ทำไมจึงไม่มีความพอใจในเพศตอนที่2

ในแง่ของการปฏิบัติธรรมนั้นเพศที่สามสามารถปฏิบัติให้บรรลุธรรมได้หรือไม่ จะเหมือนหรือต่างจากชายจริงหญิงแท้อย่างไร https://dmc.tv/a13722

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ข้อคิดรอบตัว
[ 24 พ.ค. 2555 ] - [ ผู้อ่าน : 18266 ]
 
 
โดย พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑโฒ
เรียบเรียงจากรายการข้อคิดรอบตัว ทาง DMC
 
 
ความไม่พอใจในเพศ (ตอนที่ 2)
 

ในแง่ของการปฏิบัติธรรมนั้น เพศที่สามสามารถปฏิบัติให้บรรลุธรรมได้หรือไม่จะเหมือนหรือต่างจากชายจริงหญิงแท้อย่างไร?

 
        คือโอกาสบรรลุธรรมนั้นมีได้ เหมือนอย่างกรณีที่เคยเล่าให้ฟัง สุดท้ายบวชแล้วก็ยังเป็นพระอรหันต์ได้ แต่นั่นคือตอนเป็นผู้หญิงก็หญิงแท้ ตอนเป็นผู้ชายก็เป็นชายแท้จริงๆ ไม่ต้องไปผ่าตัด ถ้าในกรณีที่คนมี 2 เพศในเพศเดียวกันที่เรียกว่า บัณเฑาะว์ นั้นพระพุทธเจ้าท่านห้ามบวช เพราะว่าต้องยอมรับว่าวิบากกรรมทางนี้มานี่จะทำให้ความคิดหมกมุ่นทางด้านเพศมันจะมากกว่าคนทั่วไป ทำให้มันเป็นเครื่องตัดรอนเหมือนกัน ยิ่งถ้าเกิดเป็น 2 เพศในเพศเดียวกันนี่ลำบากแน่ บวชเสร็จแล้วจะไปอยู่ยังไง เหมือนกับว่าเป็นผู้หญิงแล้วมาบวชเป็นพระแล้วให้มาอยู่ปนกับพระก็ไม่ได้ มันก็จะมีปัญหาท่านจึงห้ามไม่ให้บวช ถึงแม้ว่าสมมุติว่าเป็นผู้ชายนะแต่ว่าใจไปเป็นผู้หญิง ไม่ว่าจะผ่าตัดแปลงเพศหรือไม่ก็ตามท่านก็ไม่ให้บวชพระถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ในพระวินัยท่านไม่ให้บวชนะ เพราะถือว่าเพศไม่ปกติ ก็ลองนึกภาพดูว่าถ้าบวชเสร็จแล้วแสดงอาการกระตุ้งกระติ้งขึ้นมา แล้วญาติโยมจะรู้สึกอย่างไร มันก็ไม่เหมาะกับสมณะสารรูป ไม่เจริญศรัทธา ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูลกับตัวเองและผู้อื่นด้วย ตัวเองพอทำให้คนอื่นเสื่อมศรัทธาตัวเองก็แบกบาปไปด้วยนะ บวชแล้วแทนที่จะบุญกลายเป็นว่าไปทำลายศรัทธาคนอื่นเขา สู้ว่าปฏิบัติให้เหมาะกับเพศภาวะตัวเองนั้นดีกว่า
 
        เราคงเคยได้ยินข่าวว่า มีสามเณรแต่งตัวดูกระตุ้งกระติ้งตามสถานที่ต่างๆ ที่โพสท์ไปตามเว็บไซต์ต่างๆ นั้น คือจริงๆ แล้วในทางพระวินัยนั้นห้าม แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าตัวของพระอุปัชฌาย์นั้นมีความเคร่งครัดแค่ไหน ถ้าเป็นพระพุทธเจ้านั้นพระองค์ห้าม แต่บางทีพระอุปัชฌาย์บางท่านก็อนุโลมให้บวชไป พอเป็นอย่างนี้เยอะๆ ถ้ามีเด็กที่ไม่เป็นมาบวชปั๊บแล้วพออยู่ด้วยกันมากๆ แล้วเป็นไปด้วยก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ อีกหน่อยใครก็ไม่กล้าให้ลูกมาบวชเณร มันจะเกิดผลเสียมากกว่า
 

สำหรับบางคนที่ก่อนบวชก็ไม่มีทีท่าว่าจะเป็น พอเข้ากลุ่มรวมตัวกันมากขึ้นก็ออกอาการ อย่างนี้พอจะมีวิธีการป้องกันหรือแก้ไขได้อย่างไร?

 
        มันสำคัญตรงที่ว่า ถ้ามีคนที่เป็นแล้วเป็นตัวต้นเหตุนำไป มันก็จะทำให้นำเชื้อให้ลำบาก เพราะอย่างที่บอกว่า วิบากกรรมในตัวของแต่ละคนนั้นก็มีอยู่ เพราะฉะนั้นอยู่ที่ผู้ใหญ่จะต้องดูให้ดี และอย่าให้นำไปในทางที่เสีย แต่ให้นำไปในทางที่ดี ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะใดๆ ก็ตาม ในบ้านพ่อแม่ก็ต้องดูแลลูกตัวเองให้ดี อย่าให้ไปเข้าเว็บไซต์อะไรที่มันน้อมนำใจให้ไปในทางที่เสื่อม ถ้าช่วยกันคนละไม้คนละมือมันก็จะแก้ไขได้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ก็ให้อยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจ และให้กำลังใจกัน ผ่อนหนักให้เป็นเบา และยังไงก็ขอให้เป็นคนดี ตั้งใจทำความดีก็แล้วกัน เพราะว่าคนบางคนที่เป็นแบบนี้ไปแล้วแต่ว่าเป็นคนที่มีน้ำใจงามก็มีนะ และก็ตั้งใจทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา ในสังคมกับเพื่อนมนุษย์ก็มี เราก็อย่าไปดูหมิ่นดูแคลนเขา ให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ซึ่งกันและกัน แต่ว่าทุกคนก็ให้รู้ถึงภาวะของตัวเองและก็ให้ทำในสิ่งที่ควร หรือถ้าเป็นแล้วก็ไม่ต้องไปพยายามทำให้คนอื่นเป็นเหมือนเราให้มากที่สุด ก็ไม่ต้องให้ถึงขนาดนั้นแค่ให้รู้ข้อจำกัดเท่านั้นก็พอ
 
เคยมีข่าวว่ามีการจัดตั้งกลุ่มคนข้ามเพศ หรือบางประเทศก็มีเมืองของกลุ่มคนแบบนี้โดยตรง แบบนี้จะส่งผลกระทบหรือทำให้เกิดความเสียหายหรือมีข้อดีอย่างไรกับกลุ่มคนเหล่านี้บ้าง?
 
มีการจัดตั้งกลุ่มคนข้ามเพศ หรือบางประเทศก็มีเมืองของกลุ่มคนแบบนี้โดยตรง
มีการจัดตั้งกลุ่มคนข้ามเพศ หรือบางประเทศก็มีเมืองของกลุ่มคนแบบนี้โดยตรง
 
        คิดว่าคงเป็นเพราะถูกแรงกดดันจากการไม่ยอมรับของสังคมรอบข้าง ก็เลยต้องการหาเพื่อนหาพวกเพราะรู้สึกว่าถ้าอยู่ในพวกเดียวกันแล้วก็จะสบายใจ อบอุ่นใจ คล้ายๆ เป็นอย่างนั้น แต่ก็อย่าลืมว่าเป้าหมายจริงๆ นั้นคืออะไร จะให้ดีที่สุดก็คือถ้าเป็นผู้ชายก็ให้รู้ในภาวะตัวเองและทำให้สมชาย เป็นผู้หญิงก็ให้รู้ในภาวะตัวเองและทำให้สมกับภาวะแห่งความเป็นผู้หญิง และใช้กายมนุษย์นี้ในการสร้างบุญสร้างกุศลให้เต็มที่ อย่างนี้เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุด
 
ในยุคนี้สังคมยอมรับเพศที่สามมากขึ้น ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานที่อาจจะมีแนวโน้มว่าจะเบี่ยงเบนทางเพศ ควรจะทำอย่างไรดีเพราะตัวผู้ปกครองเองก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แม้จะมีการยอมรับทางสังคมแล้วก็ตาม?
 
        ต้องเข้าใจดีๆ นะ คำว่าไม่บังคับนี้ไม่ได้หมายความว่าสนับสนุนให้ลูกเป็นอย่างนั้นน่ะ ไม่ใช่นะ เพียงแต่ว่าอย่าใช้วิธีการรุนแรง เพราะไม่เกิดประโยชน์ แต่พ่อแม่ควรจะให้ความรักความอบอุ่น ให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่รักและสบายใจ แล้วพ่อแม่ค่อยๆ คัดท้ายกันลูกออกห่างจากสิ่งที่จะนำไปสู่ทางนี้ เช่นว่าอย่าไปคบเพื่อนที่เป็นแบบนี้ ทั้งเพื่อนทั้งผู้ใหญ่ที่เป็นอย่างนี้ที่จะดึงไปทางเสียนี้อย่า ให้กันห่างออกมา และสื่อต่างๆ เช่นพวกอินเตอร์เน็ตจะมีเยอะ อย่าไปยุ่งกับสื่อทำนองนี้ ต้องดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ให้เวลากับลูกมากๆ แต่ว่าไม่ใช้การบังคับ
 
มีการพยายามจัดหาหลักสูตรที่ให้มันดูสมกับความเป็นชาย เช่น ชกมวย เตะฟุตบอล ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเด็กจะชอบหรือไม่อย่างนี้ทำถูกต้องหรือไม่?
 
        ทางหนึ่งก็คือว่า ให้เด็กมาเข้าวัดปฏิบัติธรรมสร้างบุญสร้างกุศลให้ใจโปร่งสบาย อย่าไปหมกมุ่นกับเรื่องเหล่านี้ เพราะคนที่เป็นอย่างนี้ใจจะหมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องชายหญิงๆ ยิ่งมีแรงกดดันมากเท่าไหร่ใจก็ยิ่งจดจ่อคิดแต่เรื่องเพศมากกว่าคนทั่วไป นี่โดยเฉลี่ยนะ
 
ถ้าในครอบครัวผู้นำเป็นเสียเอง และเพิ่งมารู้ตัวเอาตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่างนี้ควรจะทำอย่างไร?
 
        ถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วต้องรับผิดชอบตัวเองให้มาก มีลูก มีครอบครัวแล้วก็อย่าตามใจตัวเองมาก และต้องพยายามควบคุมตัวเองให้ได้ เพราะเดี๋ยวจะกระทบถึงทุกคนในครอบครัวหมดก็อาจจะทำให้แย่ไปกันใหญ่ ให้คิดถึงลูก และครอบครัวให้มาก และอย่าตามใจตัวเอง
 
ในส่วนของกลุ่มคนที่เป็นเพศที่สามอยู่แล้ว ก็มีบ้างที่อาจจะยังโดนสังคมบางส่วนกดดันปิดกั้นอยู่ พวกเขาควรจะมีหลักธรรมคำสอนด้านไหน ที่จะทำให้พวกเขาสามารถอยู่รอดในสังคมได้อย่างที่พวกเขาเป็นอยู่?
 
        อาตมาคิดว่าประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือว่า คนทุกคนนั้นต้องการความภูมิใจในคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ของตัวเอง แต่ละคนที่เป็นอย่างนี้จริงๆ ก็เป็นปมด้อยในใจอยู่แล้ว ทุกคนก็รู้ว่าตัวเองนั้นไม่ได้ปกติเหมือนคนอื่นเขา ยิ่งสังคมรอบข้างไม่ยอมรับก็ยิ่งเป็นแรงกดดันขึ้นมา ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่งเราจะพบว่าคนที่เป็นอย่างนี้บางทีเป็นคนที่มีศักยภาพในการทำงานดีด้วยนะ เพราะเขาต้องการความภูมิใจ เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องพยายามดิ้นรนหาอะไรสักอย่างให้ตัวเองเด่นและเก่งขึ้นมา เพราะฉะนั้นความขวนขวายในการทุ่มเทบางเรื่องก็จะดี เป็นแรงผลักดันให้เด่นขึ้นมาได้เหมือนกัน และอย่าลืมว่าถ้าเกิดความภูมิใจในคุณค่าความเป็นมนุษย์ของตัวเอง จริงๆ ที่สูงสุดคือว่าการทำความดี การสร้างบุญสร้างกุศล สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเลย เพราะฉะนั้นเราจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ เราต้องสร้างบุญ ยิ่งถ้ารู้ว่าตัวเองบกพร่องมากๆ ยิ่งต้องสร้างบุญให้มากเป็นพิเศษ อย่าไปเอาเด่นทำให้ดูแปลกประหลาดอะไรต่างๆ นั้นไม่เอา หรือว่าเด่นทางด้านฝีมือความสามารถในการทำงานบางเรื่อง บางคนทำผมเก่ง ทำกับข้าวเก่ง ทำงานเก่ง หรือเรียนเก่ง อันนี้ก็ดี เป็นความสามารถด้านการทำงาน แต่ว่าอย่าหยุดแค่นั้น เพราะคุณค่าที่สูงยิ่งกว่าคือการทำความดีที่เป็นบุญเป็นกุศล เป็นประโยชน์ต่อตัวเองทั้งชาตินี้และชาติหน้า และเป็นประโยชน์ต่อสังคมด้วย ให้ภูมิใจในคุณค่าที่ตัวเองมาชดเชยปมด้อยด้วยการทำความดีอย่างนี้ดีกว่า พอเรารู้สึกว่าเราทำสิ่งที่ดีๆ เป็นประโยชน์ต่อตัวเองต่อสังคม เราจะกล้ายืนหยัดขึ้นมา เอาสิ่งนี้เป็นตัวชดเชยปมด้อยในใจได้ดีทีเดียว
 
มีหลักในการทำให้สังคมยอมรับอย่างไร เพราะบางสังคมอาจยังมีความคิดเดิมๆ ยากที่จะยอมรับให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้ามาอยู่ร่วมกับคนในองค์กร เพราะอาจจะเกิดปัญหาความยุ่งยากต่างๆ ขึ้นมา ปัจจุบันควรจะต้องปรับอะไรกันบ้างโดยเฉพาะบรรดานายจ้างทั้งหลาย?
 
        พูดยากเหมือนกันนะ เพราะว่าอย่างกรณีพระนี่มันชัดเจนอยู่แล้ว เพราะเป็นพระวินัยพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ บางคนถามว่าถ้าเป็นกรณีทหารล่ะ เรื่องนี้ก็เป็นประเด็น ในอเมริกาก็เป็นเรื่องขึ้นมาทีเดียวว่าจะรับทหารที่เป็นเกย์ได้รึเปล่า ซึ่งถ้าทางฝ่ายที่เป็นก็เรียกร้องว่าต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ในขณะเดียวกันพอรับเข้ามาก็ต้องยอมรับว่ามันก็มีข้อจำกัด บางทีอาจทำให้วินัยของกองทัพปั่นป่วนได้ เพราะฉะนั้นจะไปบอกให้ทุกหน่วยงานให้สิทธิเท่าเทียมกันหมดก็คงจะพูดยาก คงขึ้นอยู่กับสภาวะงานของแต่ละที่ๆ ไม่เหมือนกัน ให้ว่าเป็นที่ๆ ไป อย่างที่บอกคนที่เป็นแบบนี้บางทีเขาก็มีจุดเด่นจุดแข็งในตัวก็มี บางทีทำกับข้าวเก่ง ถ้าให้เขามาเป็นกุ๊กแล้วล่ะก็ ผลเสียจากการที่เขาเป็นแบบนี้กับปมเด่นของเขาเมื่อชดเชยกันแล้วคุ้ม เขาก็รับมาเป็นกุ๊ก เพราะว่าผลกระทบเรื่องอื่นไม่ค่อยเยอะ เพราะในโรงครัวก็มีคนอยู่ไม่กี่คน ก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างนี้เป็นต้น มันขึ้นอยู่กับว่างานอะไร ภาวะงานเป็นแบบไหน ถ้าจะบอกให้เป็นเกณฑ์มาตรฐานเดียวกันทั้งหมดนั้น ก็คงจะพูดลำบากเหมือนกัน เพราะฉะนั้นให้แต่ละที่ชั่งน้ำหนักให้ดี ยังไงก็ให้เข้าใจจุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละคนและให้โอกาสกันเท่าที่สภาวะแวดล้อมของสถานที่นั้นๆ จะสามารถทำได้
 
หลักในการทำให้สังคมยอมรับ
หลักในการทำให้สังคมยอมรับ
 
        จะเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วไม่ว่าเราจะอยู่ในภาวะเพศอะไรก็แล้วแต่ เรื่องสำคัญคือ เราเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์หรือไม่ ซึ่งวัตถุประสงค์นั้นคือการใช้ร่างกายมนุษย์นี้ทำความดีให้ถึงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมั่นเข้าวัดปฏิบัติธรรม และสั่งสมฝีมือการทำงานให้ดี รับรองว่าคนรอบข้างและสังคมก็จะยอมรับ

http://goo.gl/CGiMJ


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทำไมจีวรพระต้องเป็นสีเหลือง
      ขอไม่นับถือพระสงฆ์
      ข้อคิดธรรมะของพระสุธรรมญาณวิเทศ (สุธรรม สุธมฺโม) จากหนังสือ "หน้าสุดท้าย"
      I can’t respect monks, can I?
      กราบไหว้ทำไม งมงาย !
      Why do people have to pay homage? Ignorant!
      โซเดียม อันตรายใกล้ตัว
      บวชให้สุก
      พลังหญิง
      ตักบาตรใส่บุญ(ตอนที่2)
      ตักบาตรใส่บุญ (ตอนที่1)
      ปัญหามรดก
      ยิ่งใหญ่ในรายละเอียด




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related