ทุกข์เพราะกามอยากกินอาหารที่มีรสอร่อยกว่าเดิมมนุษย์ทุกวันนี้ที่มีทุกข์ไม่รู้จบสิ้นก็เพราะ “ความอยากในกาม”“กาม” เป็นต้นเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดความหิวกระหายในใจของเรา ความอยากในกามได้คอยครอบงำ และบงการชีวิตเรา ให้เรารู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่เรามี เราจึงต้องแสวงหาที่จะเห็นรูปที่สวยกว่าเดิม อยากได้ยินเสียงที่ไพเราะกว่าเดิม อยากกินอาหารที่มีรสอร่อยกว่าเดิม ฯลฯ ความคิดเหล่านี้ได้วนเวียนอยู่ในใจของเรา คอยผลักดันให้เราต้องดิ้นรนแสวงหาสิ่งต่างๆ มาสนองความอยากนั้นมันจะไม่รู้จักอิ่มจักพอ เพราะความอยากนั้นมันจะไม่รู้จักอิ่มจักพอ เพราะความอยากมันมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดแทนที่จะมีความสุข กลับถูกความทุกข์เข้ารุมเร้าพระบรมศาสดา ทรงสอนให้เราหลีกออกจากกามซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ แล้วหันมาแสวงหาความสุขภายในด้วยการปฏิบัติธรรมแต่การหลีกออกจากกามที่ทรงสอนไม่เพียงหลีกออกแค่ร่างกายเท่านั้น แต่ใจจะต้องออกจากกามด้วย มิฉะนั้นการปฏิบัติธรรมก็จะไม่ได้ผล ดังเรื่องที่พระพุทธองค์ทรงยกตัวอย่างไว้ใน มหาสัจจกสูตร มีใจความว่า...“สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ที่กายยังไม่ได้หลีกออกจากกาม และใจก็ยังข้องอยู่ในกาม สมณพราหมณ์นั้นแม้จะทำความเพียรหนักสักเพียงไร หรือไม่ได้ทำความเพียรเลยสมณพราหมณ์นั้นไม่อาจจะตรัสรู้ธรรมได้ เปรียบเหมือนไม้สดที่ยังชุ่มอยู่ด้วยยาง และแช่น้ำไว้ด้วย ใครก็ตามที่ต้องการจะได้ไฟ เมื่อเอาไม้นั้นมาสีกันเข้า สีเท่าไรก็ไม่อาจจะเกิดไฟขึ้นได้ เพราะไม้นั้นชุ่มด้วยยาง และแช่อยู่ในน้ำ”กายยังไม่ได้หลีกออกจากกาม และใจก็ยังข้องอยู่ในกาม“ส่วนพวกสมณพราหมณ์บางพวก แม้กายหลีกออกจากกามแล้ว แต่ใจยังรักใคร่อยู่ในกาม ยังข้องอยู่ในกาม สมณพราหมณ์เหล่านั้นแม้จะทำความเพียร หรือไม่ทำความเพียรสมณพราหมณ์เหล่านั้นก็ไม่อาจตรัสรู้ได้ เพราะใจยังชุ่มอยู่ด้วยยาง คือ กิเลส เปรียบเหมือนไม้ที่ชุ่มด้วยยางวางไว้บนบก แม้จะวางไว้บนบกแล้วก็ตาม แต่มันยังสดอยู่ ยังชุ่มไปด้วยยาง ก็ไม่อาจจะสีให้เกิดไฟขึ้นได้”“ส่วนสมณพราหมณ์ ที่กายหลีกออกจากกามแล้วใจก็สละกามได้ มีใจสงบระงับดีแล้ว สมณพราหมณ์เหล่านั้น แม้จะทำความเพียรหรือไม่ทำความเพียรก็ตาม เขาก็จะสามารถตรัสรู้ธรรมได้ เปรียบเหมือนไม้แห้งที่วางไว้บนบก ผู้ที่ต้องการไฟ เมื่อเอาไม้นั้นมาสีเข้าด้วยกัน ไฟย่อมเกิดขึ้น เพราะไม้นั้นเป็นไม้แห้งและวางไว้บนบก”การที่จะปฏิบัติธรรมได้ดีนั้น จะต้องหลีกออกจากกามให้ได้ทั้งกายและใจจะเห็นได้ว่า การที่จะปฏิบัติธรรมได้ดีนั้น จะต้องหลีกออกจากกามให้ได้ทั้งกายและใจ ถ้าปล่อยวางความอยากในกามลงได้ ใจก็จะเริ่มสงบนิ่ง จิตก็จะดิ่งเข้าสู่ภายใน ได้พบกับความสุขที่แท้จริง ที่ไม่มีความสุขอื่นยิ่งกว่า เป็นบรมสุขซึ่งพระบรมศาสดาได้ตรัสยืนยันไว้ว่า“นตฺถิ สนฺติปรํ สุขํ สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี”แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
โดยพระมหาเถระ รุ่นปี พ.ศ. 2534 หน้า 93 - 95
http://goo.gl/RDd2M