จากตอนที่แล้ว พระเจ้าเนมิราชได้ทอดพระเนตรเห็นเทวสภาอันยิ่งใหญ่ ก็ทรงสงสัยว่า วิมานหลังนี้ทำไมถึงใหญ่เหลือเกิน มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร จึงตรัสถามมาตลีเทพสารถีมาตลีจึงได้กราบทูลว่า “ข้าแต่มหาราช วิมานนี้เป็นเทวสภามีนามว่าสุธรรมา เป็นที่ประชุมกันของเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ มีความเป็นมาว่า ในอดีตมฆมาณพพร้อมสหายอีก ๓๒ คน ได้คิดสร้างหนทางสวรรค์ ด้วยการทำศาลาหลังใหญ่ เพื่อให้เป็นที่พักของคนเดินทาง
เมื่อศาลาเสร็จ จะทำพิธียกช่อฟ้า ในวันประกอบพิธี ช่างไม้กลับแจ้งว่า ลืมทำช่อฟ้าของศาลาควรจะได้ช่อฟ้าที่ทำเสร็จแล้ว มฆมาณพและสหายก็พากันแสวงหาช่อฟ้า ก็ได้มาพบช่อฟ้าซึ่งคลุมผ้าเอาไว้ที่บ้านของนางสุธรรมาซึ่งเป็นภรรยาของมฆมาณพ จึงขอซื้อด้วยทรัพย์หนึ่งพัน
แต่นางสุธรรมากล่าวว่า ถ้ามฆมาณพและสหายแบ่งบุญในการสร้างศาลาให้ ก็จะยกให้เลย โดยไม่คิดเงิน แรกๆ มฆมาณพและสหายก็ปฏิเสธ เพราะไม่อยากให้พวกภรรยามีส่วนร่วมในบุญ แต่เมื่อหาจากที่อื่นไม่ได้ เมื่อจำเป็นจะต้องใช้ จึงต้องยอมรับ แล้วนำไปติดตั้งไว้ที่หน้ามุข
คนทั้งหลายที่มาพักอาศัยในศาลา ได้เห็นชื่อของนางสุธรรมาอยู่ที่ช่อฟ้า จึงเรียกศาลานั้นว่า ศาลาสุธรรมา เมื่อละจากโลกมนุษย์แล้วนางก็ได้มาบังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นมเหสีคนหนึ่งของท้าวสักกะ เพราะผลแห่งบุญนั้น ว่าแล้วมาตลีก็อัญเชิญพระเจ้าเนมิราชเสด็จเข้าสู่เทวสมาคม
เทวสมาคมต่างรอคอยการเสด็จมาของพระเจ้าเนมิราช เมื่อเห็นเวชยันตรถเริ่มปรากฏที่ซุ้มประตูจิตกูฏ ต่างก็ร่าเริงยินดีส่งเสียงสาธุการ ถวายการต้อนรับการเสด็จมาของพระเจ้าเนมิราช ต่างก็ถือเครื่องหอมต่างๆ เช่น ธูป เครื่องอบ และดอกไม้ทิพย์ ไปคอยอยู่ที่ทางเสด็จของพระเจ้าเนมิราช จนถึงนำเสด็จเข้าสู่สุธรรมาเทวสภา
ตลอดทางนั้นล้วนมีแต่คำสรรเสริญชื่นชมพระเจ้าเนมิราช ที่ได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรคอยชี้แนะทางสวรรค์ ห้ามขาดจากการทำอกุศลกรรมทุกชนิด จึงทำให้ได้มาเสวยทิพยสมบัติอย่างโอฬารกันมากมายถึงปานนี้
เมื่อพระเจ้าเนมิราชเสด็จลงจากทิพยานเข้าสู่เทวสภา เหล่าเทวดาก็อัญเชิญให้เสด็จขึ้นประทับนั่งบนทิพอาสน์ใกล้กับท้าวสักกเทวราช
ปกติโดยทั่วไปของมนุษย์ผู้ไม่รู้จักพระคุณของพระรัตนตรัย เมื่อเกิดความหวาดกลัว ต้องการจะพ้นภัย หรือเจ็บไข้ได้ป่วย อยากจะหายจากไข้ ก็จะนอบน้อมบูชาเทวดา อ้อนวอนขอให้ตนพ้นภัย หายจากอาการป่วยไข้
แม้กระทั่งปรารถนาความสำเร็จอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ย่อมจะทำสักการะ บูชา และนอบน้อมต่อเทวดา อ้อนวอนขอให้ความปรารถนาของตนนั้นๆ สำเร็จ
แต่ในเทวสมาคมนี้ กลับกลายเป็นว่า เทวดามาประชุมกันต้อนรับ กล่าวสดุดี สรรเสริญ และทำสักการบูชามนุษย์
นี้ก็แสดงให้เห็นว่า พระเจ้าเนมิราชบรมโพธิสัตว์นั้น ท่านเป็นผู้มีบุญบารมีที่ได้สั่งสมไว้เป็นอย่างดี และจะต้องมากกว่าเทวดา คือถึงพร้อมด้วยคุณ มีศีล สมาธิ(Meditation) และปัญญาเป็นต้นยิ่งกว่าเทวดา เทวดาจึงยินดีที่จะสักการบูชาพระองค์
ส่วนท้าวสักกะจอมเทพทรงเกิดความเลื่อมใสในพระเจ้าเนมิราชเป็นอย่างยิ่ง ได้ตรัสเชื้อเชิญให้ทรงบริโภคกามอันเป็นทิพย์ในเทวโลกกับพระองค์ โดยจะทรงแบ่งสมบัติทิพย์ให้
พระเจ้าเนมิราชได้ทรงสดับดังนั้น ก็ไม่ทรงปรารถนา เพราะทรงรู้ว่าบุญบารมีของพระองค์นั้นยังน้อยอยู่ และที่ทรงสร้างบารมีนี้ก็มิได้มีเป้าหมายเพื่อทรงบริโภคกามอันเป็นทิพย์
บารมีให้มากยิ่งขึ้นไปอีก จึงมีพระดำรัสว่า “สิ่งใดที่ได้มาเพราะผู้อื่นให้ สิ่งนั้นเปรียบเหมือนยวดยานหรือทรัพย์ที่ยืมเขามา
ฉะนั้น หม่อมฉันไม่ปรารถนาสิ่งที่ผู้อื่นให้ บุญทั้งหลายที่หม่อมฉันทำเอง ย่อมเป็นทรัพย์อันประเสริฐที่จะติดตามหม่อมฉันไป หม่อมฉันจักกลับไปทำกุศลให้มากในหมู่มนุษย์
ด้วยการบริจาคทาน การประพฤติธรรมให้สม่ำเสมอ ทั้งทางกาย วาจา ใจ จะสำรวมในศีล และฝึกอินทรีย์ ซึ่งจะทำให้ได้รับความสุข และไม่ต้องเดือดร้อนใจในภายหลัง”
พระมหาสัตว์ทรงแสดงธรรมแก่เหล่าเทวดาที่ประชุมกันอยู่ ณ มหาสมาคมแห่งนั้น ด้วยบทธรรมที่ไพเราะจับใจ ประดุจพระอริยเจ้าผู้เป็นพระธรรมกถึกมาแสดงเอง ทั้งยังได้พรรณนาคุณของมาตลีเทพบุตรว่า เป็นผู้มีพระคุณมีอุปการะมากแก่พระองค์อย่างหาที่สุดไม่ได้อีกด้วย
เพียงไม่กี่นาทีที่ผ่านไปในภพดาวดึงส์ แต่เวลาในโลกมนุษย์ได้ผ่านไปแล้วถึง ๗ วัน ทุกกระแสพระราชดำรัส ทำให้เหล่าทวยเทพปลื้มอกปลื้มใจทับทวี ต่างเบิกบานยินดีกันอยู่ในหมู่เทวดาด้วยกัน
หลังจากทรงแสดงธรรมจบลงแล้ว พระเจ้าเนมิราชบรมโพธิสัตว์ ก็ได้ตรัสอำลาท้าวสักกเทวราชว่า “ถึงเวลาแล้วที่หม่อมฉันจะต้องลาพระองค์ เพื่อกลับไปยังโลกมนุษย์ หม่อมฉันเห็นผลแห่งบุญและบาปโดยประจักษ์ด้วยนัยน์ตาแล้ว
กลับไปคราวนี้ หม่อมฉันจะสั่งสมบุญให้มาก และจะไม่เกียจคร้านในการชักชวนชาวประชาให้ตั้งมั่นในกุศลธรรม ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี หม่อมฉันขอลาไปก่อน”
ท้าวสักกเทวราชทรงเลื่อมใสพระเจ้าเนมิราชยิ่งนัก เมื่อทรงเห็นว่าท้าวเธอมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะกลับสู่มนุษย์โลก จึงมีเทวโองการสั่งให้มาตลีเทพบุตรจัดเตรียมทิพยานถวาย
มาตลีเทพสารถีน้อมรับเทวบัญชาแล้ว ก็ได้จัดการตามที่รับสั่ง นำทิพยานเข้าเทียบรอรับพระเจ้าเนมิราชในทันที
จากนั้น พระเจ้าเนมิชราชก็ทรงอำลาท้าวสักกเทวราช และเหล่าเทวดาทั้งหลาย เสด็จขึ้นประทับบนทิพยานอย่างสง่างาม กลับมาสู่โลกมนุษย์ในบัดนั้น
มาตลีเทพสารถีได้นำทิพยานนามว่า เวชยันต์ กลับมาส่งถึงกรุงมิถิลานคร แคว้นวิเทหรัฐ โดยนำเสด็จมาทางทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศเดียวกันกับตอนที่มารับเสด็จพระเจ้าเนมิราชนั่นเองมหาชนชาวพระนครมองเห็นราชรถปรากฏที่ขอบฟ้าด้านทิศใต้ ก็เกิดตื่นเต้นโกลาหลออกจากบ้านเรือนของตนมาต้อนรับ ไชโยโห่ร้องว่า “พระราชากลับมาแล้ว ๆ” ด้วยความยินดีปรีดา ส่วนว่า เมื่อพระเจ้าเนมิราชกลับมาถึงพระนครแล้ว จะทรงปฏิบัติราชกิจอย่างไรอีกนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
![](https://www.dmc.tv/qrcode/cache/qr-code-200-2004.png)
http://goo.gl/SZHAJ