จากตอนที่แล้ว มโหสถได้คุกเข่าลงต่อเบื้องพระพักตร์ของพระเจ้าจุลนี แล้วทูลว่า “ข้าแต่มหาราชเจ้า หม่อมฉันขอประทานอภัยที่ต้องทำเช่นนี้ หากพระองค์ปรารถนาจะฆ่าหม่อมฉัน ก็จงฆ่าหม่อมฉันด้วยดาบเล่มนี้ แต่หากพระองค์ประสงค์จะพระราชทานอภัยโทษให้แก่หม่อมฉัน ก็ขอได้ทรงประทานให้ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า” จากนั้น มโหสถก็น้อมเอาพระขรรค์ถวายแด่พระเจ้าจุลนีพระเจ้าจุลนี ตรัสด้วยพระสุรเสียงอ่อนโยนว่า “พ่อบัณฑิต จงลุกขึ้นเถิด ฉันให้อภัยเธอแล้ว เธออย่าได้คิดอะไรเลย” แล้วทั้งสองต่างจับพระขรรค์ร่วมกัน แล้วกระทำสัตย์ปฏิญาณต่อกันและกันว่า “นับแต่นี้ไป เราทั้งสองจะไม่ขอประทุษร้ายต่อกันอีกตราบชั่วชีวิต”จากนั้น มโหสถจึงเปิดไกยนต์ที่ควบคุมประตูอุโมงค์ทั้งหมด เหล่าพระราชาที่ติดอยู่ภายในอุโมงค์ต่างก็ดีใจแล้วตรัสขอบคุณมโหสถ ที่ช่วยให้รอดจากมรณภัยในครั้งนี้
มโหสถกราบทูลว่า “ข้าแต่มหาราช พระองค์ทั้งหลายโปรดอย่าทรงเข้าพระทัยว่า หม่อมฉันช่วยชีวิตพระองค์ไว้เฉพาะในครั้งนี้เท่านั้น เพราะแม้ในครั้งก่อนก็เช่นเดียวกัน คือ ในครั้งที่พระเจ้าจุลนีทรงจัดพิธีดื่มฉลองชัยบาน แล้วคิดจะปลงพระชนม์พระองค์ทั้งหมด เพราะปรารถนาจะครองความเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียว พระองค์จึงสั่งให้จัดสุราเจือยาพิษ เตรียมไว้ให้ทุกๆพระองค์ทรงดื่มฉลองร่วมกัน หม่อมฉันทราบเรื่องนี้ จึงได้ส่งคนเข้าไปทำลายพิธีนั้นเสีย ทุกพระองค์จึงรอดพระชนม์มาได้จนถึงบัดนี้อย่างไรล่ะ พระเจ้าข้า”