ยกเว้นค่าธรรมเนียม กดเอทีเอ็มข้ามเขต
4-30 พฤศจิกายน พ.ศ.2554
กรุงเทพธุรกิจ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2554 - แบงก์พาณิชย์ไทยพร้อมใจยกเว้นค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มข้ามเขตทั่วประเทศ ดีเดย์ 4-30 พฤศจิกายน พ.ศ.2554 บรรเทาผลกระทบต้ำท่วม!
นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ธนาคารสมาชิกเห็นพ้องร่วมกันที่จะยกเว้นค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดผ่านเครื่องเอทีเอ็มข้ามเขตทั่วประเทศ สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการทั้งจากเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารเดียวกันและต่างธนาคารเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 4 ถึง วันที่ 30 พฤศจิกายน 2554
"เนื่องจากผู้บริหารธนาคารสมาชิกทุกแห่ง ตระหนักถึงปัญหาความเดือนร้อนของลูกค้าผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าที่ต้องย้ายสถานที่ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยตามจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งอาจจะเป็นพื้นที่นอกเขตเป็นการชั่วคราวและลูกค้ามีความต้องการใช้เงินสดก็สามารถใช้บริการผ่านเครือข่ายเอทีเอ็มของทุกธนาคารได้ โดยธนาคารพร้อมใจกันยกเว้นค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มข้ามเขตทั้งจากเครื่องของธนาคารเองและต่างธนาคาร การยกเว้นค่าธรรมเนียมในครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งมาตรการของการให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของธนาคารเพิ่มเติมจากมาตรการที่ได้ดำเนินการไปก่อนหน้านี้"นายธวัชชัย กล่าว
กรุงเทพธุรกิจ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2554 - สมาคมธนาคารช่วยลูกค้าน้ำท่วม ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสดผ่านเอทีเอ็มข้ามเขตทั่วประเทศครอบ คลุมทุกธนาคารเป็นการชั่วคราว 4-30 พ.ย.นี้ ด้านกรุงไทยออกมาตรการช่วยลูกหนี้เพิ่มเติมแบบครบวงจร พักชำระหนี้เอสเอ็มอี 3 เดือน
โดยไม่คิดดอกเบี้ย ขณะที่ปริมาณเงินสดหมุนเวียนในระบบพุ่ง 17% แตะ 1.2 ล้านล้านบาท เหตุธนาคารตุนเงินสดรองรับการไถ่ถอนของประชาชนเพิ่ม ธปท.ระบุปลายสัปดาห์ที่ผ่านมายอดเบิกเงินสดแบงก์พาณิชย์พุ่งกว่า 2 หมื่นล้านบาท สูงกว่าช่วงปกติ 7 เท่า
นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธนาคารสมาชิก 15 ธนาคาร เห็นร่วมกันในการยกเว้นค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดผ่านเครื่องเอทีเอ็ม ข้ามเขตทั่วประเทศ สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการทั้งจากเครื่องเอทีเอ็มของธนาคารเดียวกันและต่าง ธนาคารเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 4-30 พ.ย.2554 เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภาวะน้ำท่วมในขณะนี้
ผู้บริหารธนาคารสมาชิกทุกแห่ง ตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของลูกค้าผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่เกิด ขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าที่ต้องย้ายสถานที่ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยตาม จังหวัดต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นพื้นที่นอกเขตเป็นการชั่วคราวและลูกค้ามีความต้องการใช้เงินสด ก็สามารถใช้บริการผ่านเครือข่ายเอทีเอ็มของทุกธนาคารได้ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม นายธวัชชัย กล่าว
นายธวัชชัย กล่าวว่า การยกเว้นค่าธรรมเนียมในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งมาตรการของการให้ความช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของธนาคารเพิ่มเติมจากมาตรการที่ได้ดำเนินการ ไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด 2 พ.ย.ธนาคารพาณิชย์ 13 แห่ง ปิดสาขาหนีน้ำแล้ว 482 สาขา เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 46 สาขา ส่วนใหญ่เป็นการปิดเพิ่มใน กทม. โดยเฉพาะแถบรามอินทราและบางแค ขณะที่เครื่องเอทีเอ็มปิดการให้บริการ 4,506 เครื่อง เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 118 เครื่อง
ขณะที่แหล่งข่าวจากธนาคารพาณิชย์ กล่าวว่า การยกเว้นค่าธรรมเนียมเอทีเอ็มของธนาคารพาณิชย์มีเงื่อนไขในการใช้บริการ กล่าวคือลูกค้าจะต้องใช้บริการที่ธนาคารเดียวกันกับธนาคารเจ้าของบัญชีเท่า นั้น ส่วนการกดเงินต่างธนาคารจะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมเพียง 4 ครั้งตามภาวะปกติ โดยการยกเว้นค่าธรรมเนียมการกดเอทีเอ็มในที่นี้จะหมายถึงการถอนเงินในธนาคาร เดียวกันแต่ข้ามเขตที่คิดค่าธรรมเนียมไม่เกิน 15 บาทต่อรายการ แต่สมาคมธนาคารไทยมีมติยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวชั่วคราว
ส่วนการกดเงินต่างธนาคารนั้นหากลูกค้าทำธุรกรรมถอนเงินและถามยอดผ่าน ทางเอทีเอ็มต่างธนาคารในจังหวัดเดียวกันจะไม่มีค่าธรรมเนียม 4 ครั้งต่อเดือน แต่หากกดครั้งที่ 5 ขึ้นไปจะคิดไม่เกิน 10 บาท และหากถอนเงินต่างธนาคารข้ามเขตจะคิดไม่เกิน 20 บาทต่อรายการ ซึ่งยังคงเป็นเงื่อนไขเดิมของธนาคารพาณิชย์ที่เรียกเก็บในภาวะปกติ โดยแนวทางดังกล่าวพิจารณาจากพฤติกรรมการกดเอทีเอ็มของลูกค้า รวมถึงต้นทุนการให้บริการของธนาคารพาณิชย์
ธปท.ยันแบงก์ช่วยเต็มที่
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า มาตรการต่างๆ ของ ธปท.ที่ออกไปก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพักชำระหนี้ การลดดอกเบี้ย รวมถึงยืดเวลาชำระหนี้ และการให้วงเงินเพิ่มเพื่อฟื้นฟูกิจการนั้น ถือว่าครอบคลุมแล้ว และการยกเว้นเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินข้ามเขตข้ามธนาคาร เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระประชาชนจากเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้น
ส่วนประเด็นปัญหาเรื่องหนี้ภาคครัวเรือนนั้นยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด คงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้จะพบว่าก่อนเกิดเหตุอุทกภัยการว่างงานของไทยอยู่ในระดับต่ำกว่า 1% ภาวะการจ้างงานยังถือว่าตึงตัวแต่ก็ต้องดูภายหลังจากน้ำลดอีกครั้ง ซึ่ง ธปท.ก็ยังไม่แน่ใจนักว่าจะเป็นอย่างไร หากนายจ้างสามารถกลับมาจ้างงานได้ตามปกติก็จะเสริมรายได้ภาคครัวเรือนได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินที่ดีจึงจะดำเนินการในลักษณะดัง กล่าวได้ ขณะที่บริษัทที่มีฐานะทางการเงินไม่ค่อยดีนักอาจจะลอยแพแรงงาน ซึ่งทางการอาจจะต้องพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป
นายประสาร กล่าวด้วยว่า การประเมินความเสียหายทางด้านสินทรัพย์ขณะนี้ประเมินได้ยากคงต้องเข้าไป สำรวจอีกครั้งหลังน้ำลด ซึ่งหากเกิดความเสียหายทางด้านทรัพย์สินดังกล่าวก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะส่งผล ต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน
ความเคลื่อนไหวของทางด้านธนาคารกรุงไทย
กรุงไทยอุ้มลูกหนี้ครบวงจร
กรุงเทพธุรกิจ - ขณะที่ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ แก่ลูกค้าและลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ล่าสุดธนาคารกรุงไทย ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าทั้งภาคธุรกิจและลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบ จากอุทกภัย ประกอบด้วย พักชำระหนี้นาน 3 เดือน โดยไม่คิดดอกเบี้ย สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอีและรายย่อยที่ไม่มีรายได้ พักชำระหนี้วงเงินกู้แบบมีระยะเวลานาน 6 เดือน ทยอยผ่อนชำระดอกเบี้ยที่พักแขวน สูงสุดภายใน 24 เดือน ให้วงเงินกู้เพิ่มเพื่อฟื้นฟูกิจการ ดอกเบี้ยพิเศษอัตราเอ็มแอลอาร์ ลบ 1% ต่อปี นาน 3 ปี ผ่อนชำระ 7 ปี
นอกจากนี้ให้วงเงินกู้เป็นทุนหมุนเวียน เพื่อเสริมสภาพคล่อง ดอกเบี้ยปีแรกอัตราเอ็มโออาร์ ลบ 2.5% ต่อปี ให้วงเงินกู้เพิ่มเติม ผ่อนชำระนานถึง 60 งวด ดอกเบี้ยปีแรกอัตราเอ็มอาร์อาร์ ลบ 1.75% ต่อปี สำหรับลูกค้าสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ให้วงเงินกู้เพื่อซ่อมแซมสำนักงาน ปลอดชำระเงินต้นนาน 6 เดือน สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ส่วนลูกค้าเดิมที่ไม่กู้เพิ่มให้ปลอดชำระเงินต้นนาน 6 เดือน ต่อตั๋วออกไปอีก 6 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อธุรกิจประเภทเงินทุนหมุนเวียนที่มีเอกสารประกอบ จัด Business Matching ผู้จำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างกับผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหาย ช่วยเหลือลูกค้าซึ่งคู่ค้าที่มียอดค้าขายระหว่างกันไม่น้อยกว่า 50% ได้รับผลกระทบทางตรงจากอุทกภัย และยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
แบงก์ตุนเงินสดพุ่ง 17%นายนพพร ประโมจนีย์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายออกบัตรธนาคาร ธปท.กล่าวว่า ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันพบว่ามียอดเพิ่มขึ้นรวม แล้วประมาณ 17% หรือเพิ่มขึ้นจากระดับ 1 ล้านล้านบาทเศษในปีที่ผ่านมา เป็น 1.2 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นผลจากสถานการณ์อุทกภัยในขณะนี้ ทำให้ธนาคารพาณิชย์มียอดการเบิกถอนเงินสดจาก ธปท.เพิ่มขึ้นเพื่อสำรองให้ลูกค้าของธนาคาร
ปริมาณเงินสดโดยเฉลี่ยของทุกปีจะเพิ่มขึ้นประมาณ 6% มีช่วง 2-3 ปีหลังที่เพิ่มขึ้นในระดับ 10% ส่วนปีนี้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม ปริมาณเงินสดหมุนเวียนในระบบก็เพิ่มขึ้นประมาณ 10% แต่พอมาในช่วงเหตุการณ์โดยเฉพาะเดือน ตุลาคม ที่ผ่านมา พบว่าเงินสดหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นถึง 7% ทำให้ยอดรวมตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้นแล้วประมาณ 17% นายนพพร กล่าว
ส่วนยอดการเบิกถอนเงินสดของธนาคารพาณิชย์จาก ธปท.ในช่วงที่ผ่านมานั้น พบว่าเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์มีการเบิกถอนเงินสดจาก ธปท.รวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงสถานการณ์ปกติที่มักมียอดการเบิกถอนเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 พันล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นประมาณ 6-7 เท่า ขณะที่ยอดเฉลี่ยส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเบิกถอนเพิ่มขึ้นจากระดับปกติประมาณ 3-4 เท่า
สัปดาห์ที่แล้วการเบิกถอนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 3 เท่า แต่วันหลังๆ เพิ่มสูงถึง 6-7 เท่าจากระดับปกติ สาเหตุที่เพิ่มขึ้นเป็นเพราะสถานการณ์น้ำในช่วงนั้นเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมาก และไม่รู้ว่ามันจะรุนแรงแค่ไหน แบงก์พาณิชย์จึงมาเบิกเงินสดสำรองเผื่อเอาไว้ก่อนทำให้ยอดเพิ่มสูงถึง 2 หมื่นล้านบาทต่อวัน จากปกติที่ 2-3 พันล้านบาทต่อวัน นายนพพร กล่าว
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาพรวมการเบิกถอนเงินสดของธนาคารพาณิชย์ถือว่าดีขึ้น โดยยอดการเบิกถอนเริ่มลดลงบ้าง แต่ยังต้องติดตามดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำที่กำลังท่วมอยู่ในหลายพื้นที่ สำหรับในส่วนของ ธปท.นั้น ยืนยันว่าปริมาณเงินสดสำรองมีเพียงพอต่อการเบิกถอนอย่างแน่นอน และยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณการเงินสดสำรองแต่อย่างใด
ธปท.ไฟเขียว การเปิด-ปิด สาขาของแแต่ละธนาคาร
ให้ดุลพินิจแบงก์เปิด-ปิดสาขานายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์อุทกภัย ธปท.ได้ผ่อนผันให้ธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่งสามารถใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจ เรื่องการเปิดหรือปิดทำการในสาขาต่างๆ ซึ่งรวมถึงสำนักงานใหญ่ของตัวธนาคารพาณิชย์เองได้ แต่ขอเพียงเรื่องเดียวที่อยากให้ดำเนินการต่อไป คือ เรื่องระบบการชำระเงินเพื่อให้ระบบการเงินไม่สะดุดลงปกติแล้วหลักการของเรา คือ แบงก์ต้องเปิดให้บริการประชาชน ถ้าจะหยุดต้องขออนุญาต แต่ในยามนี้เราก็ผ่อนผันให้เป็นดุลพินิจของทุกแบงก์เองว่าจะหยุดหรือไม่ ซึ่งแม้แต่สำนักงานใหญ่ถ้าเขาจะหยุดก็สามารถหยุดได้ ขึ้นกับการตัดสินใจของผู้บริหารเลย แต่เราขออยู่เรื่องเดียวคือ เรื่องเคลียริ่งเช็ค อยากให้ทำต่อ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกิดทั่วประเทศ แต่เกิดขึ้นเฉพาะบางจุด นายเกริกกล่าว
สำหรับในเรื่องการขอผ่อนผันการชำระหนี้สินต่างๆ กับทางธนาคารพาณิชย์นั้น ขณะนี้ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนของ ธปท.ยังไม่ได้รับแจ้งจากประชาชนเข้ามามากนัก เข้าใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังประสบปัญหากันอยู่ โดยอยู่ระหว่างจัดการเรื่องที่พักอาศัยชั่วคราว แต่หลังจากสถานการณ์น้ำลดลงก็อาจมีการยื่นเรื่องร้องเรียนกันเข้ามา ซึ่งเรื่องนี้ ธปท.ได้เตรียมการกันไว้บ้างแล้ว
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-12542.png)
http://goo.gl/TVDlh