Mobile Versionโดย พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑโฒเรียบเรียงจากรายการข้อคิดรอบตัว ทาง DMCกีฬาเปลี่ยนเวลาชีวิตกีฬานั้นมีประโยชน์และมีความสำคัญมาก แต่จากผลการสำรวจจะเห็นว่าคนให้ความสำคัญกับกีฬาลดน้อยลงอย่างน่าเป็นห่วง ซึ่งผลการสำรวจจากกรุงเทพโพล ที่สำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ กับการดูแลสุขภาพบอกว่า คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่นอนน้อยและไม่ค่อยออกกำลังกาย โดยจะใช้เวลาว่างไปกับการดูโทรทัศน์ ฟังเพลง คุยโทรศัพท์ เล่นเกมคอมพิวเตอร์ มากกว่าที่จะใช้เวลาในการออกกำลังกายปัจจุบันคนให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายน้อยลง ตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงอะไร?
ปัจจุบันเป็นยุคไอที รู้สึกว่าคนจะใช้เวลาอยู่กับอินเตอร์เน็ต มือถือ การแชท โซเชียลเน็ตเวิร์คของตัวเองมากขึ้นเยอะ ซึ่งการติดตรงนี้มันก็ทำให้เพลิดเพลินไปได้เรื่อยๆ ทำให้เวลาออกกำลังกายไม่ค่อยมี รวมถึงสิ่งแวดล้อมการเป็นอยู่และที่ทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย แต่ว่าที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ อย่างไรร่างกายก็ยังเป็นของเรา เมื่อเราเองไม่ดูแลไม่ออกกำลังกายเท่าที่ควรก็มีสารพัดโรคที่จะตามมา เมื่อร่างกายเราเองไม่แข็งแรง การออกกำลังกาย การยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ การอบอุ่นร่างกายมีน้อย ก็มักป่วยไข้ได้ง่ายการเล่นกีฬามีส่วนในการเพิ่มพูนคุณธรรมได้อย่างไรบ้าง?
เรื่องนี้น่าสนใจ อาตมาพูดได้ค่อนข้างเต็มปากว่าตัวเองก็เล่นกีฬามามากเหมือนกัน ก่อนที่จะมาบวชเป็นพระและพอจะสรุปได้ข้อคิดจากกีฬาว่า นอกจากจะทำให้ร่างกายเราแข็งแรงแล้ว ถ้าเราสังเกตเราจะเคยได้ยินคำว่า รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย มีน้ำใจนักกีฬา ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น การเล่นกีฬาในหมู่เพื่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นกีฬาอะไรก็ตามที่เล่นกันเป็นทีม ผลัดกันแพ้ชนะก็จะรู้สึกว่ารับได้ เพราะไม่ถึงขนาดเอาจริงเอาจังว่าจะต้องชนะให้ได้เหมือนนักกีฬาระดับชาติ ที่จะต้องพยายามทำให้ชนะให้ได้ เพื่อชื่อเสียงเงินทอง ทำให้สปิริทนักกีฬาหายไปได้การเล่นกีฬามีส่วนในการเพิ่มพูนคุณธรรมได้อย่างไรอย่างการเล่นบาสเก็ตบอลนั้นมันมีหลักปรัชญาในการเล่น คือ เราเองจะต้องสังเกตเพื่อนร่วมทีมตลอด คนที่ถือลูกอยู่ก็ต้องสังเกตว่าเพื่อนร่วมทีมอยู่ตำแหน่งไหน ฝ่ายคู่ต่อสู้ตั้งการ์ดรับอย่างไร แล้วเราเองจะวิ่งไปช่วยเพื่อนเราอย่างไร คือจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งไม่ได้ ว่าฉันจะยืนอยู่ตรงนี้ เธอต้องวิ่งมาส่งลูกให้ฉัน อย่างนี้ไม่มีทางเป็นนักบาสที่ดีได้ มันเป็นธรรมชาติของนักบาสเลยว่าจะต้องสังเกตเพื่อนร่วมทีมที่เลี้ยงลูกอยู่ แล้วตัวเองก็ต้องวิ่งไปอยู่ในจุดที่เขาสามารถส่งลูกให้ได้ สังเกตทีมตัวเองและคู่แข่งแล้วต้องปรับตัวเองตามสถานการณ์ตลอดเวลา คือเป็นการฝึกไม่ให้เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่ต้องดูสถานการณ์รวม ดูเพื่อนร่วมทีมดูคู่ต่อสู้ทั้งหมด และเราเองต้องประสานให้เป็นหนึ่ง นี่คือปรัชญาของบาสเก็ตบอล คนที่เล่นกีฬาประเภทนี้ได้คล่องจะเป็นคนที่ทำงานเป็นทีมได้ดีสุขภาพกับความงามมีความจำเป็นแค่ไหนที่เราต้องใส่ใจ?
อย่าลืมว่า สิ่งที่เราแต่งนั้นมันแค่ผิวหน้า สำคัญที่ข้างในคือ กายกับใจ ในแง่ที่เราเน้นเรื่องกีฬาคือเรื่องร่างกาย ก็หมายถึงว่า ร่างกายเราเป็นอย่างไร ถ้าร่างกายเราแข็งแรง เราจะแต่งให้สวยอย่างไรก็ดูดี แต่ถ้าร่างกายเราไม่ดีแล้วจะไปเสริมเติมแต่งให้ดูดีอย่างไรมันก็เหมือนเอามาฉาบๆ ไว้ที่หน้าเท่านั้น ข้างในไม่แข็งแรง ความกระฉับกระเฉง ความมีชีวิตชีวามันก็จะหย่อนไป ต้องเอาข้างในให้ได้ก่อน แล้วข้างนอกค่อยมาว่ากันอีกที เอาให้สมวัยดีกว่า ถ้าอยากจะเป็นหนุ่มเป็นสาวจริงๆ ต้องทำความดี เมื่อละโลกไปแล้วก็จะไปเกิดบนสวรรค์ อย่างนั้นจะเป็นหนุ่มเป็นสาวตลอด เพราะบนสวรรค์ไม่มีการแก่ มีแต่อยู่ในวัยประมาณ 16-18 ปี ตลอดไป ไม่มีป่วยไข้ เอาเวลาที่จะไปเสริมเติมแต่งมาสร้างบุญกุศลทำความดีกันดีกว่าพระสงฆ์สามารถออกกำลังกายได้หรือไม่?
พระนั้นมีอยู่แล้ว เพราะตื่นเช้าขึ้นมาก็เดินบิณฑบาตเลยซึ่งเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง แถมเดินเท้าเปล่าด้วย บางทีก็เหยียบก้อนหินก้อนกรวดเป็นการนวดเท้าไปในตัว พอฉันเสร็จก็เก็บกวาดวัดปัดกวาดเช็ดถูกกุฏิ กวาดลานวัดต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นการออกกำลังกายไปในตัว สุขภาพก็จะแข็งแรง แต่ในลักษณะการเล่นกีฬาอย่างอื่นมันก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ต้องแข็งแรงทั้งกายและใจ ทางด้านร่างกายเราก็ควรจัดเวลาว่าใน 1 สัปดาห์อย่างน้อยก็น่าจะออกกำลังกายสัก 3 วัน ไม่จำเป็นต้องทุกวันก็ได้ ครั้งละประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าทำได้อย่างนี้เราจะแข็งแรงขึ้นมาก และจะทำให้เราใช้เวลาที่เหลืออยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อตามที่ต่างๆ มันจะเบาหายไปมากเลย แล้วเราจะดูเป็นคนมีชีวิตชีวา กระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า คนที่พบเห็นดูแล้วก็สบายตาพาสบายใจอีกอย่างหนึ่งก็คือให้สุขภาพใจด้วยการนั่งสมาธิ(Meditation)ด้วย ตรงนี้ควรจะทุกวัน วันหนึ่งขอ 1 เมื่อย คือ นั่งจนกระทั่งเมื่อยแล้วค่อยนอน อย่างนี้จะดีมาก คนไหนที่รู้สึกว่าชีวิตกำลังเฉาๆ รู้สึกเบื่อ เซ็ง หรือมีบางอย่างที่ทำให้เราไม่สมหวัง ไม่ได้อย่างที่เราคาดคิดเอาไว้ ให้ทดลองดูว่าเมื่อทำภารกิจทุกอย่างเสร็จแล้วลองนั่งสมาธิดู 1 เมื่อย แล้วก็นอน ตื่นเช้ามาจะรู้สึกว่าทำไมโลกมันสดใสอย่างนี้ อะไรๆ ก็ดูดี แล้วเราจะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความมีชีวิตชีวา ด้วยใจที่สบาย และประสบความสำเร็จ ลองทำดูนะการเล่นกีฬาทำให้กล้ามเนื้อของเรามีการออกกำลังกาย จะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและมีการปรับตัว ถ้าเราเองดำเนินชีวิตปกติไปเรื่อยๆ แต่พอออกกำลังกายแล้วการเผาผลาญพลังงานร่างกายจะสูงขึ้น หัวใจมีการสูบฉีดเลือดอย่างแรงเพื่อให้เลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายทัน จะทำให้หัวใจแข็งแรง คนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก่อนจะออกกำลังกายต้องมีการอบอุ่นร่างกายก่อน เช่น เดินประมาณ 20 นาทีให้ร่างกายได้ยืดเส้นยืดสาย ถ้าไม่ทำอย่างนี้ก่อนแล้ววิ่งเลยอาจทำให้ปวดกล้ามเนื้อได้ แทนที่จะดีก็กลับแย่ไป ฉะนั้นก่อนออกกำลังกายเต็มที่ให้ warm up ก่อน และถ้าจะให้ดีก็ควร warm down ด้วย คือพอหลังจากออกกำลังกายเต็มที่แล้วไม่ควรหยุดทันที ควรจะค่อยๆ ลงทีละนิดๆ จนเข้าสู่ภาวะปกติถึงจะดีอย่างกรณีฟุตบอลนั้น เป็นกีฬาที่เข้าใจได้ง่าย เป็นกีฬามวลชนที่ต้นทุนไม่แพง แค่มีลานกว้างๆ มีลูกอะไรก็ได้ที่มันกลมๆ แบ่งกันเป็นทีมก็เล่นได้แล้ว จึงมีการเล่นฟุตบอลกันอย่างกว้างขวางในการแข่งขัน โดยธรรมชาติของมนุษย์จะชอบเล่นกีฬาแบบแพ้ชนะ และมันก็สำคัญที่กองเชียร์ด้วย เราจะเห็นสนามฟุตบอลเป็นสนามที่ค่อนข้างใหญ่กว่ากีฬาอย่างอื่น ทำให้กองเชียร์เข้ามาเชียร์ได้มาก และบรรยากาศการเชียร์มันคล้ายๆ การทำสงครามนิดๆ จะสังเกตเห็นได้ว่าในโอลิมปิคนั้นเป็นการแข่งขันสุดยอดกีฬาหลากหลายประเภท แต่เชื่อไหมว่าการแข่งฟุตบอลโลกอย่างเดียวนั้นมีความดังและแรงไม่แพ้กัน เม็ดเงินที่หมุนเวียนอาจมากกว่าโอลิมปิคด้วยซ้ำ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามันจะสร้างกระแสในระดับโลกได้ขนาดนี้กองเชียร์ควรจะเชียร์โดยสปิริทกองเชียร์ก็ควรจะเชียร์โดยสปิริท ทุกคนควรมีสปิริท ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ อย่าให้มีการพนัน กับอบายมุขโดยเฉพาะสุรา เข้ามามีบทบาท ถ้ามีสิ่งเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว มันไม่ใช่แค่เชียร์ให้ชนะอย่างเดียว ถ้าชนะได้เงินถ้าแพ้เสียเงิน อารมณ์ในการเชียร์มันจะเปลี่ยนไป ยิ่งถ้ามีเหล้าเข้าไปด้วยสติสัมปชัญญะก็ลดน้อยลง สามารถก่อเรื่องได้ง่าย ถ้าตัดเรื่องเหล้าและอบายมุขเหล่านี้ออกไปได้จะดีขึ้นมาก แล้วก็ให้เชียร์กันด้วยสปิริทจริงๆผู้ปกครองที่พยายามให้ลูกฝึกกีฬาที่ได้รับความนิยม และมีค่าตัวสูงตั้งแต่เด็กนั้นเป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่?ทุกอย่างอยู่ที่ความพอดีและอยู่ที่ใจด้วย เพราะเด็กบางคนก็อยู่ที่ความตั้งใจของเขาด้วย อย่างนักฟุตบอลญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เขามีความตั้งใจมาก พอเรียนจบมัธยมปลายแล้วก็เดินทางไปบราซิล เพื่อไปเรียนรู้การเตะฟุตบอลจนกระทั่งเก่งขึ้น แล้วไปฝึกที่อิตาลี่อีก จึงกลับมาเป็นนักฟุตบอลของทีมชาติญี่ปุ่นที่มีฝีมือดีและมีชื่อเสียง อันนี้เป็นความตั้งใจของเด็กเอง ก็ถือว่าแต่ละคนเลือกวิถีชีวิตของตัวเองซึ่งไม่มีอะไรผิดถูก มันอยู่ที่ความชอบ บางคนอยากเล่นดนตรีก็มี แต่ว่าพ่อแม่อย่าไปบังคับเด็กจนเกินไป เช่น ลูกไม่อยากทำแล้วไปบังคับเขาอย่างนี้ไม่ดี
http://goo.gl/SNchv
พิมพ์บทความนี้
