จากตอนที่แล้ว อารักขเทวดาที่สถิตอยู่ที่กำพูฉัตร ประสงค์จะให้มโหสถได้กลับคืนสู่พระราชวังโดยเร็ว จึงแสดงกายให้ปรากฏต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าวิเทหราช แล้วได้ถามปัญหา ๔ ข้อข้อ ๒. “บุคคลผู้ทั้งด่าทั้งแช่งผู้อื่นตามใจชอบ แต่ก็ไม่ต้องการให้ผู้ที่ตนแช่งต้องประสบผลร้ายตามนั้น ทั้งผู้ที่ถูกแช่งกลับยิ่งเป็นที่รักของผู้แช่งเสียอีก”
ข้อ ๓. “บุคคลผู้กล่าวตู่กันด้วยคำไม่จริง โต้เถียงกันด้วยคำเหลาะแหละ แต่กลับเป็นที่รักของกันและกัน”ข้อ ๔. “ บุคคลผู้ที่นำทรัพย์ ทั้งข้าว น้ำ ผ้า และที่นอนของผู้อื่นไปแต่ฝ่ายเดียว แต่กลับเป็นที่รักของเจ้าของทรัพย์ พระองค์ทรงเห็นว่า บุคคลทั้ง ๔ จำพวกนั้นคือใคร”
ท้าวเธอสดับปัญหานั้นจบลง ก็ไม่ทรงเห็นเค้าเงื่อนของปัญหาเหล่านั้นเลย จึงขอผลัดเทวดาไว้ก่อน ฝ่ายอารักขเทวดาก็ได้คาดโทษเอาไว้ว่า “หากคืนพรุ่งนี้ ยังไม่อาจจะแก้ปัญหานี้ได้ พระองค์จะต้องถูกลงทัณฑ์อย่างหนัก” กล่าวจบเทวดาตนนั้นก็หายวับไป
ส่วนพระเจ้าวิเทหราชทรงพระกังวลต่อมรณภัย ไม่อาจข่มพระเนตรหลับได้จนตลอดทั้งคืน เมื่อรุ่งสางจึงรับสั่งมหาดเล็กให้ไปตามบัณฑิตทั้ง ๔ เข้าเฝ้า แต่บัณฑิตทั้ง ๔ ก็อ้างว่า พวกตนเกิดความละอายที่มีศีรษะโล้น จึงไม่อาจเข้าเฝ้าได้ในตอนนี้
พระเจ้าวิเทหราชทรงทราบเช่นนั้น จึงรับสั่งให้ทำหมวกตุ้มปี่ ที่มีชื่อว่านาฬิกาปัฏ ซึ่งมีรูปทรงคล้ายทะนานตวงข้าว แล้วโปรดให้มหาดเล็กนำไปพระราชทานให้อาจารย์เหล่านั้น เพื่อใช้สวมครอบศีรษะมาเข้าเฝ้าพระองค์
ขณะที่อาจารย์เสนกะกำลังฟังปัญหาที่พระราชาตรัสเล่า ก็พยายามใคร่ครวญหาคำตอบสุดกำลังความสามารถของตน แต่แม้จะขบคิดสักเพียงใด ก็ยังไม่เห็นเค้าเงื่อนที่จะแก้ได้
ส่วนอาจารย์ปุกกุสะ กามินทะและเทวินทะนั้น ล้วนจนแต้มตั้งแต่แรก ต่างพากันส่ายหน้า เพราะเพียงแค่ได้ฟังปัญหาข้อแรกเท่านั้น ก็เกิดอาการมืดแปดด้าน เหมือนคนหลงทางอยู่กลางป่าในเวลากลางคืนอับจนปัญญาที่จะแก้ปัญหานั้นได้ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีความหวังลึกๆว่า “ถึงอย่างไร พวกตนก็คงจะได้พึ่งพาปัญญาของท่านเสนกะเป็นแน่” ต่างก็หันหน้ามามองอาจารย์เสนกะ ด้วยอัธยาศัยที่คิดพึ่งพาเหมือนอย่างเคย
แต่ครั้นเห็นอาจารย์เสนกะส่ายหน้าด้วยอีกคน จึงรู้สึกผิดหวัง พากันนั่งก้มหน้ามองพื้น มิอาจเงยหน้าสบพระเนตรพระเจ้าวิเทหราชต่อไปได้
ตลอดทั้งวัน ทรงกระสับกระส่าย ด้วยทรงครุ่นคิดถึงปัญหาเหล่านั้นอยู่ไม่เว้นวาง เพราะหากว่าพระองค์ยังไม่อาจแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ก็เกรงจะถูกลงเทวทัณฑ์ตามคำขู่ของเทวดา แล้วในคืนนั้นเอง ขณะที่ท้าวเธอทรงทอดพระกายในพระอิริยาบถบรรทมเหนือพระแท่นบรรทมภายใต้พระเศวตฉัตร ยังไม่ทันจะเสด็จสู่นิทรารมณ์ เทวดาตนนั้นก็พลันปรากฏกายอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ด้วยรัศมีสว่างเจิดจ้าทั่วห้องบรรทม แล้วก็เอ่ยถามพระราชาทันทีว่า “มหาราช ท่านแก้ปัญหาได้แล้วหรือ”
ท้าวเธอทรงตกพระทัย รีบตรัสตอบเทวดาด้วยพระอาการตื่นกลัวว่า “เราได้เรียกราชบัณฑิตทั้ง ๔ มาถามแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครทราบคำตอบเลย จึงขอผลัดท่านไปอีกสักหนึ่งคืนเถอะ”
แต่ก่อนที่เทวดาตนนั้นจะหายตัวกลับไป ก็ทูลเตือนสติพระราชาเอาไว้ว่า “มหาราช เมื่อท่านต้องการก่อกองไฟ แทนที่ท่านจะก่อกองฟืนแล้วติดไฟ ให้เกิดเป็นกองไฟที่ลุกโพลง แต่ท่านกลับทำผิดวิธี ไปเป่าแสงหิ่งห้อยด้วยลมปากเสียนี่ การทำในสิ่งที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ จะไม่เรียกว่างมโข่งหรือคนที่ต้องการนมโค หากแต่ไปรีดเอาที่เขาโค ไฉนเลยจะได้นมโคตามที่ปรารถนา เพราะนมโคย่อมไม่มีที่เขาโค คนรีดนมที่เขาโค ย่อมไม่ได้นมโค ฉันใดท่านก็เช่นกัน หวังจะทราบเงื่อนงำของปริศนา แต่กลับไปสอบถามกับราชบัณฑิตผู้โฉดเขลาเบาปัญญา มองข้ามมโหสถบัณฑิตไปเสีย แล้วท่านจะได้คำตอบที่กระจ่างแจ้งมาแต่ที่ไหน”
พระเจ้าวิเทหราชถูกเทวดาคุกคามเช่นนั้น ก็ยิ่งทรงประหวั่นพรั่นพรึงในพระหฤทัย พระพักตร์ซีดเผือดด้วยทรงเศร้าสลดในถ้อยคำของเทวดา
เทวดาเห็นดังนั้น ก็ยังไม่ยอมหยุดเพียงเท่านั้น กลับข่มขู่ทิ้งท้ายด้วยเสียงกร้าวว่า “เอาเถอะ คืนนี้ เราจะเว้นโทษให้ท่านอีกสักครั้ง แต่ในคืนพรุ่งนี้ หากท่านยังไม่สามารถตามตัวมโหสถมาตอบปัญหานี้ได้ นั่นก็หมายความว่าชีวิตของท่านอาจจะต้องถึงกาลอวสานอย่างไม่ต้องสงสัย” กล่าวทิ้งท้ายดังนี้แล้ว เทวดาตนนั้นก็หายวับไปในทันที
นี่แหละหนา ผู้ที่เกิดมาได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์ ทั้งชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นต่ำ ที่จะไม่สะดุ้งกลัวต่อความตายนั้นไม่มีเลย คนทั้งหลายโดยปกติแล้ว เมื่อเห็นคนเหล่าอื่นตายไปมากมายแค่ไหน ก็มิได้สลดใจอะไรนัก แต่เมื่อความตายย่างเข้ามาใกล้ตนก็ตื่นตระหนก ด้วยหวั่นต่อมรณภัย ทำอะไรไม่ถูก
ดังนั้น เมื่อบุคคลรู้ว่า ตัวเราเองก็จะต้องตายอย่างแน่นอน ก็ไม่ควรประมาท หมั่นนึกถึงความตายเนืองๆ แล้วสั่งสมบุญกุศลติดตัวเอาไว้ เมื่อความตายย่างใกล้เข้ามา จะได้มีที่พึ่งพาให้ใจได้ยึดเหนี่ยว ไม่ต้องหวาดผวาจนเกินไป ส่วนว่า พระเจ้าวิเทหราช ครั้งรุ่งเช้าแล้ว พระองค์จะทรงมีวิธีในการค้นหามโหสถบัณฑิตอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
http://goo.gl/Jeemo