Mobile Versionข่าวดังประจำสัปดาห์ที่ผ่านมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักสากล ที่คุณครูไม่ใหญ่ (พระราชภาวนาวิสุทธิ์) สอนให้นักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทั่วโลกทุกคน ให้ตกหลุมรักตนเอง และแบ่งปันความรัก ให้กับทุกคนในโลก และสอนให้วัยสะรุ่น ที่กำลังจะรุ่น และเลยรุ่นไปแล้ว ให้รู้จักรักนวลสงวนตัว รู้จักความรักที่แท้จริง นั่นก็คือ ความรักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงรักมนุษย์ทุกคนในโลก ปรารถนาให้พ้นทุกข์ และสิ่งที่เราควรจะนำมาใช้เป็นสื่อแทนความรัก ควรจะเป็นดอกบัว ที่นำไปกราบบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือนำดอกมะลิไปกราบคุณพ่อ คุณแม่ แทนการมอบดอกกุหลาบให้กันจากกระแสความตื่นตัวในเรื่องนี้ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อมวลชนได้นำเสนอเรื่องราวดีๆของ โรงเรียนมัธยมฐานบินกำแพงแสน ที่มีผู้อำนวยการคนดัง ที่เป็นทั้งคนเก่งและดี คือ อาจารย์ถาวร ชัยจักร ท่านได้แนวคิดดีๆจากวิชชั่นของคุณครูไม่ใหญ่ จึงได้จัดกิจกรรม เพื่อเปลี่ยนทัศนคติของนักเรียนในวันวาเลนไทน์ ด้วยกิจกรรม ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ส่วนที่นิยมมอบดอกกุหลาบ ก็เปลี่ยนให้ถวายดอกบัว แด่พระภิกษุที่มาเป็นเนื้อนาบุญบิณฑบาต จำนวน 155รูปหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2551 ได้เสนอข่าวหน้าหนึ่งว่า ผอ.มัธยมฐานบินกำแพงแสน แนวคิดเจ๋ง เปลี่ยนวันวาเลนไทน์ เป็นวันหลงรักตนเอง...ใช้ธรรมะบ่มจิตใจ....เนื่องในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ เป็นเดือนแห่งความรัก อาจารย์ถาวร ชัยจักร ผอ.โรงเรียนมัธยมฐานบินกำแพงแสน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม กล่าวว่า “โรงเรียนมัธยมฐานบินกำแพงแสน เป็นโรงเรียนที่รับเด็กเข้าเรียนตั้งแต่ชั้น ม.1-ม.6 โดยมีนักเรียนจำนวน 2,500 คน แบ่งเป็น ชาย 1,200คน หญิง 1,300คน ที่ผ่านมาทุกคนมีความประพฤติดี ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยหรือเสื่อมเสียแต่อย่างใด…แต่ด้วยความที่นักเรียนเป็นเด็กอายุระหว่าง 12-18ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เรียกว่าย่างเข้าสู่วัยรุ่น ซึ่งระยะหลังๆที่ผ่านมา การประพฤติและการปฏิบัติของวัยรุ่นสมัยใหม่ ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในวันวาเลนไทน์ จะประพฤติปฏิบัติเลยเถิดเกินคำว่า “วันแห่งความรัก” ไป…ในฐานะอาจารย์คนหนึ่ง ที่จะต้องปกครองดูแลนักเรียนในปกครอง ไม่ว่าจะเป็นการให้การศึกษา และการอบรมสั่งสอนดูแล จึงมีความคิดที่จะปลูกฝังให้นักเรียน ได้รู้ซึ้งถึงคุณค่าในตัวเองมากขึ้น คิดถึงประเพณี วัฒนธรรม ในฐานะที่เกิดเป็นคนไทย ควรต้องยึดถือวัฒนธรรมไทย โดยให้เด็กทุกคนได้เข้าถึงธรรมะ เพื่อช่วยขัดเกลาจิตใจ ให้มีความคิดและปฏิบัติดี รักนวลสงวนตัวมากขึ้น...วันวาเลนไทน์ปีนี้ ทางโรงเรียนได้จัดโครงการให้นักเรียนได้มีโอกาส ทำบุญ นั่งสมาธิ(Meditation) เพื่อใช้ธรรมะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ แทนที่จะมีความคิดหันเหไปตามวันวาเลนไทน์ การเปลี่ยนวันวาเลนไทน์ให้เป็น “วันหลงรักตนเอง” เพื่อเปลี่ยนทัศนคติวันวาเลนไทน์ จากเรื่องรักระหว่างเพศ เรื่องชู้สาว ให้หันมาเน้นเรื่องรักตัวเอง ตามโครงการตกหลุมรักตนเอง จึงเป็นการสร้างจิตสำนึกให้นักเรียนได้เข้าถึงความดี การสร้างความดีในพิธีนี้ คือ1.การทำทาน2.การรับศีล3.การเจริญจิต4.การเจริญภาวนาโดยการเปลี่ยนทัศนคติการมอบกุหลาบในวันวาเลนไทน์ เป็นการมอบดอกบัวแทน”เอาเวลาไปทำงานช่วยพ่อแม่ดีกว่าน.ส.ขนิษฐา เหลืองรุ่งทรัพย์ อายุ 16ปี นักเรียนชั้น ม.4 กล่าวว่า “วันนี้แม้จะเป็นวันวาเลนไทน์ แต่สำหรับตนไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่วันนี้ต้องตื่นแต่เช้า เอาน้ำส้ม มาม่า และอาหารแห้ง พร้อมด้วยดอกบัว 3ดอก มารวมกัน และมาทำบุญตักบาตรที่โรงเรียน ส่วนตอนเย็นก็คงรีบกลับบ้านไปช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน และหอมแก้มพ่อแม่ เพื่อแสดงความรักในวันวาเลนไทน์เท่านั้น”หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.255 ได้ตีพิมพ์ลงในคอลัมน์ “พระเครื่อง” โดยพาดหัวว่า...นักเทศน์หน้าเสาธง “ถาวร ชัยจักร”...ผอ.โรงเรียนมัธยมฐานบินกำแพงแสนโดยมีข้อความตอนหนึ่งว่า...การเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาของโรงเรียนมัธยมฐานบินกำแพงแสน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีนายถาวร ชัยจักร เป็นผู้อำนวยการ มีความแตกต่างจากโรงเรียนทั่วๆไปอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ การเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ มีการกล่าวคำปฏิญาณตน (ที่จะรักษาศีลห้า) ที่สำคัญคือ นายถาวร จะยืนเล่านิทานธรรมะและนิทานชาดก ก่อนเคารพธงชาติทุกๆเช้า ให้นักเรียนกว่า 2,500คนฟัง โดยไม่ซ้ำเรื่องกันเลย ตลอดเวลา 6ปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจเรียกได้ว่า ผอ.ถาวร คือ นักเทศน์หน้าเสาธง ก็ได้“เพราะเราไม่สามารถบรรจุวิชาศีลธรรมไว้ในหลักสูตรได้ เนื่องจากเวลาเรียนในตารางของนักเรียนเต็มหมดแล้ว โรงเรียนจึงใช้วิธีบรรจุวิชาศีลธรรมไว้ในพิธีกรรมหน้าเสาธง ประมาณหนึ่งชั่วโมง โดยจะแบ่งกับรอง ผอ. อีก 4คน มาช่วยสอนและเล่านิทานธรรมะ ทั้งนี้แต่ละคนจะต้องเขียนแผน ที่จะพูดแต่ละวันด้วย เมื่อรวมทั้งปีแล้ว นักเรียนจะมีความรู้ด้านศีลธรรมครอบคลุมทุกเรื่อง” (ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรนี้) นี่คือเหตุผลของนายถาวรพร้อมกับเล่าให้ฟังว่า “วันแรกที่ยืนเล่านิทานธรรมะ เด็กไม่สนใจฟังเลย แต่ก็ไม่คิดโทษเด็ก แต่กลับมองที่ตัวเราเองว่า หานิทานไม่สนุก หรือวิธีการนำเสนอที่ไม่ได้เรื่องกันแน่ จากนั้นก็ปรับปรุงเรื่อยมา ทุกๆเช้าจะไม่ไปไหน เพราะมีหลักที่ว่า นักเรียนต้องมีความสำคัญที่สุด ด้วยเหตุนี้ ถ้าใครนัดประชุมเช้านอกโรงเรียน ผมจะปฏิเสธ หรือจะส่งครูคนอื่นไปแทน ซึ่งตลอดเวลาของการเป็นผู้อำนวยการมา 6ปี เล่านิทานธรรมะ รวมทั้งนิทานชาดกทุกวัน โดยไม่ซ้ำเรื่องกัน โดยเรื่องที่นำมาเล่านั้นทั้งจากการอ่านหนังสือ และดูรายการพุทธศาสนาทางโทรทัศน์ช่อง DMC ทั้งนี้จะเขียนไว้ทุกๆวัน”นอกจากความโดดเด่นของพิธีกรรมหน้าเสาธงแล้ว ยังมีนโยบายที่โดดเด่นอีก 2อย่าง คือ นักเรียนทุกคนไม่ต้องสอบเข้า เมื่อมาสมัครเพื่อที่จะเข้าเรียนแล้ว โรงเรียนจะมอบหนังสือคู่มือผู้ปกครอง (ซึ่งก็คือหนังสือครอบครัวอบอุ่น) ไปให้ฟรีๆ หนึ่งเล่ม ผู้ปกครองต้องกลับไปอ่าน ถ้าอ่านไม่ออก ลูกต้องอ่านให้ฟัง เนื้อหาของหนังสือจะออกไปในแนวการเลี้ยงลูกและธรรมะ พร้อมกับให้ข้อสอบไปช่วยกันทำทั้งครอบครัว 100ข้อ ในวันมอบตัวผู้ปกครองจะต้องสอบ ทั้งนี้จะนำข้อสอบทั้ง 100ข้อ มาเลือกให้เหลือ 50ข้อ โดยจะสลับข้อกันทั้งข้อเขียนและเลือกคำตอบ ถ้าผู้ปกครองสอบไม่ผ่าน ลูกของผู้ปกครองจะไม่ได้เรียนทั้งนี้ นายถาวร พูดไว้อย่างน่าคิด “พูดเรื่องดีๆ ทุกๆเช้า พูดเรื่องดีๆทุกวัน จะทำให้ผู้ที่ได้ยินและผู้ที่พูด คิดและทำในสิ่งดีๆ ด้วยเด็กดีไม่ดีอย่าโทษเด็ก ต้องโทษพ่อแม่ ครู ผู้ปกครองว่า ฝีมือไม่ถึงที่จะสอนให้เด็กเป็นคนดีได้ โรงเรียนค้นพบกุญแจสำคัญที่ว่า การแก้ปัญหาต้องแก้ที่เหตุ และเหตุที่เด็กจะดีหรือไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่ครู หากอยู่ที่สถาบันครอบครัวเป็นหลัก พ่อแม่เป็นครูคนแรก ถ้าครูคนแรกดีลูกย่อมดีด้วย ครูที่โรงเรียนเป็นเพียงครูคนที่2-3 เท่านั้น แม่แบบหรือแม่พิมพ์ซึ่งหมายถึงครูจึงเป็นสิ่งสำคัญ”***************นอกจากนี้ อาจารย์ถาวร ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับทีมงาน DMC ถึงผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโรงเรียนมัธยมฐานบินกำแพงแสนว่า...“ทั้งนี้ ต้องขอกราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ ที่เมตตาให้แนวทางในการปลูกฝังศีลธรรมให้กับผู้คนในโลก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระผมคิดว่า หากโรงเรียนหรือครอบครัวนำพาเยาวชน เขาได้ทำในสิ่งดีๆ เยาวชนของเราต้องเป็นคนดี แล้วครอบครัวก็จะมีความสุข สันติสุขสันติภาพก็จะเกิดขึ้น หากกระผมไม่ได้เข้าวัดพระธรรมกาย และพบพระเดชพระคุณหลวงพ่อแล้ว ก็ยากที่กระผมจะมีกิจกรรมดีๆ ให้กับคุณครูและนักเรียนของกระผมได้ครับ”
http://goo.gl/5hghb
พิมพ์บทความนี้
