ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 129

มโหสถบัณฑิตจึงตอบพราหมณ์เกวัฏว่า “ท่านเกวัฏ ข้าพเจ้าน่ะ...ยังคิดถึงท่านอยู่เสมอ แต่เพราะยังหาสิ่งที่คู่ควรแก่ท่านยังไม่ได้ จึงต้องเสียเวลาเฟ้นหาของที่สมควรแก่ท่านอยู่นาน เหตุนี้จึงยังไม่ได้โอกาสมาหาท่านเสียที แต่วันนี้ข้าพเจ้าหาเครื่องบรรณาการที่สมควรได้แล้ว บัดนี้จึงถือโอกาสนำบรรณาการที่สูงค่านี้มามอบให้ท่าน” https://dmc.tv/a4163

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ทศชาติชาดก > มโหสถบัณฑิต
[ 26 ก.ย. 2551 ] - [ ผู้อ่าน : 18275 ]
ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 129
 
 
    จากตอนที่แล้ว พราหมณ์เกวัฏได้เห็นความงามสง่าองอาจของมโหสถ ก็รีบทักขึ้นก่อนว่า “ท่านมโหสถบัณฑิต เราทั้งสองต่างก็เป็นบัณฑิตเช่นเดียวกัน หลายวันมานี้ ข้าพเจ้ามาอาศัยท่านอยู่ ณ ที่นี้ แต่ท่านมิเคยเลยที่จะแสดงอัธยาศัยไมตรี แม้เพียงจะส่งบรรณาการมาให้เราสักชิ้นหนึ่ง อย่างน้อยก็เพื่อเป็นเครื่องต้อนรับตามวิสัยของบัณฑิตผู้ไม่ละเลยการปฏิสันถารต้อนรับ การที่ท่านทำเมินเฉยเช่นนี้ เป็นเพราะมีเหตุผลอย่างไร หรือว่ามีเหตุอันใดอย่างนั้นหรือ”
 
    มโหสถบัณฑิตจึงตอบพราหมณ์เกวัฏว่า “ท่านเกวัฏ ข้าพเจ้าน่ะ...ยังคิดถึงท่านอยู่เสมอ แต่เพราะยังหาสิ่งที่คู่ควรแก่ท่านยังไม่ได้ จึงต้องเสียเวลาเฟ้นหาของที่สมควรแก่ท่านอยู่นาน เหตุนี้จึงยังไม่ได้โอกาสมาหาท่านเสียที แต่วันนี้ข้าพเจ้าหาเครื่องบรรณาการที่สมควรได้แล้ว บัดนี้จึงถือโอกาสนำบรรณาการที่สูงค่านี้มามอบให้ท่าน”
 
    ว่าแล้วมโหสถก็ยื่นแก้วมณีนั้นให้แก่พราหมณ์เกวัฏ ทำทีเหมือนจะยื่นให้ แต่แล้วก็ทิ้งแก้วมณีนั้นให้ตกลงที่ปลายนิ้วของพราหมณ์เกวัฏ โดยมิให้ทันตั้งตัว ปรากฏว่าแก้วมณีตกกลิ้งไปหยุดอยู่ใกล้ฝ่าเท้าของมโหสถบัณฑิต พราหมณ์เกวัฏจึงรีบน้อมกาย ก้มลงเก็บแก้วมณีที่อยู่ตรงฝ่าเท้าของมโหสถบัณฑิตในทันที กิริยาอาการของพราหมณ์เกวัฏนั้น เมื่อมองจากที่ไกล จึงดูคล้ายกำลังก้มลงกราบมโหสถอย่างนอบน้อม
 
    มโหสถจึงรีบฉวยโอกาสนั้น จับคอเกวัฏไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งก็กดชายกระเบนเหน็บของเกวัฏไว้ บังคับให้ก้มลงอยู่กับที่ แล้วกล่าวขึ้นด้วยเสียงก้องกังวานว่า “ท่านปุโรหิต เชิญท่านลุกขึ้นเถิด ข้าพเจ้าเป็นเพียงเด็กคราวลูกคราวหลาน ท่านอย่าถึงกับต้องกราบไหว้ข้าพเจ้าเลย” ว่าแล้วก็กดคอพราหมณ์เกวัฏลง เอาหน้าผากถูไปมากับพื้นดิน จนเลือดไหลย้อยเป็นทาง เมื่อสาแก่ใจแล้วก็ผลักร่างของเกวัฏให้ถอยถลาไปอย่างไม่เป็นท่า ทันทีที่พราหมณ์เกวัฏผุดลุกขึ้นได้ ก็รีบเผ่นขึ้นม้า เตรียมจะควบหนี
 
    ฝ่ายพระเจ้าจุลนีพร้อมด้วยพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ทรงแน่พระทัยว่า พราหมณ์เกวัฏยอมไหว้มโหสถจริงๆ และหากเป็นดังนี้ ก็เท่ากับว่า กองทัพปัญจาลนครจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ตามเงื่อนไข พระราชาเหล่านั้นทุกพระองค์ ไม่เว้นแม้แต่พระเจ้าจุลนี ต่างก็ทรงกลัวว่า มโหสถบัณฑิตคงจะไม่ยอมไว้ชีวิตพระองค์เป็นแน่ ครั้นแล้วจึงต่างรีบเสด็จขึ้นม้าพระที่นั่งด้วยอาการลุกลี้ลุกลน เมื่อควบม้าได้ก็พากันหนีเอาตัวรอด รีบบ่ายหน้ากลับปัญจาลนครไปในทันทีโดยมิฟังเสียง
 
    พวกทหารฝ่ายมิถิลานครเห็นดังนั้นแล้ว ต่างก็โห่ร้องด้วยเสียงกึกก้องว่า “พระเจ้าจุลนีพร้อมด้วยเหล่าพระราชาทั้งหลายหนีไปแล้ว เร็วพวกเรา อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้” กระบวนทัพใหญ่จึงเกิดการชุลมุนวุ่นวาย หนีกระเจิงกันไปจนคุมทัพไม่อยู่ ต่างคนต่างหนีเอาตัวรอดแบบไม่คิดชีวิต เพราะเห็นเหล่าพระราชาหนีไปก่อนแล้ว ต่างก็หมดขวัญกำลังใจไปตามๆกัน จะได้ยินก็แต่เสียงของทหารฝ่ายมิถิลานครที่ยิ่งขู่ แกล้งบันลือเสียงเกรียวกราว โห่ร้องสำทับไล่หลังไปว่า “เฮ้ย...พวกปัญจาลนครหนีกันไปแล้วๆ เร็วพวกเรา รีบตามไปเร็ว อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้”
 
    มโหสถบัณฑิตเมื่อได้รับชัยชนะอย่างงดงามในสนามธรรมยุทธ์แล้ว ก็ได้เห็นความระส่ำระสายอย่างใหญ่หลวงของทัพปัญจาละเป็นขวัญตา แล้วนำขบวนทัพกลับเข้าสู่พระนคร โดยมิได้ติดตามกองทัพของพระเจ้าจุลนีไปแต่อย่างใด มหาชนชาวเมืองมิถิลานครต่างก็มาต้อนรับ แสดงความยินดีสรรเสริญกับมโหสถบัณฑิต ที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม สามารถเอาชนะพราหมณ์เกวัฏได้อย่างสวยสดงดงาม และสามารถทำให้กองทัพใหญ่ของพระเจ้าจุลนีหนีเตลิดเปิดเปิงอย่างไม่เป็นท่า
 
    จะเห็นได้ว่าผู้ที่มีสติปัญญา คิดวางแผนไตร่ตรองอย่างรอบคอบ แม้สถานการณ์ดูจะเป็นรองฝ่ายตรงข้ามก็ตาม แต่ก็สามารถพลิกกลับมากำชัยชนะได้ ด้วยอนุภาพแห่งสติปัญญาของมโหสถบัณฑิต
 
    ฝ่ายพราหมณ์เกวัฏ เมื่อพ้นจากเงื้อมมือของมโหสถมาแล้ว ก็รีบควบม้าหนีไปโดยเร็วทันที ในระหว่างนั้นก็พยายามเหลียวหน้าเหลียวหลัง แต่ก็กลับมองไม่เห็นพระเจ้าจุลนีจอมทัพแห่งปัญจาลนคร ทั้งพระราชาร้อยเอ็ดพระองค์ต่างก็หายพระพักตร์กันไปหมด ข้างหน้านั้นมีเพียงพลราบที่อยู่รั้งท้าย ต่างกำลังวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงอย่างไม่เป็นส่ำ
 
    พราหมณ์เกวัฏเห็นเหตุการณ์กลับตาลปัตรเช่นนั้น ก็ให้แค้นเคืองมโหสถเป็นกำลัง ยิ่งได้เห็นหยดเลือดที่ไหลย้อยเปื้อนใบหน้าของตน ความเจ็บแสบปวดช้ำจึงมิใช่หยุดอยู่แค่เพียงบาดแผลตรงหน้าผากเท่านั้น แต่มันกลับเสียดลึกไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ พราหมณ์เกวัฏเอามือเช็ดเลือดไปนั้น พร้อมกับความรู้สึกขุ่นเคืองคั่งแค้นที่อัดแน่นระคนอยู่ภายในใจจนแทบจะระเบิด
 
    ในเวลานั้น พระเจ้าจุลนีพร้อมด้วยพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ เสด็จรุดหน้าไปก่อนขบวนราบ ล่วงทางมาได้ไกลถึงสามโยชน์แล้ว ในขณะที่พราหมณ์เกวัฏเพิ่งจะควบม้าตามไปทันพวกพลราบที่อยู่รั้งท้าย พลางร้องตะโกนจนสุดเสียงว่า “ท่านทั้งหลายจะหนีไปทำไม จงเชื่อคำของข้าพเจ้าบ้างเถิด ข้าพเจ้ามิได้ไหว้มโหสถดอก หยุดเถิด...พวกท่านอย่าได้หนีไปเลย” ไม่ว่าเกวัฏจะตะโกนป่าวร้องอย่างไร แต่ความพยายามนั้นก็กลับไร้ผล ไม่มีใครสนใจคำร้องของพราหมณ์เกวัฏเลย
 
    ทุกคนยังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่ฟังเสียง มิหนำซ้ำยังตะโกนด่าทอเกวัฏโดยไม่มีความยำเกรงเช่นแต่ก่อนว่า “โธ่เอ๊ย...ไอ้พราหมณ์ชั่ว ไอ้คนสารเลว ดีแต่ประจบเจ้าเหนือหัว ก่อนนั้นมิใช่เจ้าดอกรึที่นั่งยันนอนยันว่า ธรรมยุทธ์ครั้งนี้...มโหสถจักต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แล้วใครกันที่ยอมสยบอยู่แทบเท้ามโหสถผู้เยาว์วัยคราวหลาน ดูเถิดช่างทำกันได้ ไม่อายบรรพชนเลยหรือไร”
 
    ต่างคนต่างตะโกนด่าไม่เป็นศัพท์สำเนียง มุ่งแต่จะเดินต่อไปอย่างเดียว จนพราหมณ์เกวัฏเริ่มหูชา เกวัฏเห็นอาการไม่สู้ดี จึงคิดว่า “หมดหนทางที่เราจะชี้แจงทหารชั้นเลวเหล่านี้ ต่อให้อธิบายสักเท่าใดก็คงจะไม่มีใครยอมฟัง อย่ากระนั้นเลย เราจะต้องติดตามเจ้าเหนือหัวไปให้ทัน หากได้กราบทูลอธิบายให้พระองค์ทรงทราบแล้ว เมื่อนั้นแหละ พระองค์ก็จะทรงมีพระบรมราชโองการประกาศให้ทุกคนถือปฏิบัติตาม”
 
    คิดดังนี้แล้ว พราหมณ์เกวัฏก็รีบควบม้าเร่งตามไป ไม่พะวงว่าใครจะคิดเช่นไร แม้จะถูกด่าทอไล่ตะเพิดด้วยถ้อยคำเจ็บๆแสบๆถึงเพียงนั้น ก็พยายามอดใจเสียกล้ำกลืนขมขื่นทนต่อถ้อยคำจ้วงจาบเหล่านั้น มุ่งหมายประการเดียวเท่านั้นคือ จะต้องตามเสด็จพระเจ้าจุลนีให้ทัน ส่วนว่าเมื่อพราหมณ์เกวัฏได้ควบม้าตามเสด็จทันแล้ว จะมีวิธีอธิบายให้พระเจ้าจุลนียอมรับฟังเหตุผลในการพ่ายแพ้ของตนในครั้งนี้ได้อย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

http://goo.gl/SVUU2


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 2 ต้นเหตุแห่งเภทภัย
      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 1 การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 202
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 201
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 200
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 199
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 198
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 197
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 196
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 195
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 194
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 193
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 192




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related