หากเดินทางผิด แม้เก่งเท่าไหร่ก็ไม่ถึงเป้าหมายการตั้งทิศทางของเรือมีผู้กล่าวไว้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดของการเดินทาง คือ การตั้งทิศทางเป้าหมายอย่างถูกต้อง การดำเนินชีวิตในวัฏสงสารก็เช่นกัน สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความเห็นหรือความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโลกและชีวิตตามความเป็นจริง หรือเรียกว่า เป็นสัมมาทิฏฐิ นั่นเอง ซึ่งจะทำให้ดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องตรงข้าม หากมีความเชื่อที่ผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิ เช่น ไม่เชื่อบุญบาป ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม แม้จะเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ หรือมีความวิริยะอุตสาหะ มากเพียงใด สิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถทำให้เขาเกิดความสุขได้เลย กลับยิ่งส่งเสริมให้เขาได้รับทุกข์มากขึ้นด้วย เพราะใช้ความรู้ ความสามารถ และความเพียรนั้นไปเพื่อก่อบาปอกุศล หวังอยากได้สุขแต่กลับได้ทุกข์ถนัด ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ภูมิชสูตร ดังนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ ครั้งนั้น พระองค์ตรัสกับพระภูมิชะว่า“ดูก่อนภูมิชะ ก็สมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่งที่มีมิจฉาทิฎฐิ มีมิจฉาสังกัปปะ มีมิจฉาวาจา มีมิจฉากัมมันตะ มีมิจฉาอาชีวะ มีมิจฉาวายามะ มีมิจฉาสติ มีมิจฉาสมาธิ ถึงแม้ทำความหวัง หรือไม่ทำความหวัง หรือทำความหวังและไม่หวัง หรือทำความหวังก็มิใช่ ความไม่หวังก็มิใช่ แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็ไม่สามารถจะบรรลุผลนั่นเพราะเหตุไร ดูก่อนภูมิชะ เพราะเขาไม่สามารถจะบรรลุผลได้โดยอุบายไม่แยบคายอุปมาเหมือนบุรุษต้องการน้ำมัน แสวงหาน้ำมันจึงเที่ยวเสาะหาน้ำมัน แต่เกลี่ยทรายลงในรางแล้วคั้นไป เอาน้ำพรมไปๆ เขาก็ไม่สามารถจะได้น้ำมัน นั่นเพราะเหตุไร เพราะเขาก็ไม่สามารถจะได้น้ำมัน นั่นเพราะเหตุไร เพราะเขาไม่สามารถจะได้น้ำมันโดยวิธีไม่แยบคายนมสดอุปมาเหมือนบุรุษต้องการนมสด แสวงหานมสดจึงเที่ยวเสาะหานมสด แต่รีดเอาจากเขาแม่โคลูกอ่อน เขาก็ไม่สามารถจะได้นมสด นั่นเป็นเพราะเหตุไร เพราะเขาไม่สามารถจะบรรลุผลได้โดยอุบายแยบคายอุปมาเหมือนบุรุษต้องการเนยข้น แสวงหาเนยข้นจึงเที่ยวเสาะหาเนยข้น แต่ใส่น้ำลงในอ่าง แล้วคนเข้ากับนมข้น เขาก็ไม่สามารถจะได้เนย นั่นเพราะเหตุไร เพราะเขาไม่สามารถจะได้เนยข้นโดยวิธีไม่แยบคายอุปมาเหมือนบุรุษต้องการไฟ แสวงหาไฟจึงเที่ยวเสาะหาไฟ แต่เอาไม้สดที่มียางมาทำไม้สีไฟสีกันไปเขาก็ไม่สามารถจะได้ไฟ นั่นเพราะเหตุไร เพราะเขาไม่สามารถจะได้ไฟ โดยวิธีไม่แยบคายดูก่อนภูมิชะ ส่วนสมณะหรือพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่งที่มีสัมมาทิฎฐิ มีสัมมาสังกัปปะ มีสัมมาวาจา มีสัมมากัมมันตะ มีสัมมาอาชีวะ มีสัมมาวายามะ มีสัมมาสติ มีสัมมาสมาธิ ถึงแม้ทำความหวัง หรือไม่ทำความหวัง หรือทำทั้งความหวังและความไม่หวัง หรือทำความหวังก็มิใช่ความไม่หวังก็มิใช่แล้วประพฤติพรหมจรรย์ เขาก็สามารถบรรลุผล นั่นเพราะเหตุใด ดูก่อนภูมิชะเพราะเขาสามารถบรรลุได้โดยอุบายแยบคายอุปมาเหมือนบุรุษต้องการน้ำมัน แสวงหาน้ำมันจึงเที่ยวเสาะหาน้ำมัน โดยเกลี่ยงาป่นลงในรางแล้วคั้นไป เอาน้ำพรมไปๆ เขาก็สามารถได้น้ำมัน นั่นเพราะเหตุไร เพราะเขาสามารถได้น้ำมันโดยวิธีแยบคายอุปมาเหมือนบุรุษต้องการนมสด แสวงหานมสดจึงเที่ยวเสาะหานมสด รีดเอาจากเต้านมแม่โคลูกอ่อน เขาก็สามารถได้นมสด นั่นเพราะเหตุไร เพราะเขาสามารถได้นมสดโดยวิธีแยบคายอุปมาเหมือนบุรุษต้องการเนยข้น แสวงหาเนยข้น ใส่นมส้มลงในอ่าง คนเข้ากับนมข้นเขาก็สามารได้เนยข้น นั่นเพราะเหตุไร เพราะเขาสามารถได้เนยข้นโดยวิธีแยบคายไฟอุปมาเหมือนบุรุษต้องการไฟ แสวงหาไฟจึงเที่ยวเสาะหาไฟ โดยเอาไม้แห้งเกราะมาทำไม้สีไฟ สีกันไป เขาก็สามารถได้ไฟ นั่นเพราะเหตุไร เพราะเขาสามารถได้ไฟโดยวิธีแยบคาย”บุคคลผู้ได้ชื่อว่าเป็นสัมมาทิฎฐิดังนั้นจึงเป็นความโชคดีมีบุญ ที่ได้เกิดมาเป็นชาวพุทธได้รับการปลูกฝังสัมมาทิฎฐิ และการทำความดีที่ถูกต้องตั้งแต่เยาว์วัย แม้เราจะไม่เก่งกาจอะไร แต่ก็มั่นใจได้ว่า สามารถเอาดีมีสุขทั้งในชาตินี้ชาติหน้าได้ ซึ่งหากเราไปเกิดในดินแดนที่มีความเชื่อเป็นมิจฉาทิฎฐิ ถูกปลูกฝังความเชื่อที่ผิดตั้งแต่เล็กแต่น้อยก็ยากที่จะเอาดีมีสุขได้ แม้จะมีสติปัญญาสามารถอย่างไรก็ตาม จึงควรแก่การภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นชาวพุทธ โชคดีจริงๆแรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
โดยพระมหาเถระ รุ่นปี พ.ศ. 2534 หน้า 125 - 128
http://goo.gl/mHDBe