จากตอนที่แล้ว ท้าวสักกะจอมเทพทรงรอคอยอยู่เนิ่นนาน พระเจ้าเนมิราชก็ยังไม่ปรากฏ จึงทรงส่งเทพบุตรอีกองค์หนึ่งให้รีบไปตามอีกครั้ง มาตลีเทพสารถีน้อมรับบัญชาแล้ว ก็คิดว่า เราจะช้าไม่ได้แล้ว จึงใช้เทวานุภาพบันดาลให้พระเจ้าเนมิราชทอดพระเนตรวิมานต่างๆ พร้อมกัน
หลังจากเยี่ยมชมวิมานทองของเหล่าเทพบุตรเทพธิดาพอสมควรแล้ว มาตลีเทพสารถีจึงได้ทูลว่า บัดนี้พระองค์ก็ได้ทอดพระเนตรวิมานที่ลอยอยู่ในอากาศ ตอนนี้เป็นเวลาอันสมควรที่จะได้เสด็จไปสู่สำนักของท้าวสักกเทวราช ผู้เป็นประมุขของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ขอเชิญเสด็จในบัดนี้เถิด
ว่าแล้วมาตลีเทพสารถีก็ขับเทวรถต่อไป ให้ท้าวเธอทอดพระเนตรภูเขาสัตตปริภัณฑ์ ซึ่งตั้งล้อมรอบภูเขาสิเนรุ เป็น ๗ ชั้น คือ ภูเขาสุทัสสนะ ภูเขากรวีกะ ภูเขาอิสินธระ ภูเขายุคันธระ ภูเขาเนมินธระ ภูเขาวินตกะ และภูเขาอัสสกัณณะ ภูเขาทุกลูกมีมหาสมุทรสีทันดรกั้นกลาง
สถานที่เหล่านี้เป็นที่สถิตของท้าวมหาราชทั้ง ๔ คือ ท้าวธตรฐมหาราช ประจำทิศตะวันออก ท้าววิรุฬหกมหาราช ประจำทิศใต้ ท้าววิรูปักษ์มหาราชประจำทิศตะวันตก และท้าวเวสวัณมหาราช ประจำทิศเหนือ ทรงปกครองพวกนาค ยักษ์ คนธรรพ์ และครุฑ
หลังจากแสดงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชแล้ว ก็ขับทิพยานมาถึงซุ้มประตูที่มีรูปเหมือนของท้าวสักกะตั้งอยู่ด้านหน้า มาตลีได้กราบทูลว่า ประตูนี้มีชื่อเรียกว่า จิตกูฏ เป็นประตูเสด็จเข้าออกของท้าวสักกะเทวราช แล้วก็นำเสด็จเข้าสู่เทวภูมิที่มีภาคพื้นเป็นทองที่ประดับไปด้วยเงินและแก้วมณีอันราบเรียบและนุ่มนวล
ขณะที่ผ่านจิตกูฏ ประตูแห่งเทพนครนั้น พระเจ้าเนมิราชยังทอดพระเนตรเห็นวิมานของเหล่าเทพบุตรเทพธิดาที่สวยงามสว่างไสวเรืองรองอีกมากมาย
จากนั้นสายพระเนตรก็มาหยุดลงตรงที่สุธรรมาเทวสภา เป็นวิมานที่รุ่งเรืองด้วยแก้วไพฑูรย์ มีเสา ๘ เหลี่ยม ที่ทุกๆ เสาทำด้วยแก้วไพฑูรย์ ช่างวิจิตรตระการตาและงดงามยิ่งนัก จึงได้ตรัสถามมาตลีเทพสารถีว่า “ท่านมาตลี เราขอถามท่านอีกสักหน่อยเถิด วิมานหลังนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาลนัก เกิดขึ้นมาได้อย่างไร และเป็นวิมานของใครกันหรือ”
มาตลีจึงได้กราบทูลว่า “ข้าแต่มหาราช วิมานนี้เป็นเทวสภามีนามตามที่ปรากฏว่า สุธรรมา เป็นที่ประชุมกันของเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์นี้ โดยมีท้าวสักกะจอมเทพเป็นประมุข พระเจ้าข้า
ส่วนว่า เพราะเหตุใด เทวสภาแห่งนี้จึงเกิดขึ้นมาได้นั้น มีความเป็นมาดังนี้ คือ ในอดีต ได้มีมาณพหนุ่มคนหนึ่งนามว่า มฆมาณพ อาศัยอยู่ในหมู่บ้านอจลคาม เขาเป็นผู้มีน้ำใจงดงาม เป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหลาย โดยเขามีภรรยาอยู่ด้วยกัน ๔ คน มีชื่อว่า สุธรรมา สุนันทา สุจิตรา และสุชาดา
วันหนึ่งมฆมาณพพร้อมสหายอีก ๓๒ คน ได้คิดสร้างหนทางสวรรค์ของตน ด้วยการทำศาลาหลังใหญ่ไว้ที่หนทาง ๔ แพร่ง เพื่อให้เป็นที่พักของคนเดินทาง แต่เขาเบื่อหน่ายภรรยา ไม่ปรารถนาจะให้พวกเขาไปเกิดในสวรรค์ร่วมด้วยกับพวกตน จึงมิได้บอกให้พวกภรรยาล่วงรู้ เพราะไม่อยากให้มีส่วนบุญในครั้งนี้ ได้ทำกันเองระหว่างสหายด้วยกัน
แต่เรื่องนี้ก็รู้ถึงนางสุธรรมาจนได้ ด้วยความอยากมีส่วนร่วมในบุญ นางจึงได้คบคิดกับช่างไม้ให้จัดการถากไม้ทำช่อฟ้าสลักชื่อว่า “สุธรรมา” แล้วเอาผ้าคลุมไว้ เพื่อจะนำไปติดตั้งไว้ที่ยอดหน้ามุขของศาลาหลังนั้น
เมื่อศาลาเสร็จ จะทำพิธียกช่อฟ้า ในวันประกอบพิธี ช่างไม้ก็รับสมอ้างว่าลืมทำช่อฟ้าของศาลาหลังนี้ จะทำตอนนี้ก็ไม่ทันกาล ควรจะป่าวประกาศว่าบ้านใครมีช่อฟ้าที่ทำเสร็จแล้วเก็บไว้บ้าง เพื่อจะได้ซื้อนำมาใช้ในงานนี้
มฆมาณพและสหายก็พากันแสวงหาช่อฟ้า ก็ได้มาพบช่อฟ้าซึ่งคลุมผ้าเอาไว้ที่บ้านของนางสุธรรมา จึงขอซื้อด้วยทรัพย์หนึ่งพัน นางสุธรรมากล่าวว่า ถ้ามฆมาณพและสหายแบ่งบุญในการสร้างศาลาให้ ก็จะยกให้เลย โดยไม่คิดเงิน
แต่มฆมาณพและสหายกลับตอบปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้พวกภรรยามีส่วนในบุญที่ตนเองและพรรคพวกร่วมกันกระทำ
นายช่างซึ่งคบคิดกับนางสุธรรมมาไว้ก่อนแล้ว จึงพูดเตือนสติมฆมาณพว่า เจ้านายครับ ยกเว้นพรหมโลกเสียแล้ว สถานที่อื่นซึ่งจะเว้นจากผู้หญิงนั้นไม่มีเลย ท่านควรเห็นแก่ศาลาที่กำลังจะเสร็จ ขอจงรับช่อฟ้าไว้ เพื่อทำศาลาให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์จะดีกว่า
มฆมาณพและสหายเห็นเป็นจริงตามที่นายช่างพูด บวกกับถึงเวลาที่จำเป็นจะต้องใช้ จึงยอมรับช่อฟ้านั้นมาประกอบพิธี แล้วก็ติดตั้งไว้ที่หน้ามุขหลังคาศาลาหลังนั้น
คนทั้งหลายที่มาพักอาศัยศาลาแห่งนั้น ได้เห็นชื่อของนางสุธรรมมาปรากฏอยู่ที่ช่อฟ้า จึงเรียกศาลานั้นว่า ศาลาสุธรรมา ดังนั้น ศาลาแห่งนั้นจึงมีชื่อว่า สุธรรมา
นางสุธรรมานั้น ได้ใช้ปัญญาของตน เข้ามีส่วนร่วมในบุญสร้างศาลา เมื่อละจากโลกมนุษย์แล้ว นางก็ได้มาบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นมเหสีคนหนึ่งของท้าวสักกะ เพราะผลแห่งกรรมดีที่ทำไว้ในอดีต
ข้าแต่พระเจ้าเนมิราช วิมานที่ปรากฏอยู่เบื้องพระพักตร์ของพระองค์นี้ มีพื้นที่ประมาณ ๕๐๐ โยชน์ เกิดขึ้นด้วยผลแห่งบุญของมฆมาณพและสหาย มีชื่อว่า สุธรรมาเทวสภา เพราะบุญที่เกิดจากการสร้างศาลาสุธรรมาในครั้งนั้น
ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงธรรม สุธรรมาเทวสภาแห่งนี้มีความกว้างใหญ่ เพราะเป็นสถานที่มาประชุมร่วมกันในพิธีรื่นเริงต่างๆ ของเทวดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และในทุกๆ วันพระก็จะมีการประชุมกันเพื่อฟังธรรม และรับรายงานบัญชีบุญบัญชีบาปของมนุษย์ บัดนี้ ก็ถึงเวลาอันเป็นมงคลแล้ว ขอเชิญพระองค์เสด็จเข้าสู่เทวสมาคม ณ บัดนี้เถิด พระเจ้าข้า”
การถวายรายงานของมาตลีที่ยืดยาวนั้น ดูเหมือนจะเป็นการเนิ่นช้าในความรู้สึกของเรา แต่วิสัยของเทวฤทธิ์นั้นใช้เวลาเพียงแค่นิดเดียว ทั้งในขณะที่พูดก็ปรากฏเป็นภาพแสงสีเสียงให้เห็นเป็นเรื่องราวไปตามนั้น จึงเป็นความบันเทิงพระหฤทัยของพระเจ้าเนมิราชเป็นอย่างยิ่ง
แต่ถึงจะเร็วอย่างไร มันก็ช่างเป็นความรู้สึกชักช้าของเทวดายิ่งนัก เพราะวิสัยของเทวดานั้นมีปกติคิดเร็ว ทำเร็ว สำเร็จเร็ว การนึกคิดของเทวดาเป็นเหมือนการตั้งจิตอธิษฐาน พอนึกเสร็จก็สำเร็จทันที ตามกำลังบุญของเทวดาแต่ละองค์
ซึ่งในขณะนี้ทิพยานของมาตลีกำลังปรากฏที่ซุ้มประตูทางเข้าเทวสมาคม ของสุธรรมาเทวสภา อันสง่างามสว่างไสวรุ่งเรือง ตระการตา แต่เมื่อเข้าไปแล้วจะเกิดเหตุการณ์อย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-2001.png)
http://goo.gl/BGmup