สะอาดกาย สะอาดใจ
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙
ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์“สัตว์ทั้งหลายสะดุ้งต่ออาชญากันหมด เพราะชีวิตเป็นที่รักของสัตว์ทั้งหลาย
ฉะนั้น คนควรเอาตนเป็นเครื่องเปรียบเทียบ
แล้วไม่เบียดเบียน ไม่ฆ่ากัน” (ตุณฑิลชาดก)
ความสุขใจของมนุษย์ประการหนึ่ง คือ การได้รับความปลอดภัยในชีวิต ความปลอดภัยนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความมั่นใจในตัวเองคิดว่าตนเป็นที่พึ่งของตนได้จริง ขณะเดียวกันความมั่นใจจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเป็นคนไม่หวาดระแวงและไม่เกรงกลัวภัยใด ๆ เหมือนพระอรหันต์ทั้งหลายที่หมดกิเลสแล้ว ท่านจึงไม่หวาดหวั่นต่อความตาย ส่วนคนที่ไม่มีเวรมีภัยกับใครอีกประเภทหนึ่ง คือ ผู้ทรงศีล ก็จะมีความสุขกายสบายใจ ไม่หวาดระแวง และมีชีวิตอยู่ด้วยสันติธรรม
ในการรักษาศีลนั้น แม้เราจะตั้งใจรักษาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ บางครั้งเราก็ขาดความมั่นใจในการวินิจฉัย มีความสงสัยว่า การกระทำของเราล่วงละเมิดศีลหรือไม่ ดังนั้นในการรักษาศีลเราควรศึกษาทำความเข้าใจในเรื่ององค์วินิจฉัยศีล ซึ่งเป็นหลักในการวินิจฉัยว่า ศีลขาดหรือไม่จะได้มีความสบายใจและสามารถชี้ถูกชี้ผิดให้กับตัวเองได้สำหรับองค์วินิจฉัยศีลนั้น พระอรรถกถาจารย์ได้จำแนกเอาไว้ว่า องค์ประกอบของปาณาติบาต มี 5 อย่าง คือ 1. สัตว์นั้นมีชีวิต 2. รู้อยู่ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต 3. มีจิตคิดจะฆ่าสัตว์นั้น 4. มีความพยายามฆ่าสัตว์นั้น 5. สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น
ยกตัวอย่างเช่น การที่เราไล่ยุง แล้วบังเอิญทำให้ยุงตาย โดยมิได้คิดจะฆ่ายุงเลยเช่นนี้ยังไม่เรียกว่าผิดศีล ศีลยังไม่ขาดเสียทีเดียว เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ครบองค์ 5 ของการฆ่า ส่วนการกระทำใดที่แม้จะไม่ครบองค์วินิจฉัย อาจจะทำไปแค่องค์ 4 อย่างนี้เรียกว่าศีลทะลุ ถ้าลดหลั่นลงมาอีกก็เรียกว่าศีลด่าง ศีลพร้อย มัวหมองไปตามลำดับ
การละเมิดศีลข้อที่หนึ่งนี้ จะมีโทษมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคุณของคนหรือสัตว์แต่ละประเภท เช่น ฆ่าพระอรหันต์เป็นบาปมากกว่าฆ่าปุถุชน ฆ่าพ่อแม่เป็นบาปกว่าฆ่าคนทั่วไปถือว่าเป็นอนันตริยกรรมที่ห้ามสวรรค์และนิพพาน คือ ถ้าใครไปล่วงละเมิด ท่านถือว่าในภพชาตินั้น บุคคลนั้นจะไม่มีโอกาสเข้าถึงสวรรค์หรือบรรลุนิพพาน มีแต่ต้องไปเสวยทุกข์ใหญ่ในอบายภูมิอย่างเดียว
หากฆ่าสัตว์ที่มีคุณมากจะมีโทษมากกว่าการฆ่าสัตว์ที่มีคุณน้อยหรือไม่มีคุณสำหรับสัตว์เดรัจฉานชนิดที่ไม่มีคุณ การฆ่าสัตว์ตัวใหญ่มีโทษมากกว่าการฆ่าสัตว์ตัวเล็ก เช่น ฆ่าจระเข้มีโทษมากกว่าฆ่ากิ้งก่า เป็นต้น และให้เราดูที่ความพยายามในการฆ่าด้วย คือหากมีความพยายามในการฆ่ามากก็มีโทษมากมีความพยายามน้อยก็มีโทษน้อย สุดท้ายต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก หากเจตนาแรงกล้า มีโทษมากหากเจตนาน้อยก็มีโทษน้อย เช่น การฆ่าด้วยโทสะหรือด้วยความเกลียดชังมีโทษมากกว่าการฆ่าเพื่อป้องกันตัวเอง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เพื่อชีวิตการสร้างบารมีจะได้ไม่สะดุด เราอย่าได้พลาดพลั้งไปฆ่าหรือรังแกใครจะดีที่สุดจะได้มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ เป็นผู้ไม่มีเวรไม่มีภัยกับใคร
องค์ประกอบของอทินนาทาน มี 5 อย่าง คือ 1. ทรัพย์หรือสิ่งของนั้นมีเจ้าของหวงแหน 2. รู้อยู่ว่าทรัพย์นั้นมีเจ้าของหวงแหน 3. มีจิตคิดจะลักทรัพย์นั้น 4. มีความพยายามลักทรัพย์นั้น 5. ลักทรัพย์ได้มาด้วยความพยายามนั้น
องค์ประกอบของกาเมสุมิจฉาจาร มี 4 อย่าง คือ 1. หญิงหรือชายที่ไม่ควรละเมิด 2. มีจิตคิดจะเสพเมถุน 3. ประกอบกิจในการเสพเมถุน 4. สำเร็จกิจในการเสพเมถุน
การประพฤติผิดในกามมีโทษมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคุณความดีของผู้ที่ถูกละเมิดความแรงของกิเลส และความพยายามในการประพฤติผิดในกามนั้น สำหรับศีลข้อ 3 นี้ บางท่านอาจสงสัยว่า การเที่ยวหญิงขายบริการผิดศีลหรือไม่ เรื่องนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเด็น ประเด็นที่ 1 เป็นเรื่องของการผิดศีล คือ จะหาหญิงที่ประกอบอาชีพนี้ด้วยความสุจริตใจเหมือนในสมัยก่อนนั้นยากมาก บางคนถูกบังคับข่มขู่มา บางคนลักลอบขายบริการโดยพ่อแม่ผู้ปกครองไม่รู้ เป็นต้น เมื่อมีใครไปล่วงละเมิดก็ถือว่าผิดศีล
สตรี 10 จำพวกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าฝ่ายชายจะล่วงละเมิดไม่ได้ หากละเมิดถือว่าผิดศีลทันที คือ สตรีที่อยู่ในความดูแลของมารดา สตรีที่อยู่ในความดูแลของบิดาสตรีที่อยู่ในความดูแลของทั้งมารดาและบิดาสตรีที่อยู่ในความดูแลของพี่ชายน้องชาย สตรีที่อยู่ในความดูแลของพี่สาวน้องสาว สตรีที่อยู่ในความดูแลของญาติ สตรีมีโคตรตระกูลปกครอง สตรมี ธีรรมคมุ้ ครอง สตรมี คี หู่ มนั้ และสตรีมีกฎหมายคุ้มครอง ในทำนองเดียวกันสตรีก็ไม่อาจล่วงละเมิดชายที่อยู่ในเงื่อนไขเดียวกันนี้ หากหญิงเหล่านี้แอบไปทำงานขายบริการ ชายที่ไปเที่ยวก็ถือว่าเข้าข่ายผิดศีลกาเมฯ เพราะฉะนั้นทางที่ดีอย่าเอาตัวไปเสี่ยงกับการผิดศีลเลย
ประเด็นที่ ๒ การไปเที่ยวหญิงขายบริการนั้น เป็นการเปิดประตูอบาย เพราะทำให้ใจหมกมุ่น การที่ชายชอบเที่ยวหญิงขายบริการเป็นเพราะส่วนใหญ่ไม่รู้จักหักห้ามใจตัวเองเพราะทั้งคน ทั้งสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหมู หมา กาไก่ ล้วนอาศัยอยู่ในโลกใบเดียวกัน มีชีวิตเหมือนกัน ต่างมีสิ่งที่คอยบีบคั้นใจเหมือนกันคือ ความต้องการทางเพศ เพราะกิเลสราคะบังคับ เมื่อเกิดความกำหนัด สัตว์เดรัจฉานไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะมันไม่มีหิริโอตตัปปะมันจึงสนองความต้องการนั้นในทันใด จะสมสู่กับสัตว์ตัวใด ที่ใด เวลาใดก็ได้
มนุษย์มีสติปัญญามากกว่าสัตว์ ถ้าไม่รู้จักหักห้ามใจ ไม่รู้จักเลือกว่าใครไม่เหมาะไม่ควร ถึงแม้จะเป็นคนโสด และฝ่ายหญิงยินดีพร้อมใจก็ตาม ก็จะเป็นการเริ่มเพาะนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ตามใจกิเลสจนคุ้น บาปในอดีตจะได้ช่องตามมาทัน ทำให้มีโอกาสติดโรคร้ายได้ง่ายต้องเสียชื่อเสียง และมีมลทิน เป็นตราบาปในใจ
การทำอย่างนั้นเป็นการเพาะนิสัยมักมากในกามคุณ และไม่เห็นคุณค่าของความเป็นคนเมื่อมองเห็นคนด้อยคุณค่า สังคมก็เดือดร้อนวุ่นวาย เพราะต่างขาดความจริงใจ สิ่งที่ตามมาก็คือ ขาดความรับผิดชอบทั้งต่อตัวเองและต่อสังคมไปโดยปริยาย
สิ่งที่ร้ายไปกว่านั้น คือ การติดในรสกามซึ่งจะติดไปในขันธสันดานข้ามชาติ เพราะเวลาใกล้ตาย ความดีที่เคยทำเอาไว้ก็นึกไม่ออกนึกออกแต่ภาพไปเที่ยวหญิงโสเภณี ภาพเหล่านี้จะเป็นกรรมนิมิตมาฉายให้เห็นอยู่คนเดียวคนอื่นเขาไม่เห็นกับเราด้วย ถ้าละโลกไปด้วยใจที่เศร้าหมอง โอกาสไปนรกจะมีมากกว่าคนที่ใจไม่หมกมุ่นในเรื่องนี้ ถึงคราวบาปส่งผลตัวเราก็จะได้ไปเกิดเป็นหญิงขายบริการบ้างผลัดกันรับวิบากกรรม เพราะแต่เดิมผู้หญิงที่ขายบริการก็เคยเป็นผู้ชายนักเที่ยวมาก่อน เธอจึงได้มาชดใช้วิบากกรรมเช่นนี้ มาเป็นที่รองรับอารมณ์ให้กับผู้ชายที่หักห้ามใจไม่เป็น ดังนั้นถ้าไม่อยากผิดศีล ไม่อยากมัวหมอง และไม่ปรารถนาจะไปเสวยทุกข์ในอบาย ก็อย่าไปยินดีในการล่วงละเมิดศีลกาเมฯ ไม่ว่าจะในกรณีใด ๆ เพราะสุขสัมผัสเพียงชั่วคราวจะทำให้ต้องทุกข์ทรมานไปอีกหลายชาติ ซึ่งไม่คุ้มกัน
ทั้งหมดนี้ คือองค์ประกอบของการวินิจฉัยศีลข้อ 1 ถึงข้อ 3 ว่าผิดศีลหรือไม่ รวมไปถึงทัศนะเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควรศึกษาไว้ และจากความรู้ในเรื่ององค์วินิจฉัยศีลนี้ ทำให้เราตอบข้อสงสัยได้ว่าการกระทำแค่ไหนเป็นการทำให้ศีลขาด แค่ไหนเป็นเพียงศีลด่างพร้อยไปเท่านั้น แต่ดีที่สุดอย่าให้ศีลด่างพร้อยมัวหมองเลย ควรสมาทานรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ทุกวัน เพราะศีลเป็นเหตุแห่งความสุข เป็นทางมาแห่งโภคทรัพย์และเป็นต้นทางให้ได้บรรลุมรรค ผล นิพพาน
http://goo.gl/JGj4cd