เครื่องกั้นจิตปิดกั้นใจ
ความใสสว่างสะอาดบริสุทธิ์“จิต” ของมนุษย์นั้นเดิมทีมีความใสสว่าง สะอาดบริสุทธิ์ หรือที่เรียกว่า “จิตประภัสสร” แต่เพราะถูกอาคันตุกะกิเลส(กิเลสที่จรมา) รบกวน จึงสูญเสียความใสกระจ่างไป นำมาซึ่งความเศร้าหมองไม่ผ่องใส อาคันตุกะกิเลสที่กล่าวถึงนี้ เรียกว่า “นิวรณ์” หมายถึง เครื่องกั้นจิต ซึ่งจัดเป็นกิเลสชั้นกลางเป็นอุปสรรคต่อการทำสมาธิ ทำให้จิตมัวหมองไม่ผ่องใส ใจไม่หยุดนิ่ง ดิ่งเข้าสู่ภายในไม่ได้
น้ำใสสะอาดบริสุทธิ์นิวรณ์ ที่กล่างถึงนี้มีอยู่ ๕ อย่างด้วยกัน คือ๑. กามฉันทะ (ความรักความพอใจในกาม)๒. พยาบาท (ความปองร้าย ความอาฆาต)๓. ถีนมิทธะ (ความท้อแท้ และความง่วงซึม)๔. อุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ)๕. วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย)นิวรณ์ทั้ง ๕ ชนิดนี้เป็นตัวกิเลสที่ทำลายความเจริญก้าวหน้า และขัดขวางการปฏิบัติธรรม ซึ่งพระพุทธองค์ทรงอุปมาเปรียบเทียบไว้ดังนี้
น้ำหลากสี“ดูก่อนพราหมณ์ ภาชนะใส่น้ำซึ่งผสมด้วยสีครั่ง สีเหลือง สีเขียว สีแดง คนตาดี เมื่อมองดูเงาหน้าของตนในน้ำที่ผสมด้วยสีนั้นๆ ย่อมไม่เห็นตามความจริง ฉันใด ผู้มีจิตประกอบด้วยราคะ ย่อมไม่รู้ไม่เห็นอุบายอันเป็นเครื่องสลัดออก ซึ่งราคะที่เกิดขึ้นแล้วตามความเป็นจริง ฉันนั้น
ภาชนะใส่น้ำบัวลอยที่ร้อนๆดูก่อนพราหมณ์ ภาชนะที่ใส่น้ำร้อนที่เดือดพล่านมีไอพุ่งขึ้น คนตาดี เมื่อมองเงาหน้าของตนในน้ำนั้น ย่อมมองไม่เห็นตามความเป็นจริง ฉันใด ผู้มีจิตประกอบด้วยพยาบาท (คิดปองร้ายเขา) ย่อมไม่รู้ไม่เห็นอุบายอันเป็นเครื่องสลัดออกซึ่งพยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วตามความเป็นจริง ฉันนั้นภาชนะที่ใส่น้ำซึ่งมีสาหร่ายและจอกแหนดูก่อนพราหมณ์ ภาชนะที่ใส่น้ำซึ่งมีสาหร่ายและจอกแหนปกคลุมอยู่ คนตาดี เมื่อมองดูเงาหน้าของตนในน้ำนั้น ย่อมมองไม่เห็นตามความเป็นจริง ฉันใด ผู้มีจิตประกอบด้วย ถีนมิทธะ (ความหดหู่ซึมเซา) ย่อมไม่รู้ไม่เห็นอุบายเครื่องสลัดออกซึ่งถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้วตามความเป็นจริง ฉันนั้นดูก่อนพราหมณ์ ภาชนะใส่น้ำที่ถูกลมพัดกระเพื่อมคนตาดีเมื่อมองดูเงาหน้าของตนในน้ำนั้น ย่อมมองไม่เห็นตามความเป็นจริง ฉันใด ผู้มีจิตประกอบด้วย อุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ) ย่อมไม่รู้ไม่เห็นอุบายเครื่องสลัดออก ซึ่งอุทธัจจกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้วตามความเป็นจริง ฉันนั้นดูก่อนพราหมณ์ ภาชนะใส่น้ำซึ่งขุ่นมัวเป็นตม คนตาดีเมื่อมองดูเงาหน้าของตนในน้ำนั้น ย่อมมองไม่เห็นตามความเป็นจริง ฉันใด ผู้มีจิตประกอบด้วยวิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย) ย่อมไม่รู้ไม่เห็นอุบายเครื่องสลัดออกซึ่งวิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้วตามความเป็นจริง ฉันนั้น”
ท่ามกลางความสงบก็จะพบทางออกเองจากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า คนที่ถูกนิวรณ์ครอบงำ ใจจะถูกปิดกั้น ทำให้มองไม่เห็นปัญหา ค้นหาทางออกไม่เจอสะปะตามประสา “คนตามืด จิตมืดมน” แต่ถ้าอยากหลุดพ้นจากนิวรณ์ก็ต้องตั้งใจปฏิบัติธรรม ปล่อยวางทุกอย่างวางทุกสิ่งทำใจให้นิ่ง ทำจิตให้สงบ แล้วท่ามกลางความสงบก็จะพบทางออกเองแรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
โดยพระมหาเถระ รุ่นปี พ.ศ. 2534 หน้า 231 - 233
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-11688.png)
http://goo.gl/imFg8