ทศชาติชาดกตอนที่ 143จากตอนที่แล้ว วันคืนล่วงไปนานนับแรมปี ภายหลังจากที่กองทัพฝ่ายปัญจาลนครเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ ต้องถอยหนีกลับมาอย่างไม่เป็นท่า เพราะอุบายอันแหลมคมของมโหสถบัณฑิตยามใด ที่พราหมณ์เกวัฏส่องดูใบหน้าของตนบนกระจก มองเห็นรอยแผลเป็นที่หน้าผากทีไร ก็ให้เป็นเดือดเป็นแค้น ถึงกับขบกรามแน่น แล้วเปล่งเสียงคำรามออกมาดังๆ ด้วยแรงแค้นแรงอาฆาตที่สุมแน่นอยู่เต็มหัวอก ครุ่นคิดอยู่ว่า เมื่อใดตนจึงจะสามารถแก้แค้นมโหสถได้สำเร็จ จึงได้วางแผนการที่จะฆ่าพระเจ้าวิเทหราชกับมโหสถ
โดยในที่สุดก็เห็นลู่ทางว่า “จะต้องล่อวิเทหราชและมโหสถเข้ามาสู่ในเมืองเราก่อน แล้วจับฆ่าเสีย” จึงรีบนำเรื่องนี้ขึ้นกราบทูลให้พระเจ้าจุลนีทรงทราบทันที พระเจ้าจุลนีได้ทรงสดับถ้อยคำอันเด็ดเดี่ยวของพราหมณ์เกวัฏแล้ว ก็ทรงสนพระทัย จึงตรัสว่า “ท่านอาจารย์ไหนลองบอกอุบายให้ฉันทราบสักหน่อยเถิด”“ขอเดชะ อุบายนี้สำคัญมาก ข้าพระพุทธเจ้าจะกราบทูลได้ ก็ต่อเมื่อข้าพระพุทธเจ้าได้อยู่กับพระองค์เพียงลำพังเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาความลับของเรารั่วไหลไปได้” พราหมณ์เกวัฏกราบทูล
“เออ...จริงสินะท่านอาจารย์ ครั้งนั้นความลับของเราก็เคยแพร่งพรายไปคราวหนึ่งแล้ว แต่ครั้งนี้หากระมัดระวังไว้ก่อนก็ดี ประวัติศาสตร์จะได้ไม่ซ้ำรอย ท่านอาจารย์จงเลือกเอาเถิด ท่านเห็นว่าที่ใดเหมาะสม ก็จงบอกเรามาเถิด”ครั้นแล้ว พราหมณ์เกวัฏก็ได้ทูลเชิญพระราชา ให้เสด็จขึ้นสู่ชั้นบนของพระมหาปราสาท อันเป็นห้องบรรทมของท้าวเธอ เมื่อเสด็จถึงห้องบรรทมแล้ว พราหมณ์เกวัฏได้เหลียวมองทั่วห้องแล้ว จึงกราบทูลว่า...“ที่นี่แหละพระพุทธเจ้าข้า จึงจะเป็นที่เร้นลับ เหมาะที่จะปรึกษาเรื่องนี้ได้”“แน่นอนสิท่านอาจารย์ ท่านจงวางใจเถิด ที่นอนของเราถึงอย่างไรก็คงไม่มีใครที่ไหน บังอาจละลาบละล้วงเข้ามาได้” พระเจ้าจุลนีตรัสยืนยันด้วยทรงมั่นพระทัย
ครั้นได้สถานที่ และโอกาสอันเหมาะสมแล้ว พราหมณ์เกวัฏจึงเริ่มกราบทูลอุบายของตนให้พระราชาทรงทราบ “ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าว่า จะต้องใช้อุบายล่อหลอกพระเจ้าวิเทหราชให้มายังปัญจาลนครของเรา จากนั้นจึงค่อยปลงพระชนม์พระองค์ พร้อมกับกำจัดมโหสถเสียในที่นี่แหละ พระพุทธเจ้าข้า”“อุบายของท่านก็น่าฟังอยู่ เราเห็นด้วยในหลักการ แต่ในทางปฏิบัติ เรายังมองไม่เห็นเลยว่า จะมีวิธีใดที่จะล่อหลอกพระเจ้าวิเทหราชออกมาได้” พระเจ้าจุลนีตรัสทักท้วงขึ้นในทันที“มีหนทางแน่นอน พระพุทธเจ้าข้า” พราหมณ์เกวัฏกราบทูลรับรอง“จะเป็นไปอย่างไร ในเมื่อพระองค์ก็ทรงรู้ทั้งรู้ว่า ปัญจาลนครเป็นปฏิปักษ์กับมิถิลานครมาก่อน ที่ไหนศัตรูคู่ศึกอย่างวิเทหราชและมโหสถจะยอมมาให้เราบั่นคอถึงที่นี่ ยิ่งคนฉลาดอย่างมโหสถด้วยแล้ว ไม่มีทางมาเป็นอันขาด” ท้าวเธอทรงแย้งด้วยยังไม่ทรงมั่นพระทัยนัก“ต้องมาแน่นอน พระพุทธเจ้าข้า” เกวัฏกราบทูลยืนยันอย่างมั่นใจ แล้วค่อยๆเผยแผนการของตนด้วยข้ออุปมาที่น่าฟังว่า “ธรรมดาปลาทั้งหลายเห็นเหยื่ออันมีรสโอชะแล้ว ก็จักต้องแล่นเข้าฮุบเหยื่อ ไม่มีปลาตัวใดที่ไม่ปรารถนาจะกินเหยื่อ ฉะนั้นขอพระองค์ทรงเป็นเช่นนายพรานเบ็ด ส่วนข้าพระองค์จะอาสาเป็นสายเบ็ด เราจะร่วมกันล่อปลาโง่ให้มาติดเบ็ด ด้วยเหยื่อล่อ คือ กามคุณ พระพุทธเจ้าข้า”“ที่ว่าอาศัยกามคุณเป็นเหยื่อล่อน่ะ ท่านหมายความว่าอย่างไร”“ขอเดชะ เรื่องนี้ไม่ยากเลย พระพุทธเจ้าข้า ก็พระราชธิดาปัญจาลจันทีของพระองค์ ทรงพระสิริโฉมงดงามยิ่งนัก ถ้าอย่างไร...” พราหมณ์เกวัฏกราบทูลยังไม่ทันจบ พระเจ้าจุลนีก็ทรงกริ้วขึ้นมาทันที ตรัสด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า...“หยุดเสียเถอะท่านอาจารย์ ท่านจะให้เราเอาธิดาของเราไปล่อข้าศึกอย่างนั้นหรือ ท่านดูหมิ่นเรามากไปแล้ว ขัตติยวงศ์ของเราไม่เคยทำเช่นนั้น หากท่านพูดไม่เข้าหูเราอีก เราจะตัดหัวท่านเสีย”พราหมณ์เกวัฏ ยังคงกราบทูลต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน “ข้าแต่มหาราชเจ้า ขอพระองค์อย่าเพิ่งทรงพิโรธไปเลย โปรดฟังข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลให้จบเสียก่อน หากว่าไม่เป็นที่พอพระทัย ข้าพระพุทธเจ้ายอมถวายชีวิต พระพุทธเจ้าข้า”
“ท่านมีเหตุผลอย่างไรก็จงว่าไป”พระองค์ตรัสด้วยพระสุรเสียงขุ่น เหมือนยังไม่ทรงสบายพระทัยเท่าใดนักพราหมณ์เกวัฏ จึงกราบทูลอธิบายต่อไปว่า “ขอใต้ฝ่าละอองธุลีบาท โปรดทรงพิจารณาด้วยพระปรีชาญาณอันสุขุมเถิดว่า หากพระเจ้าวิเทหราชได้สดับข่าวว่า พระเจ้าจุลนีพรหมทัตแห่งปัญจาลนคร มีพระราชธิดาผู้เลอโฉมราวเทพอัปสร ยากจะหาผู้ใดทั่วชมพูทวีปเหมาะสมที่จะเป็นคู่ครองของพระนาง เว้นเสียแต่พระเจ้าวิเทหราชเท่านั้น...เมื่อนั้น พระเจ้าวิเทหราชจะทรงรู้สึกเช่นไร ดวงเนตรของพระองค์จะมิเบิกกว้างด้วยแรงสิเน่หาในตัวพระนางดอกหรือ และยิ่งได้ทราบว่าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทมุ่งหมายที่จะพระราชทานพระราชธิดาให้แด่พระเจ้าวิเทหราช เพื่อเป็นการลบล้างข้อที่เคยเป็นศัตรูคู่ศึกกันมาแต่ดั้งเดิม และเพื่อผูกสัมพันธไมตรีต่อกันด้วยความจริงใจ เหมือนสายโซ่ทองที่คล้องกระชับแน่น พระวิเทหราชจะยิ่งทรงปลาบปลื้มเพียงใด พระองค์จะทนนิ่งเฉยต่อข้อเสนอดีๆเช่นนี้ ได้หรือพระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าจุลนีทรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตรัสถามว่า “เออ...ฟังดูเข้าทีนะท่านอาจารย์ แต่ท่านอาจารย์ลืมไปแล้วหรือว่า บัดนี้วิเทหราชยังมีพระมเหสีอุทุมพรเทวีเป็นยอดดวงใจ พระนางนั้นเล่าก็สมบูรณ์ด้วยพระสิริและเปี่ยมด้วยสติปัญญา ไฉนวิเทหราชจึงจะมาลุ่มหลงในธิดาของเรา ถึงกับยอมเสด็จมาปัญจาลนคร เพราะนั่นเท่ากับยื่นคอมาหาดาบ ท่านว่าจริงไหม”
“แต่ข้าพระองค์ว่า ถ้าวิเทหราชนั่นมีปีก เช่น ปักษาปักษี พระองค์ก็คงบินมาทันทีที่ทราบข่าวเสียด้วยซ้ำไป เพราะความงดงามนั้นแม้ว่าจะงามปานกัน แต่โอชารสแห่งพระกระยาหารเก่าหรือจะสู้พระกระยาหารใหม่ได้ อีกประการหนึ่ง พระมเหสีที่ทรงมีอยู่แล้วนั้น ก็เป็นเหมือนของเก็บตกที่ถูกยกยอขึ้น ถ้าว่าโดยสกุลแล้วก็เป็นเพียงแค่สามัญชนธรรมดา และจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่อาจให้กำเนิดทายาทสืบราชบัลลังก์วิเทหรัฐได้...ส่วนพระนางปัญจาลจันทีของเรานี่สิ เป็นขัตติยาณียอดธิดากษัตริย์โดยแท้ พระเจ้าวิเทหราชซึ่งเป็นเช่นปลาโง่ที่กำลังหิวเหยื่อ เมื่อพรานเบ็ดหย่อนสายเบ็ดลงต่อหน้า ที่ไหนจะยอมหยุดยั้งไม่ฮุบกินเหยื่อนั่นเล่า และแน่นอน เมื่อวิเทหราชจะต้องมาปัญจาลนคร เจ้ามโหสถนั่นก็จะต้องตามมาด้วย เหมือนหางปลาที่ต้องตามติดตัวปลามา คอยโบกสะบัดคัดท้ายให้ปลาว่ายไปว่ายมาได้ ขอใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท โปรดทรงพิจารณาดูก็จะทรงเห็นว่า หลังศัตรูกำลังปรากฏให้ทอดพระเนตรอยู่ไวๆแล้วมิใช่หรือ พระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าจุลนีทรงสดับถ้อยแถลง อันยืดยาวของพราหมณ์เกวัฏ อย่างสนพระทัย และดูเหมือนว่าจะทรงเห็นคล้อยตามอุบายของเกวัฏไปเสียทุกอย่าง ทั้งนี้เพราะความแค้นนั้นยังปรากฏอยู่ในพระหทัยมิรู้หาย ดังนั้นถ้าจะมีช่องทางใดที่จะทรงแก้แค้นได้ พระองค์ก็ย่อมจะเห็นด้วยเป็นธรรมดา“เฉียบขาดมากท่านอาจารย์ อุบายของท่านช่างเยี่ยมยอดจริงๆ” ท้าวเธอตรัสชมด้วยทรงพอพระทัย “เราชักอยากจะเห็นหน้าศัตรูเร็วๆเสียแล้วล่ะ คราวนี้จะได้เห็นกันว่า วิเทหราชและมโหสถจะทำหน้าอย่างไร เมื่อตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของเรา”
แต่ว่าความลับทั้งหมดนี้ พระองค์ทรงลืมไปสนิทว่า ในห้องพระบรรทมนั้น นอกจากพระองค์และพราหมณ์เกวัฏแล้ว ยังมีนางนกสาลิกาที่พระองค์ทรงเลี้ยงไว้ประจำห้องพระบรรทมอยู่ตัวหนึ่ง ถึงมันจะมิใช่มนุษย์ แต่ก็สามารถเข้าใจเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์สื่อสารกัน เพราะเหตุนั้น สิ่งที่พราหมณ์เกวัฏได้กราบทูลพระเจ้าจุลนีแล้ว จึงมิใช่ความลับที่รู้กันเพียงลำพังสองคนอีกต่อไป ส่วนว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไปพระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-4517.png)
http://goo.gl/cVhcH