ทำไมต้องทาน ศีล ภาวนา?ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/Dhammavipuloวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557
การให้ทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิ(Meditation)ภาวนา เป็นข้อปฎิบัติในชีวิตประจำวันของชาวพุทธ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบไว้ให้
ในยามกลางของคืนวันที่พระมหาบุรุษตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณทรงบรรลุจุตูปปาตญาณ คือ เห็นการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทรงเห็นมนุษย์ทั้งหลายที่พลัดไปเกิดในอบายภูมิทั้ง 4 คือ สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย และสัตว์นรก เพราะประพฤติผิดศีล
ท่านจึงตรัสสอนให้ละชั่ว ด้วยการรักษาศีล 5 เพื่อปิดประตูอบาย ไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิ และได้สิทธิที่จะกลับมาใช้อัตภาพของมนุษย์อีก ทรงเห็นผู้ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ด้วยอำนาจของศีล แต่อัตภาพมนุษย์ต้องใช้ปัจจัย 4 มาหล่อเลี้ยงชีวิต ปัจจัย 4 ที่เกิดขึ้นก็ความแตกต่างกัน เกิดขึ้นยาก ง่ายไม่เหมือนกัน บางคนไม่มีจะกิน บางคนมีกินแต่ไม่มีใช้ บางคนมีกินมีใช้ และบางคนเหลือกินเหลือใช้ สาเหตุที่มา เกิดจากกำลังทานกุศลในอดีตชาติ ทำมาไม่เท่ากัน พระพุทธองค์จึงตรัสสอนชาวโลกให้ทำทาน
เมื่อได้อัตภาพของความเป็นมนุษย์ และมีปัจจัย 4 หล่อเลี้ยงชีวิตแล้ว ทรงสอนให้แสวงหาความบริสุทธิ์หลุดพ้นให้กับตัวเอง ด้วยการประพฤติปฎิบัติธรรม เจริญสมาธิภาวนา
ทรงแบ่งนักปฎิบัติธรรมไว้ 4 จำพวก คือ
1. ปฎิบัติสะดวก บรรลุเร็ว
2. ปฎิบัติสะดวก บรรลุช้า
3. ปฎิบัติลำบาก บรรลุเร็ว
4. ปฎิบัติลำบาก บรรลุช้า
คุณครูไม่ใหญ่เคยเล่าไว้ในรร.อนุบาลฝันในฝันวิทยาว่าพวกปฎิบัติสะดวก คือ อยากจะหลีกเร้นทำความเพียร เจริญสมาธิภาวนา 7, 10, 30 วัน หรือนานตามที่ใจปราถนา ไม่มีความกังวลเรื่องการเงิน สถานที่ปฎิบัติก็สะดวก เย็นสบาย อาหารอร่อย ปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกเกิดจากกำลังทานกุศลในอดีตชาติ ทำทานมามาก
ส่วนบรรลุได้เร็วเพราะ ในอดีตชาติ เจริญสมาธิภาวนามามาก
สรุปก็คือ รักษาศีล เพื่อปิดประตูอบายภูมิ และได้สิทธิกลับมาใช้อัตภาพมนุษย์อีก
ทำทานเพื่อเป็นหลักประกันว่า เมื่อได้อัตภาพมนุษย์แล้ว จะมีปัจจัย 4 แบบมีกินมีใช้ หรือเหลือกินเหลือใช้เจริญสมาธิภาวนา เพื่อสั่งสมความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ไปสู่อายตนนิพพาน
ส่วนพวกที่ใจใหญ่ชอบให้ทาน แต่ไม่รักษาศีล ก็ได้มาเป็นน้องตูบ กับน้องเหมียว นั่งรถเบนซ์ นอนห้องแอร์ อาหารพิเศษสุด เข้าร้านเสริมสวยตัดแต่งขน แพงกว่าตัดผมบนศีรษะซะอีก !!!
http://goo.gl/Ik7hNT