท่านั้น แต่ยังทำให้ผมได้เรียนรู้เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตด้วย ผมคิดว่า การศึกษาธรรมะควบคู่กับการนั่งสมาธิทำให้การศึกษาพระพุทธศาสนาของผมสมบูรณ์มากขึ้นครับ ตอนที่ผมศึกษาธรรมะอย่างเดียว เปรียบเสมือนผมขับรถโดยลืมตาข้างเดียว แต่ตอนนี้ผมได้เรียนรู้การนั่งสมาธิ เปรียบได้กับการขับรถโดยลืมตาทั้งสองข้าง ภาพที่เห็นชัดเจนมากขึ้น ผมเข้าใจความหมายหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ ผมอยากให้ตัวเอง บริสุทธิ์อย่างนี้ไปจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตครับคนเราเกิดมาคนเดียว ตายคนเดียว (Born alone die alone) สิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนได้สัมผัสคือความสุขที่แท้จริงและสันติสุขภายใน ถ้าได้สัมผัสสิ่งนี้ ชีวิตที่เกิดมาก็ไม่เสียเปล่า หน้าที่ของผมตอนนี้คือ พัฒนาตัวเองให้เป็นที่พึ่งของตัวเอง ให้เข้าถึงความบริสุทธิ์และสันติสุขภายใน ผมอยากบอกทุกคนว่า The Middle Way คือสิ่งที่คุณต้องลองมาพิสูจน์ ไม่จำเป็นต้องเชื่อในสิ่งที่ผมพูด แต่ให้ลองพิสูจน์ด้วยตัวเอง แล้วคุณจะรู้ว่า คุณไม่ต้องเสียเวลาค้นหาความสุขที่ไหนอีกแล้ว ความสุขนั้นอยู่กับคุณ อยู่ในตัวคุณนั่นเองสุดท้ายนี้ ผมอยากบอกว่า ผมประทับใจงานที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทำทุกอย่าง ทั้งสอนธรรมะและขยายสันติสุขให้แก่ชาวโลก แม้ผมจะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งนัก แต่ที่แน่ๆ ผมสามารถเขียนหนังสือเป็นภาษาฝรั่งเศสได้อย่างดีครับ และในอนาคต ผมอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการบวช ได้ช่วยงานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เพื่อขยายสันติสุขสู่ชาวโลกต่อไป ขอบพระคุณครับ
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-2477.png)
http://goo.gl/VwTCS