พุทธศาสนาเป็นความรู้สากล

ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตรออราน โคเฮน (จากประเทศแอฟริกาใต้)

 

กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อ (พระราชภาวนาวิสุทธิ์) ที่เคารพอย่างสูงครับ

 

    ผมชื่อ ออราน โคเฮน (Oran Cohen) อายุ 26ปี จากประเทศแอฟริกาใต้ ผมสนใจในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่อายุประมาณ 16ปีแล้ว ผมคิดว่าการประชุม WSYC ครั้งนี้ที่เมืองไทย จะทำให้พวกเรา WSYC พัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะได้มาเรียนรู้วัฒนธรรม และแนวทางการยกระดับจิตใจที่แตกต่างไปจากที่เราเคยรู้ เคยสัมผัสมา มันน่าตื่นเต้นมากที่จะได้ลองสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมืองไทย ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ทำให้ผมได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้รับมาก่อนในชีวิต มันคุ้มค่ามากจริงๆครับ

 

    การประชุมครั้งนี้ ทำให้ผมเข้าใจสิ่งที่พระพุทธศาสนาสอนมากขึ้น และรู้ว่า ผมยังไม่รู้อะไรอีกมาก ซึ่งมันทำให้ผมอยากศึกษาพระพุทธศาสนาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น มันน่าแปลกใจสำหรับผมมากครับ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในพระพุทธศาสนา มีที่มาที่ไป  ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกอย่างมีเหตุมีผลหมด น่าทึ่งจริงๆครับ

 

    มันทำให้ผมอยากค้นหาความจริงเหล่านั้นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องของ “สมาธิ(Meditation)” เราสามารถให้นิยามคำว่า “สมาธิ” ได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่สำหรับผม หลังจากได้มาร่วมปฏิบัติธรรมในโครงการ The Middle Way ผมกลับรู้สึกว่า สมาธิทำให้ผมเริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งความเข้าใจ โดยเฉพาะตอนนี้ผมยิ่งรู้สึกว่า สมาธิทำให้ผมได้กลับบ้าน เหมือนผมสามารถหยุดโลกไว้ได้ ทำให้เกิดความโล่งโปร่งในใจ มันทำให้ผมเกิดแรงบันดาลใจ

 

    เมื่อเช้าวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ผมรู้สึกเพลียมาก เพราะเราประชุมงานกันจนแทบไม่ได้นอนเลย ผมไม่รู้จะทำอะไร ระหว่างรอการประชุมช่วงเช้า ผมเลยลองหลับตา และนึกถึงวิธีการวางใจที่ผมเรียนรู้มาจาก The Middle Way ว่าให้ทำใจนิ่งๆ ว่างๆ อย่าไปติดกับคน สัตว์ สิ่งของ ปล่อยวางอารมณ์ต่างๆ แล้วผมก็สัมผัสได้ว่า ใจของผมดิ่งลงไปเร็วมาก เหมือนผมเข้าไปสู่ที่โล่งๆว่างๆภายใน เหมือนโลกหยุดหมุน ทุกอย่างหยุดหมด เหมือนผมสามารถกดปุ่มให้ทุกอย่างหยุดได้อย่างนั้นแหละ

 

ความรู้สึกนี้มันอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ใดๆที่เรารู้จักกัน คือ มันน่าแปลกมากที่เวลาเพียงแค่ 7นาทีเท่านั้น สามารถทำให้ผมสดชื่นและมีพลัง สามารถประชุมต่อได้ทั้งวัน ผมว่ามันเป็นทางลัดสู่ความสุขสดชื่นเลยก็ว่าได้ ผมเลยเข้าใจแล้วว่า ยิ่งคุณนั่งสมาธิมากเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถใช้ประโยชน์มันได้มากเท่านั้น มันจะรับใช้คุณได้มากเท่านั้น เหมือนกล้ามเนื้อของเรา ยิ่งออกแรง ก็ยิ่งได้แรง

 

    ซึ่งหลังจากจบโครงการ The Middle Way ผมก็ยังตื่นมานั่งสมาธิบนอาสนะ ที่ผมซื้อมาตลอด เพราะผมอยากเชื่อมโยงกับพลังงานภายใน กับความโล่งว่าง ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า ยิ่งผมขยันนั่งเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งรู้สึกว่ามันง่ายมากขึ้นเท่านั้น และใจของผมก็ดิ่งลงไปง่ายขึ้น และลึกขึ้นมากเท่านั้น บางครั้งเมื่อเราเจอเหตุการณ์ที่ประทับใจมากๆ เรามักต้องใช้เวลาในการนำตัวเองกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงของเรา แต่ผมว่าเพราะสมาธินี่แหละ ที่ช่วยให้ผมสามารถเอาความประทับใจนั้นมาปรับใช้ในชีวิตปกติของผม ได้อย่างลงตัวและรวดเร็ว

 

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ ผมประทับใจ คุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง มากๆครับ เพราะการที่คุณยายสร้างวัดพระธรรมกาย ได้ใหญ่โตโอฬารขนาดนี้ โดยเริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย และท่านเองก็อ่านหนังสือไม่ออกด้วยนั้น มันทำให้ผมทึ่งว่า ทำไมท่านกล้าฝัน ซึ่งความกล้าฝันของท่าน มันฝังเข้าไปในใจของผมเลย เพราะความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของมนุษย์ก็คือ ความกล้าคิด กล้าฝัน

 

    แต่นี่คุณยายเพียงคนเดียว ท่านสามารถสร้างแรงบันดาลให้ลูกศิษย์มากมาย ช่วยกันทำงานจนประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ แม้ว่าตอนแรกท่านอาจจะแค่จุดประกาย แต่ดูซิ...ผลที่เกิดขึ้นอาจจะเกินความคาดหมายของท่านก็ได้ ทำให้ผมเอาสิ่งนี้มาเทียบกับ WSYC ที่ตอนนี้เรามีกลุ่มแกนนำที่มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องสันติสุขภายในมากขึ้นแล้ว และเราก็พร้อมที่จะนำสมาธิมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพราะเรากำลังคิด พูด ทำ และดำรงชีวิตอยู่อย่างสันติ

 

    เราพร้อมที่จะเรียนรู้ให้มากขึ้น เพื่อจะสามารถเชิญชวนให้คนอื่นสามารถนำเรื่องสมาธิ และความรู้ภายใน (Spirituality) ไปใช้ในชีวิตประจำวันของเขาเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะอยู่ในสาขาอาชีพใด

 

    การมาเมืองไทยครั้งนี้ ทำให้งานของ WSYC ก้าวหน้าขึ้นมาก เหมือนอย่างวลีที่ว่า “ตามองดาวเท้าติดดิน” ผมเองก็กำลังพยายามทำอยู่ตลอดเวลา ในการรักษาสมดุลของชีวิตทางโลกและทางธรรม (Spirituality) เข้าด้วยกัน ซึ่งตอนนี้ผมว่าพวกเรา WSYC เห็นภาพชัดขึ้นมาก...ว่า WSYC จะเดินไปในทิศทางไหน ซึ่งต่างจากเมื่อก่อน ที่เรายังไม่มีความชัดเจนมากนัก เหมือนว่า เรารู้แล้วว่าจะนำดาวลงมาสู่พื้นดินได้อย่างไร การประชุมครั้งนี้ให้อะไรกับพวกเรามากจริงๆ ทำให้พวกเรากล้าคิดกล้าฝันที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เพราะคิดเล็กหรือคิดใหญ่ก็เสียเวลาเท่ากัน

 

 

    ในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ผมจะทำโครงการของ WSYC ที่ South Africa ด้วยการเป็นผู้ให้ และด้วยเป้าหมายในการสร้างสันติภาพให้เกิดแก่โลกของวัดพระธรรมกาย ทำให้ผมได้รับอนุญาตให้ใช้สถานที่ของศูนย์สาขาของวัดพระธรรมกายที่โจฮันเนสเบิร์ก เป็นสถานที่ประชุมสำหรับเยาวชน ที่จะมาจากทวีปแอฟริกาทั้งหมด

 

    ซึ่งผมอยากแนะนำเรื่องสมาธิ และวิธีการปฏิบัติสมาธิให้กับเยาวชนแอฟริกันเหล่านี้ ก่อนจะเริ่มประชุม เพราะผมได้พิสูจน์แล้วว่า สมาธิทำให้เราสามารถทลายกำแพงแห่งความแตกแยก และแตกต่างได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นก่อนจะประชุมงานเพื่อสันติภาพ เราต้องรักและสามัคคีกันก่อน เราจึงจะร่วมมือร่วมใจกันทำงานได้ ซึ่งก็เหมือนกับพวกเรา WSYC ที่มาครั้งนี้ เราเคารพและรักซึ่งกันและกันมาก ทำให้การทำงานของเราง่ายขึ้นมาก แม้ว่าเราจะแตกต่างทั้งเชื้อชาติ ศาสนาและเผ่าพันธุ์ แต่เรากลับเป็นพูดภาษาเดียวกัน

 

    ผมรู้ว่างานนี้ต้องสนุกและสำเร็จแน่ เพราะเราได้รับการสนับสนุนจากวัดพระธรรมกาย ผมคิดว่าจะนิมนต์พระอาจารย์ที่นั่น สอนเรื่องสมาธิในพระพุทธศาสนา เยาวชนจะได้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น

 

    สุดท้ายนี้ ผมขอกราบขอบคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสอง และขอบคุณสำหรับความสุขและแรงบันดาลใจมากมาย ที่ผมได้รับจากการมาประชุมงานที่เมืองไทยครั้งนี้ ผมขออนุโมทนาบุญกับทุกคนด้วยความจริงใจ ทุกความรักและความตั้งใจที่ทุกคนมอบให้กับพวกเรา ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่า มันได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเราทั้งหมด และนั่นคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมเกิดพลังใจ และมีความตั้งใจอย่างมาก ในการขับเคลื่อนงานสันติภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นที่ประเทศแอฟริกาใต้

http://goo.gl/HgzPj