ณ ป่าประดู่ลายเปรตปากมีกลิ่นเหม็น หมู่หนอนพากันไซซอนส่อเสียดจึงปากเหม็น(พระนารทะ) : ท่านมีผิวพรรณงามดังทิพย์ ยืนอยู่ในอากาศกลางหาว แต่ปากของท่านมีกลิ่นเหม็น หมู่หนอนพากันไซซอนก่อน เมื่อก่อนท่านทำกรรมอะไรไว้(เปรต) : เมื่อก่อนข้าพเจ้าเป็นสมรณะลามก มีวาจาชั่วช้ายิ่งนัก ผู้มักกำจัด (สำรวมกายเป็นปกติ) ไม่สำรวมปาก อนึ่ง ผิวพรรณดังทองข้าพเจ้าได้แล้วเพราะพรหมจรรย์นั้น แต่ปากของข้าพเจ้าเหม็นเน่า เพราะกล่าววาจาส่อเสียด ข้าแต่ท่านพระนารทะ รูปของข้าพเจ้านี้ท่านเห็นเองแล้ว ท่านผู้ฉลาดผู้อนุเคราะห์กล่าวไว้ว่า ท่านอย่าพูดส่อเสียดและอย่าพูดมุสา ถ้าท่านละคำส่อเสียดและคำมุสาแล้ว สำรวมวาจา ท่านจะเป็นเทพเจ้าผู้สมบูรณ์ด้วยสิ่งที่น่าไคร่ปูติมุขเปตวัตถุ เล่ม ๔๙ หน้า ๒๒กุฎุมพีผู้เศร้าโศกเสียใจต่อการตายของบิดาอุบายเตือนใจ(กุฎุมพีคนหนึ่งเศร้าโศกเสียใจต่อการตายของบิดาตน ลูกชายจึงทำอุบายให้สติแก่เขา)(กุฎุมพีผู้เป็นบิดา) : เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ จึงเกี่ยวหญ้าอันเขียวสด แล้วบังคับโคแก่อันเป็นสัตว์ตายแล้วว่า จงกิน จงกิน อันโคตายแล้วย่อมไม่ลุกขึ้นกินหญ้าและน้ำมิใช่หรือ เจ้าเป็นทั้งคนพาลทั้งมีปัญญาทราม เหมือนคนอื่นที่ปัญญาทรามฉะนั้น(สุชาตกุมาร) : โคตัวนี้ยังมีเท้าทั้ง ๔ มีศีรษะ มีตัวพร้อมทั้งหาง นัยน์ตาก็มีอยู่ตามเดิม ข้าพเจ้าคิดว่าโคตัวนี้พึงลุกขึ้นกินหญ้าสักวันหนึ่ง ส่วนมือ เท้า กายและศีรษะของปู่ไม่ปรากฏ แต่คุณพ่อมาร้องไห้ถึงกระดูกของปู่ที่บรรจุไว้ในสถูปดิน ไม่เป็นคนโง่หรือ.โคณเปตวัตถุ เล่ม ๔๙นางเปรตผู้เปลือยกายบุพกรรมนางเปรต(นางติสสา-ภรรยาหลวง) : ท่านได้ทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกาย วาจา ใจ หรือ เพราะวิบากแห่งกรรมอะไร ท่านจึงจากมนุษยโลกนี้ไปสู่เปตโลก(นางติสสา) : ท่านมีสรีระเปื้อนฝุ่นเพราะกรรมอะไร(นางเปรต) : ท่านกับฉันพากันอาบน้ำแล้วนุ่งห่มผ้าสะอาดตบแต่งร่างกายแล้ว แต่ฉันแต่งร่างกายเรียบร้อยยิ่งกว่าท่าน เมื่อฉันแลดูท่านคุยอยู่กับสามี ลำดับนั้น ความริษยาและความโกรธได้เกิดแก่ฉันเป็นอันมาก ทันใดนั้นฉันจึงกวาดเอาฝุ่นโปรยลงรดท่าน ฉันมีสรีระเปื้อนด้วยฝุ่น เพราะวิบากแห่งกรรมนั้น(นางติสสา) : ท่านเป็นหิดคันไปทั่วตัวเพราะกรรมอะไร(นางเปรต) : เราทั้งสองเป็นคนหายา ได้พากันไปป่า ส่วนท่านหายามาได้ แต่ฉันนำเอาผลหมามุ่ยมา เมื่อท่านเผลอ ฉันได้โปรยหมามุ่งลงบนที่นอนของท่าน ฉันเป็นหิดคันไปทั้งตัวเพราะวิบากแห่งกรรมนั้น(นางติสสา) : ท่านเป็นผู้เปลือยกายเพราะกรรมอะไร(นางเปรต) : วันหนึ่ง ได้มีการประชุมพวกมิตรสหายและญาติทั้งหลาย ส่วนท่านได้รับเชิญ แต่ฉันซึ่งสามีกับท่านไม่มีใครเชิญ เมื่อท่านเผลอฉันได้ลักผ้าของท่านซ่อนเสีย ฉันเป็นผู้เปลือยกายเพราะวิบากแห่งกรรมนั้น(นางติสสา) : ท่านมีกลิ่นกายเหม็นดังคูถ เพราะกรรมอะไร(นางเปรต) : ฉันได้ลักของหอม ดอกไม้ และเครื่องลูปไล้อันมีค่ามากของท่านทิ้งลงในหลุมคูถ บาปนั้นฉันได้ทำไว้แล้ว ฉันมีกลิ่นกายเหม็นดังคูถเพราะวิบากแห่งกรรมนั้น(นางติสสา) : ท่านเป็นคนยากจนเพราะกรรมอะไร(นางเปรต) : ทรัพย์สิ่งใดมีอยู่ในเรือน ทรัพย์นั้นของเราทั้งสองมีเท่า ๆ กัน เมื่อไทยธรรมมีอยู่ แต่ฉันไม่ได้ทำที่พึ่งแก่ตน ฉันเป็นคนยากจนเพราะวิบากแห่งกรรมนั้น ครั้งนั้นท่านได้ว่ากล่าวตักเตือน ห้ามไม่ให้ทำบาปกรรมว่า ท่านจะไม่ได้สุคติ เพราะกรรมอันลามก.มัตตาเปติวัตถุ เล่ม ๔๙ หน้า ๑๖๕
http://goo.gl/qEkyW