ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 14

มาตลีเทพสารถีนำทิพยานแล่นผ่านประตูเทพนคร นำพระเจ้าเนมิราชชมความงามไปเรื่อยๆ พร้อมกับพรรณนาความงดงามตระการตาของดาวดึงส์แดนสวรรค์ไปไม่ขาดสาย https://dmc.tv/a1991

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ทศชาติชาดก > พระเนมิราช
[ 20 มิ.ย. 2550 ] - [ ผู้อ่าน : 18274 ]
 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  เนมิราช   ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี  ตอนที่ 14
 

        จากตอนที่แล้ว มาตลีเทพสารถีได้ทูลเล่ากุศลกรรมของเหล่านางเทพอัปสรว่า   พวกนางได้เกิดเป็นอุบาสิกาอยู่ในกรุงพาราณสี ในสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้มีศีล   ยินดีในการบำรุงภิกษุสงฆ์ด้วยปัจจัย ๔ จึงมาบันเทิงอยู่ ณ วิมานอันน่ารื่นรมย์นี้

        จากนั้นเทวรถมาถึงวิมานแก้วมณี  ปรากฏเหล่าเทพบุตรที่มีรูปร่างงดงาม มีรัศมีกายสว่างไสวกว่าเทพบุตรเหล่าอื่น  ละลานไปด้วยการฟ้อนรำขับร้อง เป็นที่สนุกสนานครื้นเครง ได้ทรงทราบจากมาตลีว่า เขาเคยเป็นอุบาสกผู้มีศีล  ได้สร้างอาราม  ได้ปฏิบัติบำรุงพระอรหันต์โดยเคารพ 

        ถัดจากนั้นก็มาถึงวิมานแก้วผลึก ที่ประดับด้วยยอดมากมาย  มีป่าไม้ทิพย์ที่ออกดอกต่างๆ กัน ประดับด้วยสระน้ำที่มีน้ำใสสะอาด  มีหมู่นางเทพอัปสรแวดล้อม  ด้วยบุญที่เกิดเป็นคฤหบดีในมิถิลานคร  ได้สร้างอาราม  บ่อน้ำ  สระน้ำ ทั้งได้ปรนนิบัติพระอรหันต์ และรักษาอุโบสถศีล

        ต่อมาทิพยานก็มาถึงวิมานทองที่ดาษดื่นไปด้วยดอกไม้ทิพย์มากยิ่งกว่าวิมานก่อนๆ  สมบูรณ์ด้วยสุธาโภชน์อันเป็นทิพย์  มีหมู่เทพอัปสรฟ้อนรำขับกล่อม  มีผลไม้ทิพย์ออกผลตลอดทุกฤดูกาล  เทพบุตรผู้เป็นเจ้าของวิมาน ได้เคยสร้างอาราม  สระน้ำและสะพาน  ทั้งได้ถวายจีวร  ภัตตาหาร คิลานเภสัช  และเสนาสนะด้วยจิตที่เลื่อมใส

        พระเจ้าเนมิราชทรงเบิกบาน  เสด็จมาถึงวิมานทองที่มีรัศมีงดงาม ตระการตาด้วยสมบัติอันเป็นทิพย์ที่มากมายสุดประมาณ  ได้ทรงทราบจากมาตลีว่า  เทพบุตรเจ้าของวิมาน  ได้เคยถวายภัตตาหารแด่ภิกษุสงฆ์ บริจาคเงินเพื่อสร้างที่พักสงฆ์  ถวายจีวร คิลานเภสัชและรักษาอุโบสถศีล

        ย้อนกลับมาที่ ท้าวสักกะจอมเทพราชันย์ทรงรอคอยอยู่อีกเนิ่นนาน  ก็ยังไม่ปรากฏเทวรถที่ไปรับพระเจ้าเนมิราช ทรงสงสัยอยู่ว่า  ทำไมมาตลีถึงได้ชักช้าเสียเวลานัก  ทั้งเหล่าทวยเทพก็รอคอยการเสด็จมาของพระเจ้าเนมิราชอย่างใจจดใจจ่อ   จึงทรงส่งเทพบุตรผู้ว่องไวอีกองค์หนึ่งให้รีบไปตามมาตลีมาโดยด่วน    น้อมรับเทพบัญชาแล้ว เทพบุตรองค์นั้นก็ด่วนไปแจ้งแก่มาตลีในทันที

        มาตลีเทพสารถีคิดว่า เราจะชักช้าไม่ได้อีกแล้ว    จึงใช้เทวานุภาพของตนบันดาลให้พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรเห็นวิมานต่างๆ  พร้อมกัน  เช่นวิมานทองที่ลอยอยู่ในอากาศมีความรุ่งเรือง  ซึ่งเจ้าของวิมานมีฤทธิ์มากมีหมู่นางอัปสรห้อมล้อม    เพราะอดีตเจ้าของวิมานได้เคยเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  มีศรัทธา ตั้งมั่นอยู่ในพระสัทธรรม  พร้อมทั้งได้ปฏิบัติตามคำสอนของพระศาสดา  กอปรกับเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์  ปฏิบัติธรรมได้บรรลุโสดาปัตติผล   ละร่างมนุษย์แล้ว  จึงมาเพลิดเพลินอยู่ในวิมานหลังนี้
 
        หลังจากเยี่ยมชมวิมานทองหลายหลากมากมายของเหล่าเทพบุตรเทพธิดาจนพอสมควรแก่เวลาแล้ว  มาตลีเทพสารถีจึงได้ทูลถามว่า  “ข้าแต่มหาราชเจ้า  พระองค์ทรงทอดพระเนตรที่อยู่ของเหล่าสัตว์นรก ทรงทราบสถานที่อยู่ของผู้มีกรรมลามกทั้งหลายแล้ว  และตอนนี้พระองค์ก็ได้ทอดพระเนตรวิมานที่ลอยอยู่ในอากาศเหล่านี้  ได้ทรงทราบสถานที่อยู่ของบุคคลผู้มีกุศลกรรมอันดี ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมอันประจักษ์อยู่เป็นอย่างดีแล้ว  ตอนนี้เป็นเวลาอันสมควรยิ่งแล้ว พระเจ้าข้า ที่จะได้เสด็จไปสู่สำนักของท้าวสักกเทวราช  ผู้เป็นประมุขของเหล่าเทพของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์   จึงขอเชิญเสด็จในบัดนี้เถิด  พระเจ้าข้า”

        ครั้นทูลเชิญเสด็จอย่างนี้แล้ว  มาตลีเทพสารถีก็ขับรถต่อไป  ให้ทอดพระเนตรภูเขาสัตตปริภัณฑ์ ทั้ง ๗ ลูก ซึ่งตั้งล้อมรอบภูเขาสิเนรุ เป็น ๗ ชั้น

        พระเจ้าเนมิราชทรงเห็นภูเขาเหล่านี้ที่ตั้งวนรอบเป็นชั้นๆ คั่นในระหว่างด้วยมหาสมุทรสีทันดร ซึ่งเล่ากันสืบมาว่า  น้ำในมหาสมุทรสีทันดรนี้ละเอียดมาก  แม้ขนหางนกยูงที่เบาฟ่องซึ่งควรจะลอยอยู่เหนือผิวน้ำ แต่ขนหางนกยูงนั้นกลับจมลงเมื่อวางลงบนผืนน้ำของมหาสมุทรสายนี้ 

        ท้าวเธอยังไม่ทรงทราบว่า เป็นสถานที่แห่งใด จึงตรัสถามถึงชื่อของภูเขาเหล่านั้น  มาตลีเทพสารถีจึงกราบทูลว่า  “ข้าแต่พระจอมประชา ภูเขาใหญ่ทั้ง ๗  นั้น  มีชื่อว่า  ภูเขาสุทัสสนะ  ภูเขากรวีกะ   ภูเขาอิสินธระ   ภูเขายุคันธระ   ภูเขาเนมินธระ  ภูเขาวินตกะ  และภูเขาอัสสกัณณะ  

        ภูเขาทั้งหมดนี้กั้นกลางด้วยมหาสมุทรสีทันดร  ซึ่งเป็นที่สถิตของท้าวจาตุมหาราช หรือท้าวจตุโลกบาล  ซึ่งประกอบด้วย 
ท้าวธตรฐมหาราช  ประจำทิศตะวันออก 
ท้าววิรุฬหกมหาราช ประจำทิศใต้
ท้าววิรูปักษ์มหาราชประจำทิศตะวันตก 
และท้าวเวสวัณมหาราช  ประจำทิศเหนือ 

        เชิญพระองค์ทอดพระเนตรเถิด พระเจ้าข้า   ข้าพระองค์จะนำให้ทรงทัศนาตามลำดับ”

        ขณะนำเสด็จก็ได้กราบทูลต่อว่า  “ข้าแต่มหาราชเจ้า  ภูเขาสุทัสสนะ  จะตั้งอยู่ภายนอกภูเขาเหล่านั้นทั้งหมด ถัดมาก็จะเป็นภูเขากรวีกะ   ภูเขากรวีกะนี้  จะสูงว่าภูเขาสุทัสสนะ ทะเลสีทันดรก็จะอยู่ระหว่างภูเขา ๒ ลูกนี้   ถัดจากภูเขากรวีกะ ก็จะเป็นภูเขาอิสินธระ  ถัดจากภูเขาอิสินธระ ก็จะเป็นภูเขายุคันธระ  ถัดจาก ภูเขายุคันธระ ก็จะเป็นภูเขาเนมินธระ  ถัดจากภูเขาเนมินธระ ก็จะเป็นภูเขาวินตกะ   ถัดจากภูเขาวินตกะก็จะเป็นภูเขาอัสสกัณณะ   ทะเลสีทันดรก็จะอยู่ระหว่างกลางคั่นภูเขาทุกลูกเอาไว้ โดยภูเขาที่อยู่ถัดเข้าไปจะสูงขึ้นไปตามลำดับ ปรากฏตามที่พระองค์ทรงเห็นนั่นแล พระเจ้าข้า”

        พระองค์จะทรงเห็นว่า  ภูเขาอัสสกัณณะจะสูงกว่าภูเขาทั้งหมด  และเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ในสุด โดยเรียงลำดับจากสูงน้อยไปหาสูงมากมีลักษณะเหมือนขั้นบันได   จากบริเวณด้านนอกสุดเข้าหาในสุด พระเจ้าข้า”

       
ซึ่งสถานที่เหล่านี้เป็นที่อยู่ของพวกนาค  ยักษ์  คนธรรพ์  และครุฑที่ประจำอยู่ตามทิศต่างๆ มากมาย ขอเชิญพระองค์เสด็จต่อเถิด พระเจ้าข้า”
       
        หลังจากมาตลีเทพสารถีแสดงเทวโลกชั้นจาตุมหาราชแด่พระเจ้าเนมิราชแล้ว ก็ขับทิพยานต่อไป  จนถึงซุ้มประตูที่มีรูปเหมือนของท้าวสักกะตั้งอยู่ด้านหน้าซุ้มนี้  มาตลีได้กราบทูลว่า  “ข้าแต่มหาราช  ประตูนี้มีชื่อเรียกว่า จิตกูฏ  เป็นประตูที่เป็นทางเสด็จเข้าออกของท้าวสักกะเทวราช   เป็นประตูแห่งเทพนครมีความกว้างและความยาวด้านละ ๑ โยชน์  ตั้งปรากฏอยู่บนยอดเขาสิเนรุทางเข้าเทพนครอันงามสง่า  มีรูปวิจิตรที่งามรุ่งเรืองด้วยรัตนะต่างๆ อยู่มากมาย   เช่นรูปเหมือนของท้าวสักกะที่อยู่ในสายพระเนตรของพระองค์ในขณะนี้  ขอเชิญพระองค์เสด็จเข้าไปทางประตูนี้ เพื่อทรงเข้าสู่เทวภูมิที่มีภาคพื้นเป็นทองที่ประดับไปด้วยเงินและแก้วมณีอันราบเรียบและนุ่มนวล  ซึ่งสองข้างทางก็จะเป็นบุปผชาตินานาชนิดที่ดารดาษด้วยสีและกลิ่นอันจรุงใจเถิด  พระเจ้าข้า”  
 
        มาตลีเทพสารถีนำทิพยานแล่นผ่านประตูเทพนคร นำพระเจ้าเนมิราชชมความงามไปเรื่อยๆ พร้อมกับพรรณนาความงดงามตระการตาของดาวดึงส์แดนสวรรค์ไปไม่ขาดสาย เพียงผ่านประตูเข้าไปก็อลังการเป็นนักหนา เมื่อเข้าไปภายในจะพบกับอะไรอีกบ้างนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
 
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 
 

http://goo.gl/yvGQi


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 2 ต้นเหตุแห่งเภทภัย
      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 1 การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 202
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 201
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 200
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 199
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 198
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 197
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 196
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 195
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 194
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 193
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 192




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related