ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 11

เจ้าทั้งสองจงฟัง เด็กน้อยนี้เป็นของกลาง ใครแย่งได้จงแย่งเอา หากใครดึงเด็กพ้นไปจากเส้นที่ขีดไว้ได้ แล้วเลื่อนเข้าไปทางฝ่ายตนได้มากกว่า จะถือว่าเด็กเป็นลูกของผู้นั้น และหญิงนั้นก็จะได้ลูกของตนไป เรามาติดตามกันว่าใครจะเป็นแม่ที่แท้จริงของทารกน้อยนั้น https://dmc.tv/a2401

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ทศชาติชาดก > มโหสถบัณฑิต
[ 29 ส.ค. 2550 ] - [ ผู้อ่าน : 18326 ]
 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 11

 
        จากตอนที่แล้ว  มีสตรีนางหนึ่ง เพิ่งจะคลอดบุตรคนแรกได้ไม่กี่เดือน นางปรารถนาจะไปเที่ยวชมศาลาของมโหสถบัณฑิต เมื่อมีโอกาสจึงอุ้มลูกน้อย มุ่งหน้าไปยังศาลาหลังนั้น เห็นต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ริมขอบสระ นางจึงพับผ้าทำเป็นเบาะปูให้ลูกได้นั่งใต้ร่มไม้ ส่วนตนได้ลงไปล้างหน้าที่ริมสระ

        ขณะนั้น ได้มียักษิณีตนหนึ่งอยากจะกินทารกนั้นเป็นอาหาร จึงแปลงกายเป็นหญิงชาวบ้าน เข้ามาทักทายเด็กน้อยถามเธอว่า เป็นลูกของเธอใช่ไหม น่ารักจัง ขอฉันอุ้มหน่อยนะ แต่พอมารดาเด็กออกปากอนุญาตเท่านั้น นางก็รีบคว้าทารกยกขึ้นวิ่งหนีไปโดยเร็ว

        มารดาเด็กเห็นลูกน้อยถูกชิงไปต่อหน้าต่อตาก็ตกใจสุดขีด รีบขึ้นจากสระแล้ววิ่งกวดตามไปอย่างไม่คิดชีวิต ในที่สุดก็คว้าผ้านุ่งของนางยักษิณีไว้ได้ พลางตวาดถามอย่างไม่เกรงใจว่า เอ็งจะพาลูกข้าไปไหน ขอข้าอุ้ม ข้าก็ให้อุ้มเพราะเห็นใจ แล้วนี่ยังจะมาชิงลูกข้าไปอีก
 

        ส่วนนางยักษิณีก็ตอบสวนทันควันว่า หน้าไม่อาย อยู่ๆ ก็มาตู่เอาลูกของเขาเสียอย่างนั้นแหละ ลูกของเอ็งที่ไหนกัน ลูกของข้าต่างหาก

        ทั้งสองนางต่างทะเลาะโต้เถียงกันจนสุดเสียง เดินติดตามยื้อยุดกันไปจนถึงประตูศาลา มโหสถบัณฑิตได้ยินเสียงหญิงทั้งสองทะเลาะกันมาแต่ไกล ก็ออกมาที่หน้าศาลาให้คนเรียกเข้ามาถามว่า เธอทั้งสองทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร  หญิงทั้งสองต่างแย่งกันตอบอย่างไม่ฟังเสียง

        มโหสถกุมารจึงต้องห้ามปรามว่า “ช้าก่อนนางผู้เจริญ ขอให้นางพูดทีละคนจะได้ไหม พวกเธอแย่งกันพูดอย่างนี้ เราจะรู้เรื่องได้อย่างไรละ”   

        ครั้นแล้วก็ให้โอกาสนางยักษิณีกล่าวก่อน ให้หญิงผู้เป็นมารดาเด็กซึ่งอ่อนกว่ากล่าวทีหลัง

        ทันทีที่ยักษิณีกล่าวจบ หญิงผู้เป็นมารดาได้ฟังคำให้การเท็จของยักษิณี ก็ให้แค้นใจยิ่งนัก สุดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ได้ นางกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น เพื่อร้องขอความเป็นธรรมจากมโหสถ

        ครั้นต่างฝ่ายต่างยืนยันว่าตนเป็นมารดาของเด็ก อีกฝ่ายหนึ่งก็ตู่ว่าเป็นลูกของตน  มหาชนที่มาห้อมล้อมมุงดูกันอยู่ในที่นั้นก็ยิ่งเกิดความสงสัยและใคร่จะทราบคำตอบ

        มโหสถได้ฟังความนั้นแล้ว  จึงพิเคราะห์จากรูปการณ์ ก็พอจะทราบว่า  หญิงใดเป็นมารดาของเด็ก  หญิงใดเป็นผู้กล่าวตู่ 

        และครั้นพินิจดูนางยักษิณีในระยะใกล้ ก็เห็นว่ามีลักษณะผิดแผกจากคนธรรมดาทั่วไป คือ นางมีนัยน์ตาแดงก่ำ ไม่กระพริบ ไร้ซึ่งแววตา และปราศจากเงาตัว มโหสถจึงรู้ได้ทันทีว่า หญิงนี้เป็นนางยักษิณีจำแลงแปลงกายมาอย่างแน่นอน

        แต่เพื่อจะทำความกระจ่างให้ปรากฏในที่นั้น จึงถามหญิงทั้งสองว่า “หากเราจะตัดสินให้  เจ้าทั้งสองจะยอมรับฟังคำวินิจฉัยของเราโดยดีหรือไม่” ทั้งคู่ต่างรับว่ายอม  และจะตั้งอยู่ในคำวินิจฉัยของมโหสถทุกประการ

        แต่เพื่อจะคลี่คลายข้อพิพาทนี้ให้มหาชนได้ประจักษ์  มโหสถจึงได้ให้คนขีดเส้นบนพื้น ให้วางทารกน้อยตรงกลางระหว่างเส้นนั้น แล้วให้นางยักษิณีจับด้านมือทั้งสองของเด็ก

        ส่วนมารดานั้นให้จับเท้าทั้งสองเอาไว้ พลางบอกว่า “เจ้าทั้งสองจงฟัง เด็กน้อยนี้เป็นของกลาง ใครแย่งได้จงแย่งเอา หากใครดึงเด็กพ้นไปจากเส้นที่ขีดไว้ได้ แล้วเลื่อนเข้าไปทางฝ่ายตนได้มากกว่า จะถือว่าเด็กเป็นลูกของผู้นั้น และหญิงนั้นก็จะได้ลูกของตนไป”

        ครั้นแล้วก็ให้สัญญาณบอกเวลาเริ่มต้น หญิงทั้งสองต่างออกแรงดึงเด็กน้อยจนสุดกำลัง ฝ่ายหนึ่งดึงด้วยแรงปรารถนาจะกินเป็นอาหาร ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็ยื้อไว้ด้วยแรงรักบุตรที่เกิดจากอุทร

        ครั้นเด็กน้อยถูกชักเย่อไปมาเช่นนั้น ก็เป็นเหมือนตุ๊กตาที่แขน ขา และลำตัวกำลังจะหลุดขาดออกจากกัน จึงส่งเสียงร้องไห้จ้าเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหว

        เสียงร้องของบุตรผู้เป็นที่รักดั่งดวงตาดวงใจ ช่างเป็นเสียงที่มีอำนาจยิ่งนัก ได้บีบคั้นหทัยของผู้เป็นมารดาจนแทบจะแหลกสลายลง มารดาของเด็ก เมื่อได้ยินเสียงร้องระงมของลูกน้อย จิตใจของนางก็อ่อนไหวเกินกว่าที่จะทนฟังเสียงร้องนั้นได้

        นางจึงจำใจต้องหยุดดึง ยอมปล่อยให้ยักษิณีดึงลูกของตนไปฝ่ายเดียว แล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ ยืนร้องไห้ฟูมฟาย ปิ่มว่าจะขาดใจ

        มโหสถถามฝูงชนที่มามุงดูกันอย่างเนืองแน่นว่า “ท่านทั้งหลาย ธรรมดาจิตใจของหญิงผู้เป็นมารดา กับหญิงผู้มิใช่มารดา ใครกันเล่าจะมีจิตอ่อนโยนโอนไหวไปตามอาการของลูก ของมารดาหรือของผู้มิใช่มารดา”

        “ใจของมารดาสิ พ่อมโหสถ ถึงอย่างไร มารดาก็ย่อมจะอ่อนไหวไปตามอาการของลูก” เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ทุกๆคนที่ห้อมล้อมอยู่ในที่นั้น ต่างก็รับพร้อมกันว่า “ใช่  ใช่”

        มโหสถจึงกล่าวสรุปให้มหาชนได้ข้อคิด ว่า “ใช่แล้ว มารดาชื่อว่ารักบุตรอย่างสุดจิตสุดใจ ถึงคราวบุตรอยู่ดีมีสุข มารดาก็พลอยแช่มชื่นเบิกบานไปด้วย  แต่ครั้นบุตรมาเจ็บไข้ได้ป่วย ใจของมารดาก็เป็นทุกข์ร้อน ไม่สบายกายไม่สบายใจไปด้วย และดูเหมือนว่าจะทุกข์ยิ่งกว่าที่บุตรได้รับเสียด้วยซ้ำ และยิ่งมารดามีความรักบุตรมากเพียงใด ก็ยิ่งจะทวีความเศร้าโศกให้เพิ่มมากขึ้นเพียงนั้น” 

        เมื่อมโหสถเห็นว่าคนส่วนใหญ่ที่นั้นเริ่มเข้าใจนัยยะแล้ว จึงนำเข้าสู่ประเด็นของเรื่องเมื่อสักครู่ “แล้วบัดนี้ ท่านทั้งหลาย เห็นปรากฏเป็นเช่นไร” มโหสถซัก

        “ท่านทั้งหลายเห็นว่า ใครควรจะเป็นแม่ที่แท้จริงของเด็กน้อยกันเล่า หญิงที่แย่งไปได้ หรือหญิงที่ปล่อยเด็กแล้วยืนร้องไห้ฟูมฟายอยู่นั่น”

        “หญิงที่ปล่อยเด็กแล้วยืนร้องไห้นั่นแหละเป็นมารดาเด็ก” ฝูงชนกล่าวตอบเป็นเสียงเดียวกัน 
 
        “ถ้าเช่นนั้น” มโหสถกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแจ่มใส “ท่านทั้งหลาย ทราบชัดแล้วหรือยังว่า หญิงที่ได้เด็กไป เป็นผู้อ้างสิทธิ์ในทารกนั้นอย่างเลื่อนลอย

        “ข้อนั้นไม่อาจทราบชัด พวกเรายังไม่อาจตัดสินเช่นนั้นได้ พวกเราทราบแต่เพียงว่า หญิงนั้น คงไม่ใช่มารดาของเด็กแน่นอน
 
        “แน่ละ นางคนนี้มิใช่หญิงมนุษย์ดอก นางจะเป็นมารดาของเด็กได้อย่างไรกัน” มโหสถพูดพลางชี้มือไปที่นางยักษ์จำแลง “เพราะนางเป็นยักษิณีจะแย่งชิงเอาเด็กน้อยไปกินเป็นอาหาร” นางยักษ์ได้ยินเข้าเช่นนั้นก็สะดุ้งเฮือก ลดสายลงต่ำมิอาจสบตากับผู้คนได้ แต่นางจะยินยอมคืนเด็กให้แต่โดยดีหรือไม่นั้น โปรดติดตามตอนต่อไป


พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 

http://goo.gl/0UrY0


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 2 ต้นเหตุแห่งเภทภัย
      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 1 การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 202
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 201
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 200
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 199
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 198
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 197
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 196
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 195
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 194
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 193
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 192




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related