โดย พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑโฒเรียบเรียงจากรายการนานาเทศนา ทาง DMCยุทธศาสตร์ของชีวิตคงไม่มีใครอยากปฏิเสธว่า คนเราทุกคนนั้นล้วนต้องการเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ ท่ามกลางกระแสการแข่งขันหาเลี้ยงชีพที่มีอยู่อย่างมากมายในโลกทุกวันนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้ใครสักคนสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ตามที่ใจปรารถนา จึงทำให้บางคนหันไปเชื่อเรื่องโชคลาง โหราศาสตร์ ฮวงจุ้ย ดูลายมือ บ้างก็เลือกที่จะเสี่ยงโชคจากการซื้อล็อตเตอรี่ เพราะคิดว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จขึ้นมาได้เขามองกันว่าทำงานในยุคนี้ต้องมียุทธศาสตร์ แล้วชีวิตที่จะประสบความสำเร็จต้องมียุทธศาสตร์อย่างไร อยากจะฝากไว้อยู่ 3 ประเด็น คือโดยทั่วไปเขามักจะมองอะไรกันที่ผลลัพธ์ แต่อยากจะให้มองกระบวนการมากหน่อยประการแรก คือ แนวคิด ทุกคนควรมั่นใจก่อนว่า เราสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างที่เราปรารถนา เราเชื่อหรือไม่ว่านวัตกรรมที่สุดยอดที่สุดคือ การสร้างกายมนุษย์ของเรานี้เองขึ้นมา เพราะสิ่งที่พญามารกลัวมากที่สุดคือ กายมนุษย์ แล้วบัดนี้เราได้กลายเป็นเจ้าของกายมนุษย์นั้นแล้ว เท่ากับว่าเราได้ครอบครองฐานที่มั่นในการทำงานที่มีคุณค่าสูงสุด ให้รู้ไว้เลยว่าต้นทุนที่เรามีอยู่ในตัวนั้นเหลือเฟือ หลวงพ่อท่านบอกไว้ว่า ขอให้มีตัวกับหัวใจก็เกินพอ อย่างอื่นถือเป็นของแถม เพียงแค่ตัวกับหัวใจนั้นเราสามารถสร้างความสำเร็จอะไรก็ได้ที่เราปรารถนา ถ้าเราเอาจริงนวัตกรรมที่สุดยอดที่สุดคือกายมนุษย์ของเรานี้เองเคยมีตัวอย่างในประวัติศาสตร์จีน คือ มีคนๆ หนึ่งเกิดมาก็เป็นชายหนุ่มธรรมดาๆ ชื่อว่า ฮั่นสิน วันหนึ่งถูกนักเลงใหญ่ประจำเมืองเขม่นเอา เรียกเขาให้มาหาและให้นั่งคุกเข่าลง แล้วให้คลานลอดหว่างขานักเลงใหญ่คนนั้น คิดแล้วมันก็ช้ำใจ ฮั่นสิน เลยตัดสินใจว่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องขึ้นมาเป็น 1 ในแผ่นดินให้ได้ จึงตั้งใจศึกษาตำราพิชัยสงคราม การรบ การใช้อาวุธทุกอย่างจนชำนาญ แล้วไปสมัครเป็นทหารในกองทัพ ได้เป็นแม่ทัพใหญ่ของเล่าปัง สถาปนาทั้งแผ่นดินได้เป็นหนึ่ง แล้วตั้งราชวงศ์ฮั่น เล่าปังขึ้นครองราชสมบัติเป็น ฮั่นโกวโจฮ่องเต้ ตอนปลายราชวงศ์ฮั่นนั่นเองที่เป็นที่มาของยุค 3 ก๊ก นี่คือก่อน 3 ก๊ก เมื่อประมาณ 400 ปีที่แล้วจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่มีน้ำยาเลย ถูกเขาบังคับให้ลอดหว่างขา จนกระทั่งขึ้นมาเป็นแม่ทัพใหญ่ที่ปราบทั้งแผ่นดินได้ เพราะเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาเท่านั้นเอง พอขึ้นมาชนะทั้งแผ่นดินแล้วก็ให้ทหารไปเอาตัวนักเลงใหญ่คนนั้นมา พอมาถึงก็ไปกล่าวขอบใจเขา ถ้าไม่มีเจ้าในวันนั้นก็คงไม่มีข้าในวันนี้ แล้วให้ทหารตบรางวัลให้มากมายและส่งกลับ ฟังแล้วก็เกิดแรงบันดาลใจได้มาก เราจะทำอะไรให้สำเร็จเราก็ทำได้ทั้งนั้นถ้าเราเอาจริงเหมาเจอตง ก่อนหน้านี้ก็เคยเป็นขอทานพเนจรไปทั่วเป็นปี กว่าจะรวมแผ่นดินจีนขึ้นมาได้ ฉะนั้นเราอย่าไปมองว่าเราเกิดมาเสียเปรียบใคร แค่มีตัวกับหัวใจเราก็สู้ได้แล้ว เราเป็นเจ้าของทรัพยากรที่สำคัญที่สุดแล้ว ให้เรามั่นใจในประเด็นแรกก่อนว่าเราทำได้ ถ้าได้ทำ และตั้งใจทำจริงๆ ขอให้มีความเชื่อมั่นตรงนี้อย่างเต็มหัวใจก่อน แล้วเราค่อยเข้ามาสู่ยุทธศาสตร์ของชีวิต ซึ่งมีอยู่ 2 ข้อใหญ่ๆ คือ1. ต้องมีวิริยะอุตสาหะ มีคำคมอันหนึ่งคือ “ฝันให้ไกล ฝันให้ถึง ถึงแค่ฝัน ฝันให้ไกล ทำให้ถึง ถึงที่ฝัน” คือถ้าเอาแต่ฝันเป็นฝันเลื่อนลอยมันก็จะถึงแค่ฝัน แต่ถ้าฝันให้ไกล แล้วทำให้ถึง ก็จะถึงที่ฝัน พูดง่ายๆ ว่า คิดแล้วต้องลุย อย่าเอาแต่นั่งคิด ต้องลงมือทำ คนทั่วไปจะเสียเวลากับการจดๆ จ้องๆ ตั้งท่านานไปหน่อย และชอบรอความพร้อม ซึ่งถ้าคิดจะรอให้ทุกอย่างพร้อมนั้นมันไม่มีในโลก คนจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องลงมือทำดูอย่างคุณยายอาจารย์ฯ ของเรา ท่านสร้างวัดพระธรรมกายได้ พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านยกย่องคุณยายว่า เป็นหนึ่งไม่มีสอง เพราะคนที่นั่งสมาธิ(Meditation)ได้ดีจะอยู่ในชุดทีมงานทำวิชชา การนั่งสมาธิตอนนั้นมีอยู่ 2 ผลัดๆ ละ 6 ชั่วโมง ผลัดแรก 6 โมงเช้าถึงเที่ยงวันแล้วพัก ผลัดที่ 2 มารับช่วงตั้งแต่เที่ยงวันถึง 6 โมงเย็น ผลัดแรกพักเสร็จก็มารับช่วงต่อตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน และอีกผลัดก็มารับตั้งแต่เที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า ต่อเนื่องกันอย่างนี้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วงพักคนอื่นเขาก็ไปพัก แต่คุณยายท่านนั่งต่อ เพราะเวลาผลัดใหม่มาหลวงปู่ท่านจะสั่งงานให้ไปค้น ให้ไปดูว่านรกสวรรค์เป็นอย่างไร โครงสร้างของจักรวาลเป็นอย่างไร นิพพานเป็นอย่างไร อันนี้คือการทดสอบในเบื้องต้น มีโจทย์ที่ท่านสั่งให้ไปค้นเยอะแยะมากมาย พอช่วงท้ายที่หลวงปู่มาท่านจะให้ทุกคนเล่าผลว่าเป็นอย่างไรบ้างคุณยายท่านจะอยู่ฟังโจทย์ของหลวงปู่ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วท่านจึงจะไปพัก ระหว่างที่พักไม่ว่าจะเป็นการทานข้าว อาบน้ำ ซักผ้า ทำความสะอาดอะไรก็ตาม คุณยายใจท่านจะตรึกเข้ากลางตลอด ทำสมาธิตลอด พอถึงก่อนจะมาเข้าช่วงรับผลัดต่อไปท่านจะมาถึงก่อนคนอื่นครึ่งชั่วโมง พอหลวงปู่มาเช็คการบ้าน ท่านเองท่านก็จะรู้ว่าท่านเป็นอย่างไร เท่ากับว่าคุณยายทำมากกว่าคนอื่นเขา 2 เท่า ด้วยความที่ใจท่านเองดิ่งเข้าธรรมะตลอดเวลาในทุกกิจกรรม ทำให้หลวงปู่ท่านจึงบอกว่า คุณยายเป็นหนึ่งไม่มีสอง เพราะท่านทำงานหนักกว่าคนอื่นเขา และทำอะไรก็ทำด้วยความตั้งใจและทำอย่างมีความสุข2. ต้องฝึกนิสัยของตัวเองให้มีความละเอียดและเป็นคนช่างสังเกต ถ้าเรามีความละเอียดแล้วเราจะมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น เท่ากับว่าเรากำลังสร้างต้นทุนตัวเองให้เป็นคนเหนือคน แล้วเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนอื่นเขา ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตามเรื่องบางเรื่องเหมือนเส้นผมบังภูเขา แต่ไม่น่าเชื่อว่าบางคนจะมองไม่เห็น ถ้าใครเห็นก่อนก็จะประสบความสำเร็จก่อน เช่น บริษัทไมโครซอฟท์ หรือ แอปเปิล เป็นต้น เขย่าวงการจนเจ้าอื่นเซกันไปเป็นแถบๆ เพราะเขามองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นทำอย่างไรเราจึงจะเป็นคนที่มีความละเอียดและเป็นคนช่างสังเกต ถ้าให้ฝึกจากของใกล้ตัวที่ง่ายๆ คือ การบริหารปัจจัย 4 มีที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม อาหาร และยารักษาโรค ให้เราบริหารปัจจัย 4 เหล่านี้ด้วยความละเอียด แล้วเราจะฝึกนิสัยละเอียดขึ้นมาในตัวเราเองได้ที่อยู่อาศัยของเราก็ฝึกดูแลจัดเก็บรักษาให้สะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่ใช้แล้วก็ควรรีบซักจัดเก็บให้เรียบร้อย ทุกอย่างที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วความคิดเราจะเป็นระเบียบ แล้วเราจะมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น ตรงนี้ก็เป็นต้นทุนให้เราประสบความสำเร็จในชีวิต พอเราได้ทั้งปริมาณที่มากในการทำงาน และคุณภาพของการใช้เวลาในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าได้ 2 อย่างนี้ก็เพียงพอแล้วในยุทธศาสตร์ชีวิต จะตั้งเป้าทำอะไรก็ประสบความสำเร็จได้หมด บนพื้นฐานที่มีความเชื่อมั่นว่าเราทำได้
http://goo.gl/OD0c1