ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 9

การครองเรือนก็เป็นทุกข์อย่างนี้ เมื่อยังไม่มีลูกก็เป็นทุกข์เพราะอยากจะมีลูก แม้รู้ว่าจะต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในการให้กำเนิดบุตรก็ยอม เมื่อมีลูกแล้วก็เป็นทุกข์อีก เพราะจะต้องดูแลรับผิดชอบเลี้ยงดู ต้องให้การศึกษาอีกมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าลูกไปคบเพื่อนซึ่งเป็นคนพาล เขาชวนไปประพฤติผิดศีลผิดธรรม ไปติดอบายมุข ไม่สนใจการศึกษาเล่าเรียน กลายเป็นคนเกะกะเกเร ไม่เป็นอย่างที่ใจหวังก็ยิ่งทุกข์หนักขึ้นไปอีก https://dmc.tv/a191

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ทศชาติชาดก > พระเตมีย์
[ 13 ส.ค. 2549 ] - [ ผู้อ่าน : 18273 ]
 
 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  พระเตมีย์   ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี  ตอนที่ 9

  
        จากตอนที่แล้ว พระเจ้ากาสิกราช แม้จะทดลองจนเวลาจะผ่านไปหลายปี แต่เมื่อทรงเห็นพระราชโอรสยังมีพระกายทุกส่วนสมบูรณ์ดี ก็ยังทรงมีความหวังอยู่ จึงได้ทรงหารือกับอำมาตย์ทั้งหลาย เมื่อได้รับคำแนะนำว่าเด็ก 7 ขวบย่อมกลัวงู ก็ทรงให้ทดลองด้วยงู แต่พระราชกุมารก็มิได้ทรงหวาดกลัวหรือถอยหนีแต่อย่างใด
 
        เมื่อทรงมีพระชนมายุได้ 8 ชันษา ก็ทรงให้ทดลองด้วยการฟ้อนรำขับร้อง กุมารทั้งหลายต่างก็สนุกสนาน พากันหัวเราะเฮฮา ส่วนพระราชกุมารทรงนึกว่า  ในเวลาที่เราอยู่ในนรก ไม่มีความรื่นรมย์เลยแม้เพียงนิด แล้วเราจะยินดีในสิ่งเหล่านี้ไปทำไม จึงทรงนิ่งเฉยไม่ทอดพระเนตรดูเลย
 
        ในปีถัดมาก็ทรงทดลองด้วยศัสตรา โดยให้บุรุษร่างกำยำแกว่งดาบ ขู่ตะคอก ร้องตวาด เดินเข้าหาพระราชกุมาร ทำทีเหมือนจะตัดศีรษะพระองค์ แต่พระราชกุมารก็ทรงนิ่งเฉยเหมือนไม่ทรงรับรู้สิ่งใดเลย แม้คมดาบจะจรดที่พระศอแล้ว ก็ไม่แสดงอาการสะดุ้งกลัว
 
        กาลต่อมาเหล่าอำมาตย์ก็ทดลองด้วยแมลงวัน โดยนำน้ำอ้อยผสมน้ำผลไม้ที่แมลงวันชอบ มาทาทั่วพระสรีระของพระราชกุมาร แล้วนำพระองค์ไปวางไว้ในแหล่งที่มีแมลงวันชุกชุม พระราชกุมารแม้จะถูกฝูงแมลงวันไต่ตอมดูดดื่มกินน้ำหวานทั่วพระสรีระ ดุจถูกแทงด้วยเข็มนับไม่ถ้วน แต่ก็ทรงนิ่งเฉยเช่นเดิม
 
        ต่อมาอีกปีหนึ่ง ก็ทรงให้ทดลองด้วยสิ่งปฏิกูล โดยไม่จัดการสรงสนานให้พระราชกุมาร ปล่อยให้พระองค์ทั้งทรงถ่ายหนักถ่ายเบาอยู่ในที่ซึ่งพระองค์บรรทมนั่นเอง ทำให้ฝูงแมลงวันบินมารุมไต่ตอมห้อมล้อมพระองค์ จนแทบจะมองไม่เห็นพระกายเลย การทดลองครั้งหลังนี้ ทำให้พระราชกุมารทรงได้รับทุกขเวทนาหนักมากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา แม้พระราชบิดาพระราชมารดาก็หาได้ทุกข์น้อยไปกว่าพระโอรสของพระองค์ไม่ ทั้งสองพระองค์ทรงเกิดความละอายต่อข้าราชบริพาร ทั้งทรงทุกข์ร้อนแทนพระราชกุมารจนพระหฤทัยแทบจะแตกสลาย
 
        จึงทรงแหวกฝูงแมลงวัน ตรงเข้าโอบกอดพระโอรสผู้เป็นที่รักยิ่งโดยมิได้ทรงรังเกียจ ทรงกรรแสงคร่ำครวญราวกับว่าพระชนม์ชีพจะวางวาย แล้วตรัสวิงวอนพระโอรสว่า
 
        “ลูกเตมิยกุมาร พวกเรารู้ว่าลูกไม่ได้เป็นคนง่อยเปลี้ย ไม่ได้เป็นคนบอดคนหนวก เพราะคนพิการเขาไม่ได้มีมือมีเท้าอย่างนี้ และไม่ได้มีช่องปากช่องหูอย่างนี้ ...เจ้าเป็นลูกที่พ่อและแม่ได้มาด้วยการอธิษฐานจิตขอ และตั้งตารอคอยด้วยความหวัง บัดนี้เจ้าก็โตแล้ว ใครเขาจะประคับประคองเจ้าได้ตลอดไป เจ้าไม่ละอายหรือ เจ้าจะทนนอนอยู่ทำไม จงลุกขึ้นชำระร่างกายซิลูก”

 
        การครองเรือนก็เป็นทุกข์อย่างนี้ เมื่อยังไม่มีลูกก็เป็นทุกข์เพราะอยากจะมีลูก แม้รู้ว่าจะต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในการให้กำเนิดบุตรก็ยอม เมื่อมีลูกแล้วก็เป็นทุกข์อีก เพราะจะต้องดูแลรับผิดชอบเลี้ยงดู ต้องให้การศึกษาอีกมากมาย  ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าลูกไปคบเพื่อนซึ่งเป็นคนพาล เขาชวนไปประพฤติผิดศีลผิดธรรม ไปติดอบายมุข ไม่สนใจการศึกษาเล่าเรียน กลายเป็นคนเกะกะเกเร ไม่เป็นอย่างที่ใจหวังก็ยิ่งทุกข์หนักขึ้นไปอีก นี่แหละที่บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ เพราะความทุกข์ย่อมเกิดจากสิ่งอันเป็นที่รัก เมื่อคลายความรักความผูกพันเสียได้ ความทุกข์ก็ย่อมเบาบางลงไป
 
พระราชกุมารแม้ทรงเกลือกกลั้วอยู่กับกองคูถที่น่าขยะแขยงเช่นนั้น แต่พระหทัยของพระองค์ก็หาได้หวั่นไหวไม่ ทรงวางพระอารมณ์เป็นกลาง ด้วยทรงพิจารณาถึงกลิ่นเหม็นของคูถนรกซึ่งฟุ้งตลบที่พระองค์เคยประสบมา แม้ผู้ที่ยืนอยู่ในที่ไกลถึงร้อยโยชน์ ก็ยังต้องสะอิดสะเอียน แม้พระมารดาจะตรัสวิงวอนสักเพียงใด พระราชกุมารก็บรรทมนิ่งเหมือนไม่ได้ทรงสดับพระวาจานั้น ทรงอดกลั้นความโศกาอาดูรนั้นเสีย ด้วยทรงนึกถึงเป้าหมายที่จะต้องออกบวชให้ได้ในเบื้องหน้าต่อไป
 
        ปีต่อมาเหล่าอำมาตย์ก็ใช้วิธีใหม่อีก โดยทดลองพระราชกุมารด้วยถ่านเพลิง ด้วยการวางกระเบื้องเต็มด้วยไฟไว้ใต้พระแท่นที่บรรทม พระราชกุมารแม้จะถูกเปลวไฟสุมรุมอยู่เบื้องล่าง จนเกิดความร้อนไปทั่วพระสรีระของพระองค์ ได้รับทุกขเวทนาแสนสาหัส แต่ก็มิได้ขยับพระหัตถ์หรือพระบาทเลย  กลับทรงสอนพระองค์เองว่า “เตมิยกุมาร ความร้อนในนรกแผ่ไปตั้งร้อยโยชน์ทำลายจักษุของมนุษย์แม้อยู่ไกลถึงร้อยโยชน์ได้ ความร้อนของเพลิงนี้ ยังดีกว่าความร้อนในนรกนั้น ตั้งร้อยเท่า พันเท่า แสนเท่า”

        ครั้นทรงดำริฉะนี้แล้ว ก็ทรงอดกลั้นต่อความร้อนนั้น มิได้หวั่นไหวเหมือนพระเถระเข้านิโรธสมาบัติ ลำดับนั้นพระราชชนกชนนีของพระราชกุมาร ผู้ทรงเป็นโพธิสัตว์นั้น ทอดพระเนตรเห็นพระโพธิสัตว์ถูกความร้อนเบียดเบียนได้รับทุกขเวทนายิ่งนัก ก็เป็นเหมือนพระหฤทัยจะแตกสลาย จึงแหวกฝูงชนเข้าไปอุ้มพระโพธิสัตว์ออกมาจากความร้อนของเปลวเพลิงนั้น แล้วตรัสวิงวอนพระโพธิสัตว์ว่า “เตมิยกุมารลูกรัก พ่อและแม่รู้ว่า เจ้าน่ะ ไม่ใช่คนง่อยเปลี้ย ไม่ใช่คนใบ้ และได้เป็นคนหูหนวก เพราะคนที่พิการนั้น มิได้มีมือ เท้า ปาก และช่องหูอย่างนี้  ขอเจ้าจงลุกขึ้นเถิด อย่าได้นิ่งเฉยอยู่เลยลูก พ่อกับแม่แทบจะขาดใจตายเพราะความอับอายประชาราษฎร์ยิ่งนัก เจ้าอย่าให้พ่อกับแม่ต้องอัปยศอดสูต่อพระราชาทั่วชมพูทวีปให้มากไปกว่านี้เลยนะลูก”
 
        แม้พระชนกพระชนนีจะทรงวิงวอนสักเพียงใด แต่พระโพธิสัตว์ก็ยังบรรทมนิ่งเฉย ไม่ได้แสดงอาการอะไรให้ผิดแปลกไปจากเดิม เหมือนมิได้ทรงสดับพระวาจานั้น เหล่าอำมาตย์ได้เฝ้าเพียรทดลองพระโพธิสัตว์ทุกวิถีทาง แม้เวลาจะผ่านไปปีแล้วปีเล่าถึง 15 ปี แต่ก็มิได้บังเกิดผลใดๆ เลย เหล่าอำมาตย์จึงได้ปรึกษากัน เพื่อที่จะช่วยแก้ไขพระโพธิสัตว์ให้กลับมาเป็นปกติให้ได้
     
        ในที่สุดอำมาตย์ผู้ชาญฉลาดคนหนึ่ง ก็แสดงความเห็นขึ้นท่ามกลางที่ประชุมว่า “บัดนี้ พระราชกุมารของเราทรงเจริญวัย มีพระชนมายุได้ 16 ชันษาแล้ว ธรรมดาว่าชายแรกหนุ่มเป็นดุจบุบผาแรกแย้ม มีหรือที่จะไม่กำหนัดยินดีในกาม ..เพราะขึ้นชื่อว่ากามคุณแล้ว ย่อมเป็นที่ปรารถนาของบุคคลทั้งหลาย และหากจะกล่าวถึงยอดแห่งกามคุณสำหรับบุรุษแล้ว ไม่มีสิ่งใดจะยิ่งไปกว่าสตรีเลย อิสตรีเป็นที่ประชุมแห่งรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อันน่าชอบใจ  อิสตรีนี่แหละคือยอดแห่งกาม ไม่มีสิ่งอื่นจะยิ่งไปกว่า

        ครั้นแล้วจึงกล่าวต่อไปว่า “แม้พระราชกุมารของเราก็เช่นกัน พระองค์ก็ทรงเป็นบุรุษ ผู้สมบูรณ์ด้วยอวัยวะน้อยใหญ่ ไม่บกพร่องพิการ เมื่อเปลี่ยนวัยเติบใหญ่เป็นหนุ่มแล้ว ไฉนเลยจะไม่ยินดีด้วยสตรีสาวสวย เราทั้งหลายจะทดลองพระราชกุมารด้วยเหล่านางสนมนักฟ้อน เชื่อแน่ว่าพระองค์จะต้องแสดงอาการสักอย่างหนึ่งเป็นแน่” เหล่าอำมาตย์ที่เหลือ ครั้นได้ฟังถ้อยคำของอำมาตย์ผู้ชาญฉลาดแล้ว ต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วย จึงมีมติร่วมกัน ที่จะนำความนี้ขึ้นกราบบังคมทูลพระเจ้ากาสิกราช ผู้ซึ่งบัดนี้กำลังอยู่ในสภาพสิ้นหวังด้วยทรงท้อพระหฤทัยที่ไม่อาจจะทำให้พระโพธิสัตว์กลับเป็นปกติดังเดิมได้
 
        พระราชาได้ฟังคำกราบทูลของอำมาตย์เหล่านั้น ก็ทรงดีพระหฤทัยยิ่งนัก จึงทรงรับสั่งให้เรียกหญิงนักฟ้อนผู้มีรูปทรงงดงามดั่งเทพอัปสรมา แล้วตรัสว่า “หากหญิงคนใดสามารถทำให้พระราชกุมารร่าเริงเบิกบานพระหฤทัย และสามารถจะผูกพันพระราชกุมารไว้ด้วยอำนาจแห่งตัณหาได้ เราจะให้หญิงผู้นั้นได้ครองความเป็นใหญ่ โดยจะอภิเษกให้เป็นอัครมเหสีของพระราชกุมารในทันที” 
หญิงนักฟ้อนเหล่านั้น ครั้นได้ฟังพระดำรัสของพระราชาแล้ว ก็ล้วนมีความยินดีปรีดา เพราะทุกคนก็ปรารถนาความเป็นอัครมเหสีด้วยกันทั้งสิ้น จึงต่างรับอาสาด้วยความหวังอันบรรเจิด
 
        ส่วนพวกนางนมต่างช่วยกันสรงสนานพระโพธิสัตว์ด้วยน้ำหอม แล้วตบแต่งพระโพธิสัตว์ให้งดงามราวเทพบุตรในแดนสวรรค์ ให้บรรทมบนพระแท่นภายในห้องบรรทมซึ่งประดับประดาอย่างงดงามดังทิพยวิมาน ภายในตลบอบอวลด้วยกลิ่นหอมแห่งสุคันธชาติอันชวนให้สำราญพระหฤทัย จากนั้น จึงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเหล่าหญิงนักฟ้อนผู้เลอโฉม ที่จะเฝ้าถวายการปรนนิบัติ นวดเฟ้นพระโพธิสัตว์ และประเล้าประโลมให้ทรงอภิรมย์ด้วยการฟ้อนรำขับร้อง ซึ่งแต่ละนาง ล้วนแสดงอากัปกิริยาที่น่าเย้ายวนพระหฤทัยยิ่งนัก 
 
    สตรีสาวสวยผู้ฉลาดในจริตมารยา  เมื่อได้ประเล้าประโลมบุรุษใดแล้ว ก็ยากที่บุรุษนั้นจะไม่ยินดีเพลิดเพลินตกอยู่ในอำนาจแห่งกิเลสตัณหา ส่วนพระราชกุมาร แม้พระองค์จะเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ยังไม่ได้หมดกิเลส เมื่อลูกเล้าโลมเข้าอย่างนี้แล้ว จะทรงทำอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป

โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


http://goo.gl/i0zWB


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 2 ต้นเหตุแห่งเภทภัย
      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 1 การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 202
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 201
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 200
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 199
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 198
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 197
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 196
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 195
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 194
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 193
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 192




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related