ข่าวจากหนังสือพิมพ์ สยามรัฐฉบับวันศุกร์ที่ 2 กัยยายน 2554พลิกชีวิตด้วยบุญบวชตอน บวชเพื่อหนียมทูต“หลังจากบวชได้ไม่ถึงเดือน โยมแม่ก็แข็งแรงขึ้นมากทั้งสุขภาพกายและใจ ส่วนตัวผมนั้น สุขยิ่งกว่าสุข”พระธรรมทายาท ปัญญา คณาธาโร อายุ 37 ปี อดีตพนักงานรับส่งสินค้าท่าเรือ ตัวแทนพระธรรมทายาทจากศูนย์อบรมวัดยางโองบน จ.ตาก ได้เขียนรายงานถึงผลการปฏิบัติธรรม ดังนี้พระธรรมทายาท ปัญญา คณาธาโร กล่าวว่า ก่อนมาบวชใช้ชีวิตตามกระแสสังคมคนเมือง คือเช้าก็ดื่มเหล้ากับเพื่อนฝูง ตกเย็นก็ดื่มเหล้ากับเพื่อนฝูง ไม่เคยรู้เรื่องบุญบาป รู้จักแต่เรื่องเงินเพราะจับต้องได้ ครั้นปี 2551 โยมผู้หญิงเริ่มป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ ปี2552 ก็มีอาการทรุดหนักมาก ขณะที่อยู่โรงพยาบาล เธอได้บอกว่าอยากย้ายโรงพยาบาล เพราะเธอเห็นยมทูตตัวดำเมื่อม ใส่ผ้าเตี่ยวสีแดงหลายนายยืนล้อมรอบเตียงเธอ แต่ยังไม่ทันจะย้าย เธอก็ดิ้นทุรนทุรายจนกระทั่งหมดลมหายใจไปต่อหน้าต่อตา การพลัดพรากจากคนที่รัก ทำให้ตอนนั้นเกิดความเบื่อหน่ายชีวิต เมื่อมีผู้มาชวนบวชก็ตกลงทันที เพราะอยากส่งบุญให้โยมภรรยา และโยมแม่ที่กำลังป่วยอยู่หลายโรค เมื่อมาบวช ได้ฟังคำสอนของพระอาจารย์ จึงได้รู้ว่าโทษของน้ำเมานั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตหรือผู้สนับสนุน เมื่อตายไปก็ต้องตกนรกขุมที่ 5 ทั้งนั้น ส่วนผู้ที่ดื่มและผู้ส่งเสริม ด้วยความกลัวตกนรกมากจึงคิดว่าจะไม่ทำบาปใดๆอีกสำหรับผลการปฏิบัติธรรมนั้น มีความประทับใจในวันคุ้มครองโลก 22 เมษายน 2554 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อ เพราะได้มีโอกาสมาร่วมพิธีที่วัดพระธรรมกาย ขณะนั่งสมาธิ(Meditation)ตามเสียงหลวงพ่อ ท่านก็นึกเห็นดวงแก้วที่ศูนย์กลางกาย มีความสว่างเล็กน้อย ครั้นแล้วก็แผ่ขยายเป็นความสว่างจ้าเต็มท้อง รู้สึกปลื้มปีติ และมีความสุขที่สุดหลังจากที่บวชได้ไม่ถึงเดือน โยมแม่ก็แข็งแรงขึ้นมากทั้งสุขภาพกายและใจ ส่วนตัวท่านนั้นสุขยิ่งกว่าสุข เพราะรู้แล้วว่าได้เดินมาถูกทาง ยิ่งได้เห็นหลวงพ่อและหมู่คณะที่วัดพระธรรมกาย ทุ่มเททำงานแบบเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อกอบกู้พระพุทธศาสนา และเพื่อนำสันติสุขมาสู่มวลมนุษยชาติ ก็ยิ่งทำให้ท่านรู้สึกชื่นชมยินดีมาก และจะยึดเอาหลวงพ่อเป็นแบบอย่าง เพื่อสร้างพลังใจในการช่วยพัฒนาวัดร้างให้เป็นวัดรุ่งตามมโนปณิธานของหลวงพ่อตลอดไปพระธรรมทายาท เธียรวิทย์ อานนฺทชาโตตอน เงินงอกเป็นแสนด้วยบุญบวช“แม้เงินมากมายพียงใดก็ไม่สามารถแลกกับความสุขภายในของผมได้ การได้บวชในโครงการนี้นับว่าเป็นความโชคดีที่สุดของผม”พระธรรมทายาท เธียรวิทย์ อานนฺทชาโต อายุ 34 ปี อดีตแพทย์ผิวหนังและนักวิจัยครีมบำรุงผิวพระธรรมทายาท เธียรวิทย์ อานนฺทชาโต เปิดเผยว่าก่อนบวชคิดว่าความสุขและความปลอดภัยในชีวิตก็คือ การมีทรัพย์สินเงินทองมากๆ จึงทุ่มเทเวลาอยู่กับการหาเงินจนสามารถเปิดคลีนิกได้ถึง 2 แห่งและมีสาขาที่รับผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายอีกกว่า 20 สาขาวันหนึ่งภรรยาเตือนสติให้ท่านบวช แถมย้ำว่า “ถ้ารักกันจริงก็บวชพระสิคะ” ท่านก็ยอมโดยดุษณี เนื่องจากท่านไม่มีความรู้เรื่องพระพุทธศาสนาเลย เมื่อบวชแล้วก็พยายามทำตัวเสมือนเป็นแก้วเปล่า ไม่ว่าพระอาจารย์จะสั่งให้ทำอะไรก็ทำทุกอย่างวันหนึ่งหลังจากกลับจากบิณฑบาตและฉันเช้าเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาปฏิบัติธรรม พระอาจารย์บอกให้นึกองค์พระหรือดวงแก้วที่ศูนย์กลางกาย แต่ท่านนึกไม่ออกเลย นึกได้แต่บาตร เพราะอุ้มหนักมาตลอดช่วงเช้า พอใจหยุดนิ่งบาตรสแตนเลสก็กลายเป็นแก้วใส แล้วกลายเป็นดวงสว่างเหมือนพระจันทร์ ท่านรู้สึกมหัศจรรย์ใจและตื่นเต้น แต่ก็พยายามข่มใจให้นิ่งตามคำสอนของพระอาจารย์ พร้อมทั้งภาวนา สัมมา อะระหัง ๆๆๆ ดวงนั้นก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาก็มีองค์พระผุดขึ้นมากลางดวงสว่างนั้น ความปวดเมื่อยหายไปหมด มีแต่ความสุขและความปลื้มปีติเข้ามาแทนสำหรับผลการปฏิบัติธรรมในครั้งต่อๆมา องค์พระก็ปรากฏให้เห็นเหมือนเดิม เมื่อนึกให้องค์พระขยายใหญ่ หรือย่อให้เล็กลง หรือให้หันซ้ายหันขวาก็ทำได้ดังใจนึก ยิ่งมีความสุขและมหัศจรรย์ใจยิ่งขึ้น ยิ่งกว่านั้นความมหัศจรรย์นี้ยังส่งผลไปถึงกิจการที่คลินิกซึ่งเคยอยู่ โดยแต่ก่อนมีรายได้ที่หลักหมื่น แต่ในช่วงที่บวชอยู่นี้รายได้พุ่งทะลุไปถึงหลักหลายแสนขณะนี้ แม้เงินมากมายเพียงใดก็ไม่สามารถแลกกับความสุขภายในได้ การได้บวชในโครงการนี้นับว่าเป็นความโชคดีที่สุดของท่าน เป็นการลงทุนที่เกินคุ้มเพราะได้บุญแบบนับไม่ถ้วนพลิกชีวิตด้วยบุญบวช ข่าวจากหนังสือพิมพ์ สยามรัฐ
http://goo.gl/TKirP