จากตอนที่แล้ว นับแต่วันแรกที่มโหสถได้เข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในดินแดนของฝ่ายศัตรู ก็มิได้นิ่งนอนใจ คอยเฝ้าสังเกตเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นภายในพระนครอยู่ตลอดเวลา กระทั่งรู้หมดว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้วางแผนรับมือศัตรูได้ทันท่วงที
วันหนึ่ง มโหสถขึ้นไปสู่พระราชนิเวศน์ที่ประทับของพระเจ้าจุลนี ขณะหยุดยืนอยู่ตรงเชิงบันไดพระมหาปราสาท เกิดความคิดขึ้นมาว่า “เราควรสร้างประตูอุโมงค์ขึ้นตรงเชิงบันไดนี่แหละ แต่หากไม่รองพื้นบันไดเสียก่อน เวลาขุดอุโมงค์มาถึงตรงนี้ บันไดก็จะทรุดลงมาจนผิดสังเกต ถ้าได้ลาดกระดานใหญ่ๆรองรับเชิงบันไดก็ไม่มีทางทรุด อีกทั้งยังจะช่วยพรางตาให้ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ทางลับใต้ดินนี้ได้”มโหสถจึงเข้าเฝ้าเพื่อทูลเสนอเรื่องนี้แด่พระเจ้าจุลนีทันทีว่า “ขอเดชะมหาราชเจ้า ข้าพระองค์เห็นข้อบกพร่องที่ตรงเชิงบันไดที่ทอดลงกับพื้นดินนั้น ไม่มีสิ่งใดรองรับอยู่เลย หากปล่อยไว้เช่นนี้ ไม่ช้าบันไดก็คงต้องพังลงมาอย่างแน่นอน พระพุทธเจ้าข้า”พระเจ้าจุลนีมีรับสั่งว่า “เชิญเถิดพ่อบัณฑิต เธอจงช่วยจัดการไปตามที่เห็นสมควรเถิด” มโหสถจึงได้ดำเนินการตามแผนของตนทันทีวันรุ่งขึ้น มโหสถเข้าเฝ้าพระเจ้าจุลนีอีกครั้ง เพื่อกราบทูลขอพระราชทานที่ว่างสำหรับสร้างพระราชนิเวศน์ถวายแด่พระเจ้าวิเทหราช พระเจ้าจุลนีทรงดีพระทัยอยู่ว่าเหยื่อกำลังใกล้เข้ามาติดกับดักแล้ว จึงมิได้ทรงเฉลียวพระทัยแม้แต่น้อย ได้ตรัสว่า “เอาสิ พ่อบัณฑิต เราอนุญาต”“พระองค์ทรงเห็นว่าสถานที่ใดจึงจะควร พระพุทธเจ้าข้า” มโหสถทูลถามพระเจ้าจุลนีทรงพระสรวลเบาๆ พลางตรัสว่า “จะยากอะไรกันเล่า เว้นแต่ที่อยู่ของฉันเท่านั้นล่ะ นอกนั้นในเขตพระนครนี้ทั้งหมด หากเธอต้องการจะสร้างในที่ใดก็สุดแล้วแต่เธอ จงเลือกเอาตามความชอบใจเถิด”
มโหสถทูลถามว่า “ข้าแต่มหาราชเจ้า พวกข้าพระองค์เป็นเพียงอาคันตุกะของพระองค์ ถ้าขืนไปยึดเอาที่ทางของข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่เข้า ใครเล่าเขาจะยอม ข้าพระองค์เกรงว่าจะต้องทะเลาะวิวาทกันเสียเปล่าๆ ถึงตอนนั้นข้าพระองค์จะไปทำอะไรได้”“ก็ในเมื่อเราเป็นผู้อนุญาตเอง เธอก็ไม่จำเป็นต้องฟังเสียงใครทั้งนั้น เราให้สิทธิ์ขาดแก่เธอ หากชอบใจที่ใด ก็สามารถเลือกเอาได้ตามที่เธอเห็นสมควร” พระเจ้าจุลนีตรัสด้วยพระสุรเสียงหนักแน่น คล้ายกับจะบอกว่าพระองค์เป็นผู้มีพระหทัยกว้างขวางไม่มีประมาณมโหสถทูลแย้งในทันทีว่า “ช้าก่อนพระพุทธเจ้าข้า ข้าพระองค์ยังกลัวอยู่ว่าพอเอาเข้าจริงๆ พวกที่ได้รับความเดือดร้อนเพราะถูกรื้อถอนเรือนไป ก็คงแห่กันมาทูลฟ้องร้องเรื่องนี้กับพระองค์บ่อยๆ พระองค์ก็จะไม่ทรงสำราญพระทัย เพราะถูกรบกวนพระทัยไม่มีที่สิ้นสุด แม้ข้าพระองค์เอง เมื่อจะทำสิ่งใดๆ ก็จะทำได้ไม่เต็มที่นัก เมื่องานของข้าพระองค์สะดุด การทูลเชิญเสด็จพระราชาวิเทหราชมายังปัญจาลนครก็จะพลอยล่าช้าไปด้วย พระพุทธเจ้าข้า”
“ถ้าเช่นนั้น เธอต้องการจะให้เราทำอย่างไร จงบอกมาอย่าได้เกรงใจเลย” พระองค์ตรัสถามตรงๆมโหสถมิได้รีรอ รีบฉวยโอกาสนั้นทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตทันที “หากว่าพระองค์จะทรงพระกรุณา ก็ขอได้โปรดอนุญาตให้ข้าพระองค์ สามารถจัดคนของข้าพระองค์เฝ้าอารักขาประจำประตูพระราชวังทุกประตู ไปจนกว่าข้าพระองค์จะได้สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับสร้างพระราชวัง เมื่อนั้นจึงค่อยถอนกำลังของข้าพระองค์ออกไป พระพุทธเจ้าข้า”“อืมม์...ก็ดีเหมือนกัน หากตัดความรำคาญไปได้ ก็จะได้สบายใจกันทั้งสองฝ่าย”พระเจ้าจุลนีทรงรู้จักมโหสถบัณฑิตน้อยไป พระองค์จึงยังไม่รู้เท่าทันอุบายของมโหสถ ดังนั้นเมื่อมโหสถทูลขอ พระองค์จึงตรัสอนุญาตอย่างง่ายดาย โดยมิได้ทรงระแวงอะไรเลย จึงเป็นอันว่าแผนการขั้นต่อมาของมโหสถก็สำเร็จลงง่ายดาย โดยที่พระเจ้าจุลนีมิได้ทรงคลางแคลงสงสัยใดๆเลย ตรงข้ามกลับทรงเข้าพระทัยว่ามโหสถทูลขอโอกาสเช่นนี้ เพราะมีความห่วงใยพระองค์อย่างแท้จริงเมื่อได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตดังนั้น มโหสถจึงไม่รอช้า รีบดำเนินการเปลี่ยนแปลงตามแผนของตนทันที มโหสถสั่งให้ปลดทหารเฝ้าประตูชุดเดิมออกแล้วให้คนของตนมารับหน้าที่แทน ทั้งที่เชิงบันได หัวบันได ประตูใหญ่และประตูน้อย พร้อมสั่งการว่า “พวกเจ้าจงระวังให้ดี อย่าให้ใครเข้าเฝ้าพระเจ้าจุลนีได้เป็นอันขาด”
จากนั้น มโหสถก็ได้เรียกสั่งช่างของตนมา ออกอุบายให้คนเหล่านั้น พากันไปที่พระตำหนักของพระนางสลากเทวี พระราชมารดาของพระเจ้าจุลนี แล้วทำทีว่าจะรื้อพระตำหนักของพระนางออกก่อนเป็นหลังแรกพวกช่างเหล่านั้น เมื่อได้รับคำสั่งก็พากันเตรียมเครื่องมือให้พร้อม แล้วรีบไปรื้อพระตำหนักของพระนางสลากเทวีทันที ขณะที่ช่างเหล่านั้นเริ่มลงมือรื้ออิฐและขุดดินที่บริเวณซุ้มประตู พระนางสลากเทวีได้สดับข่าวจากพวกนางข้าหลวงว่ามีคนมารื้อพระตำหนัก ก็ทรงตกพระทัยยิ่งนัก จึงรีบเสด็จออกมาโดยเร็ว รับสั่งถามด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า “ช้าก่อนพ่อคุณ มาทำอะไรกันถึงที่นี่ ไม่รู้หรือว่านี่เป็นตำหนักของเรา”ช่างเหล่านั้นตอบเหมือนไม่ใส่ใจว่า “ท่านมโหสถบัณฑิตสั่งให้รื้อ เพื่อจะสร้างวังถวายพระราชาของพวกเรา”“ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องรื้อดอก เชิญพระองค์มาประทับด้วยกันในตำหนักนี้ก็แล้วกัน” พระนางตรัสเอาใจ“ไม่ได้หรอก” ช่างเหล่านั้นปฏิเสธทันควัน “ไพร่พลที่ติดตามพระองค์มามีมากโข ตำหนักเล็กๆแค่รูหนูจะไปพออยู่ได้อย่างไร พระราชนิเวศน์ที่ท่านมโหสถดำริจะสร้างทับในที่นี้น่ะ ใหญ่โตมโหฬารกว่านี้หลายเท่านัก ฉะนั้นจะต้องรื้อเท่านั้น ไม่รื้อไม่ได้”
พระนางสลากเทวีสดับดังนั้น ก็ทรงกริ้วเป็นกำลัง ตรัสว่า “พวกเจ้าไม่รู้จักข้าเสียแล้ว ข้าเป็นพระมารดาของพระเจ้าจุลนีนะจะบอกให้ เอาเถอะ ข้าจะไปหาลูกข้าเดี๋ยวนี้ล่ะ แล้วพวกเจ้าจะได้รู้กัน”เมื่อการเจรจาของพระนางสลากเทวี ไม่สามารถทำให้พวกช่างเหล่านั้นหยุดรื้อพระตำหนักได้ พระนางจึงตัดสินใจไปฟ้องพระเจ้าจุลนี แต่ว่าพระนางสลากเทวีจะสามารถเสด็จผ่านทหารอารักขา ประจำประตูพระราชวังของมโหสถไปได้หรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปพระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-4829.png)
http://goo.gl/Gwv4Z