ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 124

พราหมณ์เกวัฏนั้น เมื่อไม่อาจทนฟังถ้อยคำเหล่านั้นได้ จึงรีบกราบทูลท้าวเธอด้วยน้ำเสียงอย่างหนักแน่นว่า “ขอเดชะมหาราชเจ้า ถ้าพระองค์เห็นว่า มโหสถเป็นบัณฑิต เพราะเหตุที่ฉลาดในการป้องกันมิถิลานคร ถ้าเช่นนั้นข้าพระพุทธเจ้าก็เป็นบัณฑิตเหมือนกัน เพราะอุบายที่จะโจมตีมิถิลานครของข้าพระองค์นั้นยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ ดอกพระเจ้าข้า https://dmc.tv/a4039

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ทศชาติชาดก > มโหสถบัณฑิต
[ 7 ก.ย. 2551 ] - [ ผู้อ่าน : 18266 ]
 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 124

   จากตอนที่แล้ว พราหมณ์เกวัฏ ออกอุบายคิดที่จะตัดเสบียงโดยห้ามมิให้ใครนำข้าวเข้าเมืองอย่างเด็ดขาด  มโหสถเมื่อทราบข่าวก็สั่งการให้ทหารระดมกำลังช่วยกันโกยเลนขึ้นไปถมบนกำแพง แล้วให้หว่านข้าวเปลือกลงในที่นั้น เพียงชั่วข้ามคืนเดียวข้าวเปลือกเหล่านั้นก็งอกงามขึ้น ชูใบเขียวชอุ่มเต็มตลอดแนวสันกำแพงเป็นที่น่าอัศจรรย์

    เมื่อพระเจ้าจุลนี ได้ทอดพระเนตรก็ทรงฉงนพระหฤทัยอย่างมาก อำมาตย์ซึ่งเป็นคนของ มโหสถ จึงถือโอกาสกราบทูลท้าวเธอว่า “มิถิลานครเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยธัญญาหารอย่างเหลือเฟือ ถึงขนาดว่าไม่มีที่จะเก็บ จนต้องแจกจ่ายให้ชาวเมืองไปบ้าง กองทิ้งริมทางบ้าง ข้าวเปลือกเหล่านั้นเมื่อถูกแดดเผาก็แห้ง ต่อมาได้รับน้ำฝน จึงได้งอกขึ้นเป็นข้าวกล้าอย่างที่เห็นนี่แหละ พระพุทธเจ้าข้า”

    พราหมณ์เกวัฏจึงคิดออกอุบายใหม่ว่า “ถึงแม้มิถิลานครจะมีข้าวมากมายแล้วก็ตาม แต่ถ้าขาดฟืนหุงต้มแล้วก็ไม่สามารถทำข้าวสารอาหารต่างๆให้สุกได้ ชาวเมืองจะต้องอดตายกันอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจึงปิดกั้นเส้นทาง มิให้ชาวเมืองที่อยู่นอกพระนครนำฟืนเข้าไปภายไปพระนครได้”

    พระเจ้าจุลนีทรงมีรับสั่งกับเหล่าทหารให้ทราบทั่วกันว่า “นับแต่นี้ไป จงเข้มงวดกวดขันมิให้ผู้ใดนำฟืนเข้าไปในเมืองได้เป็นอันขาด”

   แต่พอรุ่งขึ้นบนสันกำแพงเมืองมิถิลามีกองฟืนมาเรียงกองไว้อยู่ด้านหลังทิวแถวข้าวกล้า  มากมายก่ายกอง พวกทหารมิถิลานครจึงพากันพูดเยาะเย้าทหารของพระเจ้าจุลนีว่า พวกเจ้าจงอย่าได้หิวตายเสียก่อนเลย จงรับเอาฟืนเหล่านี้ไปหุงต้มอาหารกินให้อิ่มหนำเถิด” ว่าแล้วก็ช่วยกันขว้างดุ้นฟืนจากบนกำแพงลงไปกองอยู่ที่พื้นเป็นจำนวนมาก

    ฝ่ายพระเจ้าจุลนีทอดพระเนตรเห็นกองฟืนมหึมาสูงพ้นกำแพงเมือง จึงตรัสถามว่า “นั่นมันอะไรกัน”

    ผู้สืบราชการลับของมโหสถจึงกราบทูลท้าวเธอว่า “ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าได้ยินมาว่า มโหสถบัณฑิตเป็นผู้มองการณ์ไกล จึงให้คนขนฟืนมากองเก็บไว้ที่หลังเรือนของคนมีตระกูลทั่วพระนคร ส่วนฟืนที่กองไว้ริมกำแพงเมืองนั้น เห็นด้วยเกล้าว่าจะเป็นฟืนที่เหลือใช้ ดังนั้นไม่ว่าคนทั้งเมืองจะใช้สอยฟืนสิ้นเปลืองไปแค่ไหน ต่อให้ใช้อย่างนี้ไปอีกร้อยปีก็ยังไม่แน่ว่าจะหมด พระพุทธเจ้าข้า”

   พระเจ้าจุลนีได้สดับดังนั้น ก็ทรงระลึกถึงมโหสถบัณฑิตด้วยความขุ่นเคือง สีพระพักตร์หม่นหมอง สะท้อนถึงพระหฤทัยที่บัดนี้มีความหวั่นวิตกและทดท้อพระทัยระคนกัน 

    พราหมณ์เกวัฏเห็นพระอาการของพระองค์ไม่สู้ดีนัก จึงทูลปลอบพระทัยว่า “ขอเดชะ ฝ่าพระบาทอย่าได้ทรงวิตกพระทัยไปเลย ก็ม้าเชี่ยวศึกยังมิทันจะออกรบ แค่เพียงได้ยินเสียงกลองรบของข้าศึก ไยจะต้องหวั่นเกรงเล่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระองค์ทรงวางพระทัยเถิด อุบายอื่นยังพอมีอยู่นะ พระพุทธเจ้าข้า”

    พระเจ้าจุลนีเมื่อยังไม่อาจยึดมิถิลานครได้ตามที่ทรงปรารถนา ก็ให้ทรงรุ่มร้อนในพระหฤทัย ท้าวเธอจึงตรัสเป็นเชิงประชดว่า “ท่านอาจารย์ อุบายอะไรกันอีกเล่า จนป่านนี้เรายังไม่เห็นว่าอุบายของท่านจะสำเร็จเสียที  การศึกที่ยืดเยื้อเช่นนี้ ช่างน่าเบื่อหน่ายเสียจริง นี่ขืนเรายังเดินหน้าต่อไป มีหวังจะทัพปัญจาลนครคงเป็นฝ่ายอดตายกันพอดี ไม่เอาล่ะ เราจักกลับเมืองของเราดีกว่า”

    พราหมณ์เกวัฏได้ยินพระดำรัสของท้าวเธอเช่นนั้น ก็ให้หวนระลึกถึงสิ่งที่ตนได้กราบทูลทักท้วงพระองค์ในครั้งก่อน ซึ่งเหตุผลเหล่านั้นกลับถูกพระองค์ปฏิเสธจนหมด แต่เพราะพราหมณ์เกวัฏมีความจงรักภักดีต่อเจ้าเหนือหัวอย่างจริงใจ จึงหาได้มีความคิดที่จะทูลย้อนถ้อยร้อยความถึงเรื่องในอดีต เพราะตระหนักดีการทำเช่นนั้นย่อมไม่ก่อให้เกิดผลดีใดๆ นอกเสียจากความบาดหมางระหว่างกัน

   คิดดังนี้แล้ว พราหมณ์เกวัฏจึงได้กราบบังคมทูลพระเจ้าจุลนีเป็นเชิงยั่วให้พระองค์ทรงเกิดพระอุตสาหะคลายพระอาการท้อแท้ว่า “ขอเดชะพระจอมอธิราชผู้เป็นใหญ่เหนือชมพูทวีป บัดนี้พระอิสริยยศของพระองค์ปรากฏไปทั่วทุกแคว้นอย่างที่ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน ขอพระองค์ได้ทรงใคร่ครวญด้วยพระปรีชาญาณเถิดว่า ก่อนนี้กองทัพอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจุลนีพรหมทัตแห่งปัญจาลนคร พร้อมด้วยพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ ได้ยาตราทัพมหึมาเข้าล้อมมิถิลานครดูมืดฟ้ามัวดิน

    แต่ยังมิทันจะยึดมิถิลานครได้ ยังไม่อาจทำให้พระเจ้าวิเทหราชยอมสิโรราบลงแทบฝ่าพระบาทได้ แต่พระองค์กลับเป็นฝ่ายถอยทัพกลับไปเอง กิตติศัพท์อันระบือไปไกลเพียงใด ความอัปยศอดสูแก่กองทัพปัญจาล และที่ยิ่งไปกว่านั้น จักเป็นการเสื่อมเสียพระบรมเดชานุภาพของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเป็นอันมากทีเดียว พระพุทธเจ้าข้า”

   พระเจ้าจุลนีสดับคำทูลนั้นแล้ว ก็ตรัสด้วยทรงกังวลพระหฤทัยว่า “ก็เราจะทำอย่างไรได้เล่า ท่านอาจารย์ เราได้ยกทัพมาล้อมเมืองมิถิลานครไว้หลายวันแล้ว โจมตีก็ทำแล้ว อุบายปิดล้อมต่างๆ ก็ทำแล้ว แต่กลับไม่เป็นผลเลย มิหนำซ้ำ เรายังต้องสูญเสียกำลังทหารเป็นอันมาก อีกทั้งกำลังใจของในกองทัพก็เริ่มถดถอยลงทุกๆ วัน

   เพราะมโหสถได้เตรียมการป้องกันบ้านเมืองไว้อย่างเข้มแข็งถึงเพียงนี้ ไม่ว่าเราจะโจมตีด้วยวิธีใดๆ ก็ยังไม่เป็นผล ก็อย่างนี้สมควรแล้วที่จะเรียกว่า เป็นบัณฑิตผู้ฉลาดสามารถอย่างแท้จริง มีความคิดปรุโปร่งสามารถป้องกันมิถิลานครด้วยปรีชาสามารถอย่างเลิศ สมแล้วกับที่เป็นผู้สำเร็จราชการแห่งวิเทหรัฐ”

    การสรรเสริญมโหสถบัณฑิต ซึ่งเป็นคู่ปรับคนสำคัญของตนต่อหน้าต่อตา เป็นเหมือนพายุที่กระพือเชื้อเพลิงแห่งโทสะให้ลุกโหมเป็นกองไฟขนาดใหญ่ ประทุขึ้นในใจของพราหมณ์เกวัฏจนยากที่จะดับลงได้ง่ายๆ

    พราหมณ์เกวัฏนั้น เมื่อไม่อาจทนฟังถ้อยคำเหล่านั้นได้ จึงรีบกราบทูลท้าวเธอด้วยน้ำเสียงอย่างหนักแน่นว่า “ขอเดชะมหาราชเจ้า ถ้าพระองค์เห็นว่า มโหสถเป็นบัณฑิต เพราะเหตุที่ฉลาดในการป้องกันมิถิลานคร ถ้าเช่นนั้นข้าพระพุทธเจ้าก็เป็นบัณฑิตเหมือนกัน เพราะอุบายที่จะโจมตีมิถิลานครของข้าพระองค์นั้นยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ดอกพระเจ้าข้า

   ที่ไม่อาจสำแดงให้เห็นเด่นชัดได้ ก็เพราะมิถิลานครมิได้ยกพลออกมาต่อสู้ในสมรภูมิ เอาแต่หลบซ่อนแอบแฝงอยู่ในที่มั่น ยากแก่การหักโหมโรมรันเข้าไป แต่อย่างไรก็ตาม ข้าพระพุทธเจ้าคิดจักกระทำเลศประการหนึ่ง ที่สามารถเอาชนะมโหสถและยึดเมืองมิถิลานครมาให้ได้”

    เลศนั้นคืออะไร ทำไมพราหมณ์เกวัฏ ถึงมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะมโหสถบัณฑิตผู้มีปัญญามากได้อย่างที่คิด เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
 
 
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 

http://goo.gl/4k1ns


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 2 ต้นเหตุแห่งเภทภัย
      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 1 การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 202
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 201
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 200
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 199
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 198
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 197
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 196
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 195
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 194
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 193
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 192




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related