ข่าวจากหนังสือพิมพ์ สยามรัฐฉบับวันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554พลิกชีวิตด้วยบุญ..บวชเรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ออกอากาศทางช่อง DMC สถานีโทรท์ศน์เพื่อการฟื้นฟูศีลธรรมโลกพระธรรมทายาททรุช วิสุทฺธญาโณ อายุ 29 ปีตอน บวชครั้งนี้ เพื่อหนทางสวรรค์ของโยมแม่“ผมบวชทำให้มีโอกาสคุยธรรมะให้โยมแม่ฟังบ่อยๆทำให้ตอนนี้ท่านเลิกเล่นหวย เลิกหมกมุ่นในอบายมุข เลิกเชื่อในสิ่งงมงาย แล้วโยมแม่ก็ได้ใส่บาตรทุกวัน สวดมนต์ทุกวัน นั่งสมาธิ(Meditation)ทุกวัน”พระธรรมทายาททรุช วิสุทฺธญาโณ อายุ 29 ปี รับบุญเป้นพระผู้ช่วยประสานงานบวช ในจังหวัดร้อยเอ็ด มีเรื่องราวเกี่ยวกับท่านและครอบครัวที่น่าสนใจดังนี้ตั้งแต่จำความได้ ทำตัวดีมาตลอดไม่เคยข้องเกี่ยวกับ อบายมุขใดๆเลย แต่พ่อชอบดื่มเหล้า จึงบอกตัวเองเสมอว่า “เราจะไม่ดื่ม” ชอบถามตัวเอง บ่อยๆ ว่า “เราต้องทำอย่างไรชีวิตถึงจะมีความสุขมากที่สุด แล้วชีวิตแบบไหนที่เราต้องการ” และหาคำตอบนี้ด้วยการเอาวุฒิ ม.6 ไปสมัครงานที่บริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เป็น บริษัทนำเข้าสินค้าเกี่ยวกับวีดีโอเกมส์, เครื่องเล่นเกมส์ต่างๆ ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศกว่า 300 แห่ง และก็ได้ได้ทำงานด้วยเงินเดือนหลักพัน แต่เพราะความซื่อสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทน ถูกใจ เถ้าแก่ จึงได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการฝ่ายข่าย ได้เงินเดือนกว่า 30,000 บาท เพื่อนๆ ต่างบอกกันว่า เป็นชีวิตน่าอิจฉา งานก็ดี เงินก็ดี เจ้านายก็รัก แถมยังมีแฟนสาวที่น่ารักอีกด้วย แต่ในใจลึกๆ กลับยังหาความสุขที่แท้จริงในชีวิตอยู่ตลอด ช่วงนั้นเริ่มอิ่มตัวกับงานที่ทำจึงคิดลาออก ซึ่งก่อนจะ คืนอพาทเมนท์ เป็นช่วงที่ฟุตบอลฟีเวอร์ ได้ช่วยเดินสายเคเบิลทีวีไห้เจ้าของตึก และจูนสัญญาญช่องฟุตบอด แต่ภาพแรกที่ปรากฏไม่ใช่ฟุตบอล แต่เป็นภาพพระรูปหนึ่ง ตอนนั้นคิดว่าเป็นรายการธรรมะจากประเทศจีน พอดูไปเรื่อยๆ พระท่านก็ชวนบวช ฟังดูน่าสนใจ แต่ไม่ติดใจ อะไร จนกระทั่ง ได้ไปฟังพระเจริญพุทธมนต์ เห็นพระสงฆ์หลายรูปก็นึกอยากบวชขึ้นมา แล้วก็ นึกถึงพระรูปนั้นที่เทศน์ชวนบวชในทีวี จึงกลับมาดูทีวีช่องที่จุนเจอวันนั้น จนรู้ว่าเป็นพระจากวัดพระธรรมกาย แล้วก็ลาออกจากบริษัทไปสมัครบวชทันที และก็กลับบ้านไปทำเซอร์ไพรส์โยมแม่ คุยกับท่านว่า “ที่แม่ขอไม่ให้แต่งงาน ก็ทำให้แล้ว แต่ที่บอกว่าจะให้อยู่ด้วยกันอย่างนี้ไป นานๆ มันคงเป็นไปไม่ได้” แล้วก็ถามท่านว่า “จะไปชวนให้แม่ดีไหม” ท่านตอบทันทีว่า “ดีสิลูกเอ๊ย”ระหว่างที่บวชทำให้มีโอกาสคุยธรรมะให้โยมแม่ฟังบ่อยๆ ทำให้ตอนนี้ท่านเลิกเล่นหวยเลิกหมกมุ่นในอบายมุข เลิกเชื่อในสิ่งงมงาย แล้วโยมแม่ก็ได้ใส่บาตรทุกวัน สวดมนต์ทุกวันนั่งสมาธิทุกวัน รู้จักแบ่งเงินเอาไว้ทำบุญในพระพุทธศาสนา และรักษาศีล แถมยังดูรายการธรรมะจากช่อง DMC ทุกวัน โยมแม่บอกว่า “อยากให้คนอื่นๆมีความสุขแบบนี้บ้าง” เห็นโยมแม่มีความสุขเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจมาก เพราะได้ปิดประตูอบาย เปิดประตูสวรรค์ให้ท่านเรียบร้อยแล้วพระธรรมทายาทสุรพงษ์ สุรนาโค อายุ 28 ปีตอน ทิ้งปืนมาอุ้มบาตร“เมื่อก่อนไม่เคยเชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง แต่พอหลวงพ่ออธิบายเรื่องการฆ่ามันเป็นบาป ผมกลัวจนกำซาบเข้าไปถึงระดับเซลล์ ซึ่งถ้ายังไม่โกนผม หัวคงโกร๋นไปแล้ว”พระธรรมทายาทสุรพงษ์ สุรนาโค อายุ 28 ปีได้เล่าวีรกรรมสมัยเมื่อครั้งก่อนบวช ซึ่งเคยรับหน้าที่เป็นรั้วของชาติ และได้ไปทำหน้าที่อยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย แต่เพราะอะไรที่ทำให้ท่านทิ้งปืน สละหน้าที่ การงานน่าภาคภูมิใจ มาสู้ร่มผ้ากาสาวพัตร์ ทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาพระสุรพงษ์ เล่าถึงประวัติเล็กน้อยก่อนมาบวชว่า เข้าอบรมในโครงการบวชแสนรูปภาคฤดูร้อน 49 ที่ผ่านมา เคยเป็นนักรบเดนตาย หรือจะเรียกอีกอย่างว่า “รั้วของชาติผู้กล้าหาญ” เนื่องจากเป็นทหารที่ทางการส่งไปปราบผู้ก่อการร้าย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยเหตุนี้เอง ชีวิตจึงอยู่บนความเสี่ยงตลอดเวลา เพราะบ่อยครั้ง ต้องประจันหน้ากับผู้ก่อการร้ายและความจำเป็นที่จะต้องยิงคนร้ายด้วย เพราะถ้าไม่รีบชิงช่วง ก็จะถูกพวกเขาช่วงชิง โดนยิงดับจมกองเลือกอยู่ตรงนั้นแทน โดยใช้ชีวิตอย่างนี้มายาวนานถึง 8 ปี แต่สิ่งหนึ่งที่ทำความสลดหดหู่สู่จิตใจและชีวิของการเป็นทหารที่สุด คือ การเห็นผู้ก่อการร้ายยิงพระภิกษุขณะเดินบิณฑบาตจนเลือดสาด บาตรกระเด็นไปต่อหน้าต่อตาหลายต่อหลายรูป โดยทหารอย่างท่านช่วยอะไรไม่ได้ จากเหตุการณ์จริงจึงรู้สึกสะเทือนใจสุดจะพรรณนาจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้พระสุรพงษ์ สลดใจเป็นอย่างมากจนคิดอยากหลุดจากชีวิตการเป็นทหาร จนกระทั้งมีคนมาแจกแผ่นพับชวนบวช ท่านจึงตัดสินใจบวชทันที และก็เลือกทางเดินที่ไม่ผิดจริงๆ เพราะเมื่อบวชแล้ว ทำให้ได้รับรู้เรื่องๆ ดีมากมายที่ไม่เคยรู้มาก่อนโดยเฉพาะเรื่องนรกสวรรค์ จากเมื่อก่อนที่ไม่เคยเชื่อว่านรกสวรรค์มีจริงแต่พอได้มาฟังหลวงพ่อธัมมชโยเทศน์เรื่อง การฆ่าคนว่ามันเป็นบาป และมีอนิเมชั่น เรื่องนรกให้ดู ทำให้กลัวจนกำซาบเข้าไปถึงระดับเซลล์ ซึ่งถ้ายังไม่โกนผม หัวคงโกร๋นไปแล้ว การบวชครั้งนี้ทำให้เข้าใจว่า “พระแท้ ต้องทำอย่างไร” ได้ฝึกฝนตนเองทั้งเรื่อง วินัย เคารพ อดทน และที่สำคัญได้สัมผัสถึงชีวิตที่เปลี่ยนไปจากการนั่งสมาธิ จนได้รู้ว่า “การบวช ให้ในสิ่งที่เหนือกว่าชีวิตการเป็นฆราวาสจะให้ได้” และเมื่อจบโครงการจึงตัดสินใจบวชต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งการบวชเป็นสิ่งเดียวที่จะเข้ามาลบภาพเหตุการณ์ที่พระภิกษุถูกผู้ก่อการร้ายยิงได้ และท่านยังตั้งใจด้วยว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนาเพื่อสร้างศาสนทายาทไปฟื้นฟูวัดร้างให้เป็นวัดรุ่งด้วยข่าวจากหนังสือพิมพ์ สยามรัฐ
http://goo.gl/iG3GU