น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์
"น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์"น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ แชมป์โลก! ผู้อ่อนน้อม แต่ไม่อ่อนแอ
![]()
น้องเมย์ รัชนก(ขอบคุณภาพสวยๆจากthairath.co.th)
"น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์
'น้องเมย์-รัชนก' เตรียมเข้ารับรางวัลลูกกตัญญู 12 สิงหาคม พ.ศ.2556
ในวันนี้ 12 สิงหาคม พ.ศ.2556 น้องเมย์ จะเข้ารับรางวัลลูกกตัญญู เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ของ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่สวนอัมพร
ในวันแม่ปีนี้ เรามาทำความรู้จักคู่แม่ลูก ของน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ นักแบตมินตันทีมชาติสาวไทย ความสัมพันธ์แม่ลูกที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ และเป็นกำลังใจสำคัญทำให้เธอมีวันนี้
![]()
คู่แม่ลูก ของน้องเมย์ รัชนก อินทนนท์
ชนะแล้ว คว้าแชมป์โลกแบดมินตัน
ชิงแชมป์โลก 2013
"น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ ชนะแล้ว คว้าแชมป์โลกแบดมินตัน-เชือดหลี่ เสี่ยวเร่ย มือ 1 ของโลก จากจีน 2-1 เกม ในการแข่งขันแบดมินตันชิงแชมป์โลก 2013 รอบชิงชนะเลิศ ที่จีน วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2556 นี้
เกมแรก รัชนก นำ 4-2 แต่เสี่ยวเร่ยเอาคืนสามแต้มรวดพลิกนำ 5-4,6-5 รัชนกทำสี่คะแนนติดต่อกันนำห่าง 9-6 เสี่ยวเร่ยแก้คืนด้วยการเก็บห้าคะแนนรวดนำอีกครั้ง 11-9 และหนีห่างไปเป็น 15-10 รัชนกเบรกเกมด้วยลูกหยอดเน็ตไล่มาเป็น 11-15,12-16 ลูกโฟร์แฮนด์โอเวอร์เฮดของเสี่ยวเร่ยทำงานได้ดีเก็บคะแนนได้เกือบทุกครั้งนำ 19-13![]()
น้องเมย์ รัชนก แชมป์แบดมินตันหญิงของโลก
รัชนก ไม่ท้อไล่มาเป็น 15-19 ,16-19,17-19 ก่อนจะพุ่งตีออกให้เสี่ยวเร่ยนำ 20-17 พร้อมกับได้ 3 เกมพอยท์ แต่รัชนกทำสองคะแนนไล่มาเป็น 19-20 ก่อนตีเสมอเป็น 20-20 จากการเช็คลูกท้ายเส้นอย่างแม่นยำของเสี่ยว เร่ยที่ตีออกไปทำให้ต้องดิวซ์พร้อมทำคะแนนรวดชนะไป 22-20 นำ 1-0
เกมที่สอง หลี่ เสี่ยวเร่ย ออกนำ 4-2 รัชนกทวงคืนสามคะแนนรวดพลิกนำ 5-4 จากนั้นเป็นเสี่ยวเร่ยทำคะแนนนำให้รัชนกไล่ตีเสมอ ก่อนน้องเมย์จะพลิกสถานการณ์นำบ้าง 15-14 แต่หลี่ เสี่ยวเร่ยไม่เป๋ทำคะแนนตีเสมอ 15-15และทำคะแนนหนีไปเป็น 20-18 ก่อนชนะไป 21-18 ตีเสมอเป็น 1-1
เกมสาม น้องเมย์ ออกนำตั้งแต่แรกและรักษาการนำต่อไปเรื่อยๆและชนะไป 21-14 สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลก พร้อมลบเลือนฝันร้ายของแบดมินตันไทย หลังจากก่อเหตุวิวาทกันเองจนเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเดือนกรกฎาคม (ที่มา komchadluek.net)
"น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ คือใคร
"น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์ นักกีฬาแบดมินตันชาวไทย ที่วันนี้ เธอคือมือหนึ่งของโลก แชมป์โลกแบดมินตัน ที่ทั้งเก่งและดี เป็นที่ชื่นชมในเรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตน เรียกได้ว่าเธอคือ ทูตวัฒนธรรมประวัติศาสตร์นักแบดมินตันหญิงไทยคนแรก
ที่อายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้าแชมป์โลก
มาครองได้สำเร็จด้วยวัย 18 ปี
ประวัติ "น้องเมย์" รัชนก อินทนนท์
![]()
น้องเมย์ รัชนก
รัชนก อินทนนท์ ชื่อเล่น: เมย์ เกิดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 เป็นนักกีฬาแบดมินตันชาวไทย เกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด
ในปี พ.ศ. 2552 รัชนก เป็นแชมป์ที่อายุน้อยที่สุดในการแข่งขัน BWF World Junior Championships ครั้งที่ 14 ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นการแข่งขันแบดมินตันระดับเยาวชนโลก ต่อมาในปี พ.ศ.2553 เธอสามารถป้องกันแชมป์รายการ BWF World Junior Championships ได้
![]()
น้องเมย์ รัชนกในการแข่งขัน BWF World Junior Championships 2011
ในปี พ.ศ.2554 น้องเมย์ รัชนก เป็นนักแบดมินตันที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ในรายการ BWF World Junior Championships เนื่องจากการแข่งขัน BWF World Junior Championships 2011 ที่จัดขึ้นที่ไทเปนั้น รัชนกสามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้อีกเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ด้วยอายุเพียงแค่ 16 ปี และเป็นครั้งแรกของการแข่งขันระดับเยาวชนโลกที่อันดับที่ 1 ได้แชมป์ 3 ปีซ้อน
การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2011 น้องเมย์ รัชนก เป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมหญิงทีมชาติไทย ที่เอาชนะทีมชาติอินโดนีเซียไป 3-1 โดยรัชนกชนะอาดริยันติ เฟอร์ดาซารี ไปได้ 2-1 เซต ทำให้ทีมชาติไทยคว้าเหรียญทองไปครอง โดยต่อมา รัชนก ได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมหญิงจากสยามกีฬา ที่ประเทศไทย
ปี พ.ศ.2555 การแข่งขัน Thailand Open Grand Prix รัชนก สามารถผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ แต่แพ้ Saina Nehwal ไป 1-2 เซต ทำให้ได้เพียงอันดับสอง ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน เธอได้เข้าแข่งขันโอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน โดยสามารถผ่านรอบแรกไปได้ ก่อนที่จะแพ้ หวัง ซิน จากจีน ในรอบ 8 คนสุดท้ายไป 1-2 เซต
ความอ่อนน้อมของ น้อง เมย์ รัชนก อินทนนท์
![]()
ความอ่อนน้อมของน้องเมย์
เอกลักษณ์ของ น้อง เมย์ รัชนก ระหว่างการแข่งขัน คือการแสดงสัมมาคารวะด้วยการยกมือไหว้แก่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งสมาคมแบดมินตันของอินเดีย ส่งหนังสือแสดงความยกย่องเอกลักษณ์ดังกล่าว มายังสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยด้วย ว่า “เราไม่เคยเห็นนักกีฬาคนไหนอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างที่รัชนกทำ
การยกมือไหว้เป็นวัฒนธรรมของอินเดีย กับไทย ที่สืบทอดกันมานาน การแสดงออกของรัชนก ทำให้เห็นถึงความศิวิไลซ์ของชาติไทย ที่มีความสูงส่งในการรู้จักเคารพนับถือผู้อื่น รัชนก ทำให้ชาวอินเดียมองไทยด้วยความรัก ทำให้ชาวอินเดียรัก และนับถือคนไทยมากกว่าก่อนหลายเท่า ความอ่อนน้อมอ่อนโยนของ น้องเมย์ เป็นที่น่ารักสำหรับคนไทยเลย![]()
น้องเมย์ รัชนก แชมป์แบดมินตันหญิงของโลก
เมย์ รัชนก อินทนนท์ ใน 247freemag.com
“สวัสดีค่ะ” คำทักทายนี้เปรียบเสมือนเสียงนกหวีดให้เตรียมพร้อมเริ่มเกมเราหันไปมองตามเสียงและยกมือรับไหว้ทักทายตอบ เจ้าของเสียงคือ ‘เมย์-รัชนก อินทนนท์’ นักแบดมินตันหญิงมือหนึ่งของไทยคนล่าสุด เราโชคดีที่มีโอกาสได้สัมภาษณ์เธอซึ่งอีกไม่กี่วันเธอจะเดินทางไปแข่งในรายการ ‘สุธีรมานคัพ’ ประเทศมาเลเซีย หากเรานัดเจอเธอช้ากว่านี้ก็อาจจะพลาดเพราะตารางฝึกซ้อมของเธอค่อนข้างแน่น
เมย์ รัชนก เป็นนักแบดมินตันหญิงวัย 18 ปี(พ.ศ.2556) ที่ผ่านสังเวียนสุดหินมานับไม่ถ้วน และสร้างผลงานได้ในระดับดีเยี่ยมมากมาย โดยเฉพาะรายการแบดมินตันชิงแชมป์เยาวชนโลก) BWF World Junior Championships) ที่เธอครองแชมป์ถึง 3 สมัยรวดในปี 2009-2011 จนได้รับการบันทึกให้เป็นนักแบดมินตันหญิงคนแรกของโลกที่ได้แชมป์ 3 สมัยซ้อน
![]()
เมย์ รัชนก นักแบดมินตันหญิงขวัญใจชาวไทย
หากถามว่าคนไทยรู้จักรัชนกมากที่สุดช่วงไหน เราคิดว่า ‘ลอนดอน เกมส์ 2012’ เป็นเวทีที่เธอเปิดตัวให้คนไทยค่อนประเทศรู้จักยอดนักแบดมินตันหญิงคนนี้ แม้วันนั้นเธอพลาดท่าแพ้ให้กับ ‘หวัง ซิน’ มือวางอันดับ 2 จากจีน ไปโดยที่เธอคุมเกมมาได้ดีตลอด ทว่าสุดท้ายก็พลาดท่าตกรอบก่อนรองชนะเลิศชนิดที่กองเชียร์ทั้งชาติบ่นอุบว่าเสียดาย
แม้เธอจะพลาดรางวัลใหญ่ที่สุดในชีวิตของนักกีฬาแบดมินตัน แต่เธอได้กลายเป็นนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวที่ปลุกกระแสแบดมินตันในประเทศไทยไปแล้ว พร้อมกับยกให้เธอเป็นฮีโร่โอลิมปิก แม้จะไร้เหรียญกลับบ้าน
ปัจจุบัน เมย์ รัชนก ขึ้นแท่นเป็นนักกีฬาแบดมินตันหญิงอันดับที่ 5 ของโลก หลังจากคว้าแชมป์ในรายการ Yonex Sunrise India Super Series เหนือ ‘จูเลียน เชงค์’ ชัยชนะครั้งนี้ทำให้เธอถูกพูดถึงในแง่ความสำเร็จอย่างกว้างขวาง ทั้งได้ขยับอันดับไปเป็นมือวางอันดับ 5 ที่อายุน้อยที่สุดในโลก เป็นยอดนักแบดมินตันที่โค้ชและนักกีฬาต่างชาติหลายคนจับตาดูเธอ เป็นนักแบดมินตันที่สมาคมแบดมินตันอินเดียส่งจดหมายมาชื่นชมในความอ่อนน้อมถ่อมตน และยังเป็นความหวังของประเทศไทยที่คาดว่าเธอจะเดินทางไปถึงมือวางอันดับ 1 ของโลกได้ในเร็ววัน
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเธอมีจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในการเล่นแบดมินตันเพียงเพราะผู้ใหญ่ไม่ต้องการให้เธอเล่นซน ซึ่งวันนั้นเมย์เพิ่งจะอายุได้ 6 ขวบ
12 ปีผ่านไป จุดเริ่มต้นในการเล่นแบดมินตันด้วยก้าวเล็กๆ ในวันนั้น กลับกลายเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของเธอในวันนี้
หากจะบอกว่าเส้นทางชีวิตของเธอถูกกำหนดมาตั้งแต่ต้นให้ต้องเป็นนักกีฬาก็คงจะไม่เกินจริงนัก
ระหว่างที่รอช่างภาพเซตไฟ และรอเธอแต่งหน้า เราไม่อยากปล่อยเวลาผ่านไปเฉยๆ เพราะเธอมีเวลาไม่มากนัก เรากับน้องเมย์นั่งประจัญหน้าคนละฝั่ง หากนี่คือสนามแข่ง เราทั้งคู่ก็พร้อมแล้ว รอแค่สัญญาณเริ่มเกมจากกรรมการเท่านั้น
เครื่องอัดสัมภาษณ์ถูกกด เสียงเทปเริ่มหมุน นั่นแปลว่า สัญญาณการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ตอนเด็กๆ เมย์โตมากับอะไร
เมย์ รัชนก : พ่อกับแม่ของหนูทำงานที่โรงงานขนมไทยบ้านทองหยอด เข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่หนูอายุได้ 3 เดือน ตอนเด็กๆ หนูก็เป็นลูกคนงานคนหนึ่งที่วิ่งเล่นอยู่ในโรงงาน แล้ววันหนึ่ง แม่ปุก (กมลา ทองกร เจ้าของโรงงานขนมไทยบ้านทองหยอด และโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด) เห็นว่าหนูเริ่มซนก็จับหนูมาตีแบดฯ เพราะเขากลัวว่าหนูจะเล่นซนจนไปโดนพวกน้ำเชื่อมที่มันร้อนราดตัว เขากลัวหนูจะเป็นอันตราย เลยบอกให้หนูไปตีแบดฯ ดีกว่า นั่นคือช่วงที่หนูรู้จักคำว่าแบดมินตันครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ แล้วเริ่มคลุกคลีกับแบดฯตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ไม่ได้สนใจกีฬาอื่น หรือทำอะไรอย่างอื่นเลย
![]()
เมย์ รัชนก กับแม่ปุก
สิ่งที่ทำให้เด็กอายุ 6 ขวบสนใจการตีแบดฯ แทนที่จะไปวิ่งเล่นเหมือนเด็กคนอื่นคืออะไร
เมย์ รัชนก : ก่อนที่หนูจะมาเล่นแบดฯ หนูเคยเป็นคนที่นั่งดูพี่ๆ คนอื่นเล่นมาก่อน เราก็รู้สึกสนุกตามไปด้วย แม้จะไม่ได้ตีกับเขา และความที่เป็นเด็กเราก็ทึ่งว่าพี่ๆ เขาตีกันโดนได้ยังไง เราตีไม่โดนเลย (หัวเราะ) ความรู้สึกแรกที่ดีใจมากคือเราตีโดนแล้ว คือแค่ตีโดนเฉยๆ นะไม่ได้ตีข้ามเน็ต หรือตีโต้ได้เลยนะ แค่นั้นก็ดีใจแล้ว พอเราทำได้ ก็เลยตั้งใจและมุ่งมั่นกับการตีแบดฯ
![]()
เมย์ รัชนก เด็กบ้านทองหยอด
วันแรกที่จับไม้แบดมินตัน ตอนนั้นเป้าหมายของเมย์อยู่ที่ไหน?
ใช่เป้าหมายที่เมย์เป็นอยู่ในตอนนี้ไหม?
เมย์ รัชนก : ไม่ค่ะ ตอนนั้นหนูไม่ได้จริงจังถึงขั้นคิดจะมาเป็นนักกีฬาทีมชาติเลย เราตีแบดฯ เพื่อแค่ไม่ต้องไปกวนพ่อแม่ ตีเล่นๆ แต่ก็ฝึกอย่างจริงจัง หนูฝึกได้สักปีกว่าๆ แม่ปุกก็พาหนูไปแข่ง ตอนนั้นแข่งรายการแรก ‘อุดรโอเพ่น’ เป็นการลงแข่งครั้งแรกและเป็นแชมป์แรกในชีวิต ตอนนั้นหนูอายุประมาณ 7 ขวบ หลังจากนั้นแม่ปุกก็ส่งหนูแข่งมาโดยตลอด กระทั่งหนูอายุ 12 ปี แม่ปุกก็ส่งหนูลงแข่งแบดมินตันชิงแชมป์ประเทศไทย ปีนั้นเราได้เหรียญทองแดง พออายุ 13 แม่ปุกก็ส่งหนูไปแข่งรายการเดิม ครั้งนี้หนูก็ได้เหรียญเงิน พออายุ 14 แม่ปุกก็ส่งหนูลงแข่งอีกรอบ ครั้งนี้ประสบการณ์สองครั้งที่ผ่านมาทำให้หนูมั่นใจขึ้นและได้แชมป์หญิงเดี่ยวในรายการระดับประเทศไทยครั้งแรกในปี 2009
คิดว่าอะไรที่ทำให้แม่ปุกมั่นใจในฝีมือของเมย์และส่งลงแข่งมาโดยตลอด
เมย์ รัชนก : เรื่องนี้หนูไม่แน่ใจค่ะ คิดว่าแม่ปุกน่าจะเห็นว่าหนูซ้อมเยอะเลยอยากให้โอกาสหนูลงแข่ง ซึ่งหนูเองก็ทำได้ มีผลงานที่น่าสนใจ หรือได้รางวัลมาเกือบตลอด แต่คิดว่าช่วงแรกๆ แม่ปุกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนูมากถึงแชมป์ แม่ปุกแค่อยากให้หนูได้ประสบการณ์รวมกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ในรุ่นเดียวกันที่เขาไปแข่งด้วย ตอนไปแข่งหนูก็ไม่ได้คิดอะไรเลย ตามเพื่อนๆ ไปตามประสาเด็ก เขาไปไหนหนูไปด้วย
เมย์ ยังจำความรู้สึกครั้งแรกที่ลงแข่งได้ไหม
เมย์ รัชนก : จำไม่ได้เลย (หัวเราะ)
แล้ววันที่ได้สัมผัสคำว่าแชมป์ครั้งแรก หลังจากที่ตีแบดฯเล่นๆ มานานเป็นอย่างไร
เมย์ รัชนก : ดีใจมากๆ เลยค่ะ มันคือรางวัลแรกในชีวิตเลย
ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเมย์เอง เก่งหรือยัง?
เมย์ รัชนก : ไม่นะ เราไม่เคยคิดว่าเราเก่งเลย อีกอย่างเราก็ยังเด็กด้วย เราตีเพียงเพราะอยากตีให้ดีเหมือนพวกพี่ๆ ส่วนการแข่งขันของเด็กมันก็ไม่ได้มีอะไรมากเลยค่ะ แค่ตีให้โดนลูกเพื่อให้ข้ามฝั่งไปได้ก็มีโอกาสชนะแล้ว แต่ถ้าจะมาตีอีกระดับหนึ่งให้ได้แบบที่พี่ๆ เขาตีกันมันต้องแข็งแรงกว่านี้
คนที่เล่นกีฬาตั้งแต่ยังเด็ก กิจวัตรประจำวัน ก็คือ การฝึกซ้อม ชีวิตของเมย์ก็คงจะเป็นแบบนั้นใช่ไหม?
เมย์ รัชนก : ใช่ค่ะ เมย์จะซ้อมตั้งแต่ตอนเช้า ตีห้าครึ่งถึงเจ็ดโมงเช้าแล้วค่อยไปโรงเรียน หลังกลับจากโรงเรียนก็ซ้อมต่อตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงหนึ่งทุ่ม พอหนูอายุ 13 ตารางการซ้อมก็เปลี่ยนไป แต่ยังซ้อมทั้งก่อนไปโรงเรียนและหลังเลิกเรียนเหมือนเดิม ไม่ได้ไปทำอะไรอย่างอื่นเลย ชีวิตมีแต่การตีแบดฯ กับการเรียน
เมย์เป็นเด็กที่ไม่มีเวลาเล่นเหมือนเด็กคนอื่น เคยรู้สึกแปลกแยก หรืองอแงบ้างหรือเปล่า?
เมย์ รัชนก : เคยรู้สึกว่าไม่อยากไปซ้อมเหมือนกัน เวลาหนูเห็นเด็กคนอื่นๆ ไปวิ่งเล่นกัน ด้วยความที่เป็นเด็กมันก็ต้องมีบ้างที่เราอยากจะไปเล่นสนุกแบบเด็กๆ คนอื่น แต่การฝึกซ้อมค่อนข้างเข้มงวด ตารางแน่นตลอด จะโดดซ้อมก็ไม่ได้ ก็เลยต้องซ้อมทุกวัน แต่ความคิดที่อยากเลิกเล่นไปเลยนั้น ไม่เคยมี
จำได้ไหมว่าตอนไหน? ที่เมย์รู้สึกว่า..เราจะต้องเป็นนักแบดมินตันทีมชาติ
เมย์ รัชนก : ตอนนั้นหนูซ้อมตลอดโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเดินมาไกลได้ถึงขนาดนี้ ตอนเด็กก็พยายามแข่งให้ได้เยอะๆ แต่หนูไม่รู้ว่าจะไปถึงไหม จำได้ว่าช่วงที่ฝันอยากจะเป็นทีมชาติคือตอนอายุ 11-12 ปี แต่ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยคิดเลย จนกระทั่งเล่นมาได้สักระยะเราเริ่มซึมซาบการเป็นนักกีฬา เราเริ่มมีความมั่นใจ และมีความฝันว่าสักวันหนึ่งเราต้องติดทีมชาติให้ได้ เราต้องใส่เสื้อที่มีตราธงชาติบนหน้าอกให้ได้
แล้วช่วงอายุเท่าไหร่ที่เมย์เรียกตัวเองว่าเป็นนักแบดมินตันมืออาชีพ
เมย์ รัชนก : ช่วงอายุ 13 ค่ะ ตอนนั้นหนูเริ่มหารายได้จากการแข่งขัน จุดเริ่มต้นแรกของชีวิตการเป็นนักแบดมินตันอาชีพน่าจะเป็นช่วงนั้น ตลอดเวลาที่หนูแข่ง เราคิดอยู่ตลอดว่าจะพยายามทำผลงานให้ดีเรื่อยๆ และพยายามหารายได้มาช่วยครอบครัว น้องชายหนูก็อยู่ในวัยกำลังโต ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเยอะ เราอยากช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ เลยตั้งใจว่าจะต้องทำให้ดีกว่านี้ อีกอย่างฐานะครอบครัวเราก็ไม่ได้ดี และที่หนูภูมิใจคือ หนูอายุ 13 แต่สามารถหาเงินได้เองโดยที่ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ ได้ช่วยพ่อแม่โดยที่เงินนั้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของหนู จำไม่ได้ว่าหนูหารายได้ได้เท่าไหร่ แต่สามารถทำให้ครอบครัวไม่ลำบาก เวลานั้นถือป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตหนูเลย
![]()
เมย์ รัชนก กับครอบครัวที่น่ารักที่ทำให้เธอตั้งใจทำให้มีวันนี้
แรงขับเคลื่อนที่ทำให้เมย์มาถึงจุดนี้ได้คืออะไร
เมย์ รัชนก : อาจจะเป็นเพราะครอบครัว เริ่มจากเราเองก็มาจากครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะ ซึ่งเราก็มีความฝันที่อยากจะมีบ้านมีทุกอย่างเป็นของตัวเองและครอบครัว และแม่ปุกก็ดูแลเรามาตลอด เราเลยอยากจะตอบแทนให้กับแม่ปุก สิ่งที่นักกีฬาอย่างหนูทำได้คือสร้างชื่อให้สโมสรบ้านทองหยอดไปเรื่อยๆ รวมไปถึงสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ จุดเริ่มต้นความสำเร็จของเมย์น่าจะมาจากจุดเล็กๆ ที่เรียกว่าครอบครัวของเมย์ที่เป็นแรงผลักดันให้มุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเอง
นักกีฬาฝีมือระดับคุณเคยมีอารมณ์ไหนที่รู้สึกท้อบ้าง
เมย์ รัชนก : มีค่ะ แต่ไม่ได้ท้อแบบที่ว่า ทำไมฝึกหนักจัง เราอยากไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ถ้าท้อแบบนี้เมย์ไม่เคย สิ่งที่หนูท้อคือเวลาโค้ชสอนแล้วหนูทำตามที่โค้ชสอนไม่ได้ หนูจะรู้สึกท้อขึ้นมาเลย ถ้าช่วงไหนที่หนูท้อมากๆ เวลากลับไปห้องก็จะไปหาแม่บอกว่าเหนื่อย โค้ชสอนแต่หนูทำไม่ได้ดั่งใจ แม่ก็บอกว่าสู้หน่อย ปลอบใจหนูสักพักหนูก็จะเปลี่ยนเรื่องพูด ไม่พูดเรื่องแบดฯ อีกเลย ไม่อย่างนั้นหนูจะคิดมาก เช้าขึ้นมาก็สู้ใหม่ เรื่องการทำตามที่โค้ชสอนมันก็ยากสำหรับหนู บางทีเป็นการตีไปตามสัญชาตญาณซึ่งมันเปลี่ยนยาก สุดท้ายโค้ชก็เลยบอกให้หนูตีตามที่ถนัด แต่ตีไปแล้วลูกจะต้องออกไปแบบที่โค้ชสอน
จำได้ไหมว่าแมตช์ไหนที่ให้บทเรียนราคาแพงกับเรา
เมย์ รัชนก : ตอนแข่งที่โอลิมปิกกับ หวัง ซิน ตอนนั้นหนูแต้มนำเขาเยอะมาก แต่สภาพจิตใจหนูไม่แกร่งพอ เลยพลาดโดนเขาแซงเอาชนะจนได้ ถึงจะเสียใจแต่หนูก็นำประสบการณ์วันนั้นมาใช้ในเวลาต่อมา ถือเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามาก แม้จะไม่ได้แชมป์ มันยิ่งทำให้หนูรู้ว่า จุดอ่อนของหนูคือสภาพจิตใจ ถ้าเราสภาพจิตใจไม่ดีหนูจะมีโอกาสแพ้สูง เรากลัวว่าเราจะเล่นไม่ดี คิดเยอะเกินไปจนเสียสมาธิ(Meditation)เองในที่สุด
![]()
เมย์ รัชนก สมาธิที่นิ่งกว่า
เมย์มีวิธีลืมความเสียใจยังไงเวลาที่คุณพลาดในแมตช์สำคัญ
เมย์ รัชนก : วันนั้นโอกาสเรามีมาแล้วแต่เราคว้าไว้ไม่ได้เอง มันเลยยิ่งรู้สึกเสียใจมาก แต่ทุกคนก็ให้กำลังใจมาตลอด แม่ปุกก็ไม่อยากให้เราคิดเรื่องผลการแข่งขันที่ผ่านมา แม่ปุกบอกว่าโอลิมปิกครั้งแรกของเราทำได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว มันคือประสบการณ์ที่มีค่า เราอาจจะตื่นเพราะมันเป็นรายการที่ใหญ่มาก ซึ่งตอนนี้ก็ยอมรับว่าเราตื่นเวทีจริงๆ ตอนแต้มนำหนูก็อยากจะเร่งให้จบเพราะเขากำลังเสียเปรียบ แต่เราพลาดที่เขาตีตื้นมาได้จนแต้มไหลแซงและเราสมาธิแตกไปเอง
ผ่านศึกมามากมายขนาดนี้เมย์คุมสมาธิตัวเองได้หรือยัง
เมย์ รัชนก : ก็ยังคงมีสมาธิหลุดอยู่ ตอนนี้ฝึกคุมสติตัวเองอยู่ค่ะ (หัวเราะ)
คุณสมบัติของนักกีฬาแบดมินตันที่นอกเหนือจากฝีมือแล้วควรจะมีอะไร
เมย์ รัชนก : (ตอบเร็ว) ความอดทนค่ะ เพราะหลายครั้งเราต้องซ้อมอย่างลำบากและเหน็ดเหนื่อยกับมันมาก ถ้าเราถอดใจไปซะก่อน ก็จะทำให้เราไปไม่ถึงเป้าหมายที่เราวางไว้ ฉะนั้น แล้วความอดทน คือ หัวใจสำคัญที่เมย์ยึดถือมาโดยตลอด
ปัจจัยทั้งหมดที่ทำให้เมย์มายืนถึงจุดนี้ได้น่าจะมาจากอะไร
เมย์ รัชนก : หนูคิดว่าน่าจะเกิดจากความพยายาม ความอดทน และเราได้รับโอกาส ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเรามา และเชื่อมั่นว่าหนูจะสามารถทำได้ ซึ่งตอนแรกหนูก็ไม่มั่นใจหรอก และไม่ได้คิดว่าจะมายืนตรงจุดนี้ได้ จุดเริ่มต้นหนูเริ่มจากเล่นแบดมินตันเพราะจะได้ไม่ไปซน แต่วันนี้มันมาไกลจากเดิมมาก
ประสบการณ์เล่นแบดฯ มา 12 ปี เราได้เรียนรู้อะไรกับการเป็นนักแบดมินตันอาชีพบ้าง
เมย์ รัชนก : เรียนรู้จากการเดินทางเวลาไปแข่งขัน เรียนรู้จากการใช้ชีวิตของนักกีฬาทีมชาติว่าเขาเป็นอย่างไร การฝึกพูดจากับเพื่อนต่างชาติ และเวลาเมื่อเราเจอสนามที่ใหญ่ เราจะจัดการความรู้สึกตัวเองยังไง
อายุของเมย์ยังน้อย แต่ไปได้ไกลกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน มันทำให้เรารู้สึกว่าเหนือกว่าคนอื่นไหม?
เมย์ รัชนก : ไม่นะคะ มันไม่ใช่ว่าเหนือกว่าคนอื่น มันอาจจะเกิดจากการที่หนูซ้อมเยอะกว่าคนอื่น ช่วงที่เขาไปเที่ยวหนูก็อาจจะไม่ได้ไปเที่ยวกับเขาเพราะหนูต้องซ้อมเสมอ ถึงบอกว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ตัวของตัวเราเอง ไม่ได้อยู่ที่ว่าอายุเท่านี้ต้องเก่ง ตอนนี้กีฬาไม่ได้อยู่ที่อายุเลย มันอยู่ที่การฝึกฝน ถ้าเรายิ่งซ้อมเยอะจะยิ่งเก่งเร็ว แต่ไม่ได้แปลว่าซ้อมหนักแล้วจะเก่ง แต่มันมีทั้งการซ้อมทั้งหนักทั้งเบาเพื่อไม่ให้ร่างกายบาดเจ็บ
เวลาเมย์เจอนักแบดมินตันที่มืออันดับเหนือกว่า เมย์กลัวและประหม่าบ้างหรือเปล่า?
เมย์ รัชนก : ไม่ค่ะ หนูคิดเสมอว่าเวลาตีก็แค่ตีให้เหมือนเวลาเราซ้อม หาจังหวะตอบโต้ให้ดี แต่เอาเข้าจริงมันก็มีสถานการณ์ที่ทำให้เราพลิกแก้เกมกันไปมาตลอด ตอบไม่ได้ว่าแมตช์นี้จะแพ้หรือชนะ มันต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง แต่ไม่เคยรู้สึกกลัวมือวางอันดับสูงกว่าสักเท่าไหร่ แม้อันดับโลกเขาจะเหนือกว่าหนู พละกำลังก็แข็งแรงกว่า และสปีดการออกลูกที่รวดเร็วระดับโลกของเขาอาจจะดีกว่า เมย์เสียเปรียบเขาทั้งหมด โดยเฉพาะสรีระที่เสียเปรียบมาก แต่ก็จะพยายามเต็มที่ เล่นให้ได้อย่างที่ซ้อม เพราะในการแข่งขันยิ่งเราคิดเรื่องแพ้ชนะ เราจะยิ่งตีไม่ได้อย่างที่ตัวเองซ้อม สำหรับบางคนจะคิดอย่างไรไม่รู้ ถ้าเป็นหนูจะคิดว่าแพ้ชนะไม่เป็นไร วันนี้เราทำเต็มที่ก็ถือว่าเราโอเคกับมัน โค้ชจะสอนหนูแบบนี้ และพยายามสอนไม่ให้หนูคิดมาก โค้ชชอบบอกว่า “ตีไปเหอะ ไม่ต้องคิดมาก สบายๆ”
![]()
เมย์ รัชนก แม้ต้องถ่ายรูปกับคนสวยก็ไม่ประหม่า
ความตื่นเต้นยังคงอยู่ไหม
เมย์ รัชนก : ถ้าตื่นเต้นเรื่องการเดินทางไปต่างประเทศนั้นไม่ค่อยมีแล้วค่ะหนูจะตื่นเต้นก็ต่อเมื่อเข้าไปรอบลึกๆ ยังคงรู้สึกตื่นเต้นอยู่ แต่ก็ไม่เยอะเท่าเมื่อก่อน เราเริ่มควบคุมอารมณ์ตื่นสนามและความตื่นเต้นไว้ได้บ้างแล้ว อาจไม่ได้หายไปและต้องพยายาม โดยเฉพาะพยายามทำให้เราได้เข้าชิงชนะเลิศบ่อยๆ เพื่อจะได้คุ้นชินกับบรรยากาศกดดัน จะได้ไม่ตื่นเต้น ถ้าเราเข้าชิงจนชิน ความตื่นเต้นก็จะหายไป แต่บางครั้งความตื่นเต้นก็ไม่ได้มาจากสนามหรือคู่แข่ง แต่มาจากตัวเราเองที่อยากชนะจนตื่นเต้น หรือกลัวแพ้จนตื่นเต้น
เวลาเดินทางไปแข่งที่ต่างประเทศ เราเห็นความต่างระหว่างนักกีฬาไทยกับนักกีฬาต่างชาติตรงไหนบ้าง
เมย์ รัชนก : เท่าที่เห็นคือ นักกีฬาชาติอื่นๆ เขาจะมีนักกายภาพบำบัดคอยติดตามไปตลอด แต่ของเรานักกายภาพบำบัดจะไปเฉพาะบางรายการ ระเบียบวินัยของนักกีฬาบางประเทศก็เข้มงวดมาก อย่าง จีน เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น เวลาซ้อมพวกเขาจะซ้อมกันโหดมาก แทบไม่คุยไม่เล่นกันเลยแต่ของเราจะเป็นแบบไม่ซีเรียส สบายๆ ไม่ได้หมายความว่าไม่ตั้งใจนะ แต่เราผ่อนคลาย ยืดหยุ่นมากกว่า นักกีฬาไทยที่ไปแข่งทุกคนหวังว่าจะได้ชัยชนะกลับมากันทั้งนั้น แต่เราก็มีจุดที่ว่าคลายเครียด ไม่อย่างนั้นเราจะเครียดกับการแข่งขันเกินไปจนพลาดเอง
เท่าที่เมย์ทราบ วงการแบดมินตันจีนต่างกับวงการแบดมินตันไทยตรงไหน
เมย์ รัชนก : วงการแบดมินตันที่จีนมีการแข่งขันกันค่อนข้างสูง พวกเขาต้องมีความมุ่งมั่นกันอย่างมาก นักกีฬาของเขาถ้าไม่มีผลงานก็หลุดจากทีมชาติเลย นักกีฬาของเขาทุกคนจึงพยายามที่จะฝึกซ้อมกันอย่างหนัก และได้รับการดูแลสนับสนุน อย่างนักกีฬาของจีนกว่าจะส่งไปแข่งขันได้แต่ละคนมีโอกาสน้อย ถ้าได้โอกาสก็ต้องโชว์ศักยภาพให้เต็มที่ และห้ามเจ็บนาน ถ้าเจ็บนานๆ เขามีสิทธิ์โดนไล่ออกจากทีมชาติสูงแล้วดึงนักกีฬาคนอื่นเข้ามาแทน ค่อนข้างโหดมาก เมื่อเทียบกับของเรา
อะไรคือสิ่งที่ทำให้นักกีฬาแบดมินตันไทยส่วนใหญ่ยังไม่สามารถก้าวไปถึงระดับโลกได้เหมือนเมย์ วันนี้
เมย์ รัชนก : อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ด้วย หนูอาจจะแข่งเยอะกว่าคนอื่นๆ ส่วนพี่ๆ น้องๆ คนอื่นก็อาจจะไปแข่งกันเป็นบางรายการ ซึ่งบางทีเวลาเจอรายการใหญ่ๆ เขาก็อาจจะไม่ชินกับสนาม สนามโล่งๆ กว้างๆ ก็อาจจะตื่นสนาม การแข่งบ่อยๆ ก็ยิ่งทำให้เราพัฒนาตัวเองได้มากขึ้น ไม่ตีเสียเองบ่อยๆ จุดอ่อนของบางคนก็คือการตีลูกเสียเอง
นักกีฬาแบดมินตันหญิงคนไหนที่เมย์มองว่าพวกเขามีฝีมือและมีโอกาสไปได้ไกล
เมย์ รัชนก : เมย์ว่านักกีฬาแบดมินตันไทยวันนี้พัฒนาไปไกลในอีกระดับหนึ่งแล้ว หลายคนฟอร์มดีน่าจับตามองมากๆ แต่ถ้าถามว่าใครที่น่าสนใจ หนูว่า พี่แนต (ณิชชาอร จินดาพล) ที่เพิ่งเจอกันตอนชิงแชมป์ประเทศไทยก็เก่งค่ะ พี่ปอป้อ (ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย) น้องครีม (บุศนันท์ อึ๊งบำรุงพันธุ์) แล้วก็ พีช (พรทิพย์ บูรณะประเสริฐสุข) ทุกคนฝีมือดีและมีโอกาสขึ้นอันดับโลกได้สูงๆ กันทั้งนั้น
ถ้าวันหนึ่งเราโดนใครคนใดคนหนึ่งแซงแย่งอันดับโลกไปถามตรงๆ ว่าเมย์จะคิดมากไหม?
เมย์ รัชนก : เรื่องนี้หนูไม่ซีเรียสนะ ดีเสียอีกที่เขามีเราเป็นเป้าหมาย มันทำให้เรายิ่งมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเองมากขึ้น ถ้าเราพลาดเสียอันดับโลกให้คนไทยด้วยกัน อาจจะด้วยเพราะหนูฟอร์มตกหรือหนูบาดเจ็บจนอันดับโลกหล่น แต่คนที่มาแทนเราเป็นคนชาติเดียวกันเราก็ต้องยินดี เพราะพี่น้องเราก็ยังได้ออกไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศอยู่ดี
เมื่อไหร่ที่แบดมินตันไทยจะก้าวสู่มหาอำนาจของแบดมินตันได้บ้าง
เมย์ รัชนก : ตอบไม่ได้ค่ะ (หัวเราะ)
ถ้าอย่างนั้นคิดว่านักกีฬาของเรายังขาดปัจจัยอะไรอีกบ้าง
เมย์ รัชนก : ฝีมือของนักกีฬาก็มีส่วน แต่เรื่องการสนับสนุนเรายังขาดอยู่มาก เท่าที่ดูแล้วตอนนี้ก็มีนักกีฬาหลายคนที่สามารถจะตามหนูมาได้ในอนาคตแน่นอน แต่มันขึ้นอยู่กับผู้สนับสนุนในการช่วยส่งนักแบดมินตันไปแข่งในรายการอื่นๆ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ตื่นสนามและมีประสบการณ์ ไปแล้วไม่ได้รางวัลก็ได้ประสบการณ์กลับมาเพื่อที่ครั้งหน้าน้องๆ เหล่านั้นจะได้นำประสบการณ์ไปพัฒนาและคว้าอันดับดีๆ มาได้ในที่สุด ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนให้มีโอกาส
ไปแข่งในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ เพื่อฝึกฝีมือและประสบการณ์ โอกาสที่จะพัฒนาก็น้อยมากจนไปไหนได้ไม่ไกลเท่าที่ควรจะเป็น แต่ตอนนี้ก็น่าดีใจขึ้นที่มีผู้สนับสนุนนักกีฬาแบดมินตันเพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน
อยู่ในวงการแบดมินตันเมย์เห็นพัฒนาการอะไรของวงการนี้บ้าง
เมย์ รัชนก : หนูเห็นวงการแบดมินตันบูมในช่วงของ พี่แมน (บุญศักดิ์ พลชนะ) ช่วงนั้นคนก็จะตื่นตัวเรื่องแบดมินตัน แล้วก็เงียบไป มาวันนี้ก็กลับมาได้รับความนิยมใหม่ ตลอดเวลาเราก็มีนักกีฬาเก่งๆ เข้าวงการมากมาย หนูก็รู้สึกภูมิใจที่คนไทยหลายคนหันมาสนใจกีฬาแบดมินตัน ทั้งเชียร์และหันมาเล่นเองด้วย หันมาสนับสนุนให้ลูกเล่นมันอาจจะยังไม่ได้รับความนิยมเหมือนกอล์ฟหรือฟุตบอล ที่เป็นกีฬาอาชีพ เป็นกีฬายอดนิยม แต่ก็พอเห็นแล้วว่าหลายคนอยากที่จะมีอาชีพเป็นนักแบดมินตัน
แสดงว่าตอนนี้ในบ้านเรากีฬาแบดมินตันสามารถเป็นอาชีพได้
เมย์ รัชนก : (ตอบเร็ว) ใช่ค่ะ แต่ควรจะเริ่มต้นตั้งแต่เด็กเลย เพราะการเป็นนักกีฬาแบดมินตันหรือกีฬาอะไรก็ตาม หากจะเล่นอย่างจริงจังควรจะเริ่มตั้งแต่เด็กๆ เลย มันค่อนข้างจะใช้เวลาเหมือนกัน
อาชีพนักกีฬาสอนอะไรกับเรา
เมย์ รัชนก : สอนให้เรารู้จักการใช้ชีวิต สอนให้เราสู้ สอนให้เรารู้จักอดทน ซึ่งความอดทนนี้สามารถนำไปใช้ในอนาคตได้หลายๆ อย่าง ไม่จำกัดว่าต้องใช้ในเรื่องของกีฬา ขึ้นอยู่กับว่าเราจะประยุกต์ใช้ความอดทนนี้ในเรื่องของอะไร
วันนี้อายุ 18 แล้ว วันหน้าเมื่อเมย์อายุ 36 คิดว่าวันนั้นเมย์น่าจะกำลังทำอะไรอยู่?
เมย์ รัชนก : หนูก็ยังไม่รู้ว่าหนูจะทำอะไรอยู่ อาจจะเป็นโค้ช หรืออาจจะเปิดร้านอาหาร แต่แน่นอนถ้าเลิกเล่นไป แรกสุดคงจะไปเป็นโค้ช มันเป็นเรื่องของอนาคตที่ไกลมาก หนูเองก็ยังมองไม่เห็นภาพตรงนั้นเท่าไหร่ ว่าถึงวันนั้นหนูจะอยู่ในฐานะอะไร หรือบทบาทไหน ถ้าวันนี้เราเดินมาดีตลอด อนาคตก็น่าจะดีตามไปด้วย ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบไหนก็ตาม
เมย์วางเป้าหมายระยะสั้นไว้ที่ตรงไหน
เมย์ รัชนก : ปีนี้จะมีแข่งขันรายการ World Championship ที่ประเทศจีนหนูตั้งเป้าจะเข้าเป็น 8 คนสุดท้าย หรือถ้าทำผลงานได้ดีก็ขอเข้าให้ถึงรอบตัดเชือกให้ได้ และอยากจะไปให้ถึงมือวางอันดับ 1 ของโลกภายใน 3 ปี รวมไปถึงมุ่งมั่นกับโอลิมปิกในอีก 3 ปีข้างหน้าค่ะ
![]()
เมย์ รัชนก กับเป้าหมายในอนาคตของเธอคืออะไร
ถ้าเราไปไม่ถึงจุดที่เราต้องการล่ะ เมย์เตรียมรับความผิดหวังไว้ยังไง
เมย์ รัชนก : ถ้าเราซ้อมมาเต็มที่ แต่ถ้าเราพลาดฟอร์มตก หรือเกิดอุบัติเหตุก็คงเสียใจ แต่ไม่ท้อค่ะ ในอีก 3 ปีข้างหน้า เราอายุ 21 ถึงจะพลาดเป้าหมายนี้ไปเราก็ยังมีโอกาสแก้มือและพัฒนาฝีมือได้ต่อไปอีก
เมย์ รัชนก : ตอนนี้ถ้าถามเรื่องร่างกายเราคงเป็นรองเขาแน่ๆ แต่อนาคตถ้าร่างกายหนูพร้อมมากขึ้น มีสมาธิและมีความมั่นใจในการออกลูกเสิร์ฟ กล้าเล่น ไม่กลัวคู่ต่อสู้ หนูก็คิดว่าหนูสู้กับเขาได้แน่นอน ก่อนหน้านั้นหนูเคยอ่านเจอเรื่องที่โค้ชต่างชาติ และนักกีฬาชาติอื่นๆ พูดถึงหนูว่า รัชนกเป็นคนที่น่าจับตามอง (หัวเราะ) เขาบอกว่าเป็นนักกีฬาที่ถือว่าโดดเด่น แสดงว่าเราก็น่าจะมีแววอยู่บ้างสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจว่าอีก 3 ปีเราจะเป็นคนที่ยืนอยู่จุดสุดยอดของวงการแบดมินตันโลกคืออะไร
กดดันไหมที่มีคนมาคาดหวังว่าผลงานของเราจะดี
เมย์ รัชนก : ไม่เลยค่ะ และหนูไม่ได้สนใจเรื่องข่าวมากมาย ถ้าไปสนใจมากๆ มันอาจจะทำให้เราเหลิงกับความสำเร็จ ซึ่งมันไม่ดีกับตัวเราแน่ๆหนูก็พยายามทำเหมือนเดิม ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้ใส่ใจ เขาชมหนูก็ดีใจ แต่ไม่เก็บกลับมาคิดว่าเราเก่ง
![]()
เมย์ รัชนก รับพระราชทานโล่เกียรติคุณลูกกตัญญู ปี พ.ศ.2556
มีคนยกย่องมากมายขนาดนี้ เคยเหลิงกับความสำเร็จบ้างไหม
เมย์ รัชนก : เคยมีบ้างที่เรารู้สึกว่าเราทำได้แล้ว ไม่ต้องซ้อมแล้วก็ได้นะเราได้แชมป์มาแล้วก็ไม่ตั้งใจฝึกก็มีบ้าง ซึ่งเวลาเราทำตัวแบบนี้แม่ปุกจะสังเกตเห็น เขาก็จะคอยบอกคอยเตือนเรา แต่ตอนนี้หนูได้แชมป์มาก็ยังขยันซ้อมอยู่นะ (หัวเราะ) เพราะเรายังไม่ถึงฝัน ยังไปไม่ถึงจุดสุดยอดที่เราตั้งใจไว้
เมื่อไหร่ที่เมย์จะบอกกับตัวเองได้ว่า ‘เราเก่งแล้ว’
เมย์ รัชนก : เมื่อตอนที่หนูได้แชมป์โลก ได้เป็นมือวางอันดับหนึ่งของโลกและได้แชมป์โอลิมปิกค่ะ
ถ้าวันหนึ่งที่เราไปถึงจุดสูงสุด ความรู้สึกไม่อยากซ้อมแล้ว เราเก่งแล้วจะกลับมาไหม?
เมย์ รัชนก : ส่วนใหญ่ทุกคนที่คิดว่าตัวเองสุดยอดก็จะคิดว่าทำไมเราต้องซ้อม ในเมื่อเราสุดยอดแล้ว เราเคยซ้อมมาทุกวัน แล้วมันก็ทำให้เราเบื่อมันมีบ้างที่เราอยากหยุด แชมป์ก็ได้มาหมดแล้ว ก็อาจจะมีบ้าง แต่หากเป็นหนู หากหนูถึงจุดสุดยอดทั้งหมด หนูก็อาจจะอยากหยุดสักวันสองวันเพื่อพักผ่อนร่างกาย แต่หนูเชื่อว่าหนูคงไม่โดดซ้อมหรือคิดว่าตัวเองเก่งแล้วเลยไม่ซ้อมแน่นอน
ความสำเร็จที่เราได้มาวันนี้ทำให้เมย์มีทุกอย่างแล้วหรือยัง
เมย์ รัชนก : หนูยังไม่ได้มีทุกอย่างค่ะ ในแง่ของความสำเร็จก็ยังไม่ถึงเป้าหมาย ในแง่ของครอบครัวตอนนี้หนูก็ยังไม่ได้ซื้อบ้านให้พ่อแม่ เมย์อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ชีวิตเราตอนนี้คือช่วงน้ำขึ้น น้ำขึ้นก็ต้องรีบตัก เลยรีบพยายามหาเงินให้เยอะที่สุดก่อน ชีวิตนักกีฬาเราก็ไม่รู้ว่าจะบาดเจ็บตอนไหน หนูกลัวว่าถ้าเกิดอาการบาดเจ็บโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว เกิดบาดเจ็บหนักก็กลับมายาก
ทุกวันนี้มีอะไรในชีวิตของเมย์ที่เปลี่ยนไปบ้าง
เมย์ รัชนก : เราเลี้ยงตัวเองได้ เลี้ยงพ่อ แม่ น้องชายได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่ และซื้อของให้พ่อแม่ได้บ้าง ถ้าตอนนี้ที่บ้านเงินไม่พอใช้เมย์ก็จะช่วย แต่ครอบครัวเมย์ก็ไม่ได้ใช้เงินจนเวอร์ เราก็ยังเหมือนเดิมอีกเรื่องคือความส่วนตัวที่เปลี่ยนไป ช่วงแรกๆ ที่สื่อเริ่มรู้จักหนู ตอนที่นักข่าวตามหนูมากๆ หนูกดดันน้ำตาไหลเลย ไม่ชิน งงว่าทำไมเขามาตามชีวิตเรา รู้สึกไม่มีอิสระ ไม่ค่อยสบายใจ แต่พอหลังจากคิดได้ว่าถ้าเรามีผลงาน สื่อจะเข้ามา เพราะพี่ๆ สื่อนี่แหละที่ทำให้วงการแบดมินตันดีขึ้น เวลามีผลงานพวกเขาจะช่วยกันนำเสนอให้คนไทยรู้
นอกจากความสามารถแล้ว มีหลายคนบอกว่าเมย์อ่อนน้อมถ่อมตนมาก จนสมาพันธ์แบดมินตันอินเดียถึงกับชม ความถ่อมตนในตัวเมย์มาจากไหน?
เมย์ รัชนก : แม่ปุกสอนให้เรามีมารยาทต่อผู้ใหญ่ เราเป็นเด็กควรจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร อีกอย่างมันอยู่ที่ความเคยชินด้วยค่ะ แม่ปุกสอนหนูมาตั้งแต่เด็กว่า เจอผู้ใหญ่ต้องยกมือไหว้ ตั้งแต่เดินเข้าคอร์ดมา ถ้าเราลืมยกมือไหว้แม่ปุกจะไล่ให้ไปเดินเข้าคอร์ดมาใหม่แล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่ใหม่ เราทำทุกวันจนชินและติดเป็นนิสัยไปแล้วค่ะ
![]()
เมย์ รัชนก มีความอ่อนน้อมถ่อมตนมาก
ความสำเร็จของเมย์ที่เราเห็นในวันนี้แลกมาด้วยอะไร?
เมย์ รัชนก : สิ่งที่เสียไปคือความเป็นวัยรุ่น เช่นเพื่อนไปดูหนังหนูก็ไม่ได้ไป แต่หนูเข้าใจว่าที่เราทำอยู่ทุกวันนี้มันคือหน้าที่ มันเป็นอาชีพ อีกอย่างช่วงเวลาวัยรุ่นที่เราเสียไปมันก็ไม่ได้น่าเสียดายเท่าไหร่ วันหนึ่งเราเลิกเล่น ก็ค่อยไปทำในสิ่งที่ไม่เคยทำทีหลังก็ได้ อีกอย่างหนูก็ไม่ได้คิดว่าเราเสียอะไรไป เราทำเพื่อประเทศ ทำเพื่อหลายๆ คนที่รอคอยเราอยู่ข้างหลัง
หากมีเด็กคนหนึ่งเดินมาบอกว่า “หนูอยากเป็นอย่างพี่” เมย์จะบอกกับน้องเขาอย่างไร?
เมย์ รัชนก : หนูจะบอกเขาว่า ไม่ว่าจะไปถึงในจุดที่น้องฝันหรือไม่ แต่ถ้าน้องทำดีที่สุดแล้วจริงๆ ก็ต้องภูมิใจในสิ่งที่เราทำ เพราะว่าการจะเป็นตัวแทนนักกีฬาทีมชาติ หรือการจะขึ้นมาเป็นที่หนึ่งมันไม่ได้มีหลายคน ที่หนึ่งมันมีแค่คนเดียว แล้วถ้าวันหนึ่งเราพร้อมหรือมีโอกาสที่จะทำได้ก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุดให้สมกับโอกาสที่เรามี เมย์รับรองว่าจะไม่เสียใจ ถ้าเราพยายามเต็มที่
บทความเกี่ยวกับความอ่อนน้อม
มงคลที่ 23 มีความถ่อมตน - อ่อนน้อมถ่อมตนมงคลที่ 23 มีความถ่อมตน - หนทางสู่ความรุ่งโรจน์
ติตติรชาดก ชาดกว่าด้วยความเคารพอ่อนน้อม
ยิ่งสูงส่งยิ่งอ่อนน้อม
คนดังที่เก่งและดี นอกเหนือจากเมย์ รัชนกแล้วมีใครอีก?
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-16370.png)
http://goo.gl/wT8ljg