แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎกณ ป่าประดู่ลาย
เกิด เกิด เกิด ....
อาตมาภาพเมื่อท่องเที่ยวไปมา ได้ไปสู่นรกบ้าง เปรตโลกบ้าง ชาติแล้วชาติเล่า แม้ในกำเนิดเดียรฉาน ที่สุดแสนจะทนได้ อาตมภาพก็อยู่มานานมากมายหลายประการและภาพของมนุษย์ อาตมาภาพก็ได้ผ่านมามากแล้ว และได้ไปสวรรค์เป็นครั้งเป็นคราว อาตมาภาพดำรงอยู่ในรูปภพบ้าง อรูปภพบ้าง อสัญญีภพบ้าง เนวสัญญีนาสัญญีภพบาง ภาพทั้งหลายอาตมาภาพรู้ชัดแล้วว่าไม่มีแก่นสารอันปัจจัยปรุงแต่งขึ้น เป็นของแปรปรวน กลับกลอก ถึงความแตกหัก ทำลายไปทุกเมื่อ ครั้นรู้แจ้งภพนั้น อันเป็นของเกิดในตนแล้ว อาตมาภาพจึงเป็นผู้มีสติ บรรลุสันติธรรมแล้ว
โคตเถรคาถา เล่ม 51 หน้า 313
รีบทำก่อน
(ภาษิตของพระหาริตเถระ)
ผู้ใดมุ่งจะทำงานที่ควรทำก่อน ไพล่ไปทำในภายหลังผู้นั้นย่อมพลาดจากฐานะ อันนำมาซึ่งความสุขและย่อมเดือดร้อนในภายหลังงานใดควรทำ ก็พึงพูดถึงแต่งานนั้นเถิดงานใดไม่ควรทำ ก็ไม่ควรพูดถึงงานนั้น คนไม่ทำ มีแต่พูด บัญฑิตทั้งหลายก็รู้ทันพระนิพพานที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงแล้วเป็นสุขจริงหนอ ไม่มีความโศก ปราศจากธุลีคือกิเลสเป็นธรรมเกษม เป็นที่ดับทุกข์
หาริตเถรคาถา เล่ม 51 หน้า 319
ภิกษุผู้ยังป่าให้งาม
(ครั้งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ป่าดคสิงคสาลวัน)
พร้อมพระสาวกเถระทั้งหลาย พระสารีบุตรถามพระอานนท์ พระเรวตะ พระอนุรุทธะ พระมหากัสสปะ พระมหาโมคคัลลานะ ว่าป่าโคสิงคสาลวันจะพึงงามด้วยภิกษุเช่นไร
ซึ่งแต่ละองค์ต่างตอบตามความเชี่ยวชาญของตน เช่น พระอานนท์ตอบว่างามด้วยพระผู้พหูสูตพระอนุรุทธะว่างามด้วยพระผู้มีทิพพจักขุฯ พระสารีบุตรจึงชวนทั้งหมดมาทูลถาม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า คำของใครเป็นสุภาษิต
ดูก่อนสารีบุตร คำของพวกเธอทั้งหมด เป็นสุภาษิตโดยปริยาย ก็แต่พวกเธอจงฟังคำของเรา ถามว่าป่าโคสิงคสาลวันจะพึงงามด้วยภิกษุเห็นปานไรนั้นเราตอบว่า
ดูก่อนสารีบุตร ปาโคสิงคสาลวันพึงงามด้วยภิกษุเห็นปานนี้แล
มหาโคสิงคสาลสูตร เล่ม 19 หน้า 35
พืชแม้มากที่บุคคลหว่านลงในนาดอน
ผลย่อมไม่ไพบูลย์ ชาวนาเองก็ไม่ปลื้มใจ ฉันใด
ทานแม้มีมากที่บุคคลให้แล้วในผู้ทุศีล
ผลย่อมไม่ไพบูลย์ ทายกก็ไม่ปลื้มใจ ฉันนั้น
ส่วนพืชแม้น้อยที่หว่านแล้วในนาดี
ย่อมมีผลไพบูลย์ ชาวนาก็ปลาบปลื้ม ฉันใด
ทานเล็กน้อยที่บุคคลทำในเขตบุญ
ในท่านผู้มีศีลมีคุณธรรมที่มั่นคง
ย่อมอำนวยผลไพบูลย์ ยังผู้ให้ให้ชื่นชมยินดี ฉันนั้น
ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
http://goo.gl/EajRI