ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 2

“ข้าพเจ้ารักษาศีลด้วยความบริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่มีด่างพร้อยเลยแม้แต่น้อย ตลอดวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ด้วยสัจจวาจานี้ ขอบุตรจงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด” ด้วยอำนาจแห่งอุโบสถศีล และสัจจอธิษฐานของพระนางจะเกิดผลประการใด จะร้อนไปถึงเทวดาองค์ใดหรือไม่ โปรดติดตาม https://dmc.tv/a161

บทความธรรมะ Dhamma Articles > ทศชาติชาดก > พระเตมีย์
[ 5 ส.ค. 2549 ] - [ ผู้อ่าน : 18269 ]
View this page in: 中文
 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  พระเตมีย์   ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี  ตอนที่ 2
 
    จากตอนที่แล้ว  ได้เกริ่นนำว่า ชีวิตนี้เราสามารถเลือกเรียน เลือกทำงานในอาชีพอะไรก็สุดแท้แต่เราจะชอบใจ แต่วิชาชีวิตนั้นเรายังไม่ค่อยทราบเลยว่า ต้นแบบชีวิตที่ดีที่สุดนั้นเป็นเช่นไร  จะเลือกดำเนินชีวิตอย่างไร ชีวิตจึงจะมีคุณค่าสูงสุด พร้อมกับมีคำแนะนำว่า ผู้ประสบความสำเร็จสูงสุดในชีวิตนั้น ไม่มีใครเกินพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงควรศึกษาอดีตชาติของพระองค์ว่า พระชาติที่ผ่านมา พระองค์มีหลักการในการดำเนินชีวิตอย่างไร

    อีกประการหนึ่ง ก็เป็นความรู้ใหม่เพื่อตัดความสงสัยสำหรับบางท่านที่คิดว่า ผู้ที่ปรารถนา เพื่อจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้นที่ต้องสร้างบารมี  คนธรรมดาอย่างเราคงไม่ต้องกระมัง ที่จริงแล้วต้องสร้างบารมีกันทุกคน

    ผู้ที่ปรารถนาไม่ว่าจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์สาวก ต่างก็ต้องสร้างบารมีด้วยกันทั้งหมด เพียงความเข้มข้นลดลงมาตามส่วนแห่งความปรารถนาของตน หากไม่สร้างบารมีก็หมดสิทธิ์ที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้

    ดังนั้นจึงนำเสนอเรื่องพระเตมีย์ พระชาติที่ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมีก่อน เพราะเป็นชาติที่ทรงบำเพ็ญบารมีข้อที่ทำได้ยาก เป็นการสวนกระแสกิเลสของชาวโลกเป็นอย่างยิ่ง โดยได้เล่ามาถึงตอนที่ภิกษุทั้งหลายทูลถามพระพุทธองค์ว่า ในกาลก่อนที่พระองค์ยังบำเพ็ญบารมีอยู่นั้น ได้สละราชสมบัติเสด็จออกบวช มีเรื่องราวเป็นอย่างไร ขอพระองค์โปรดทรงแสดงให้แจ่มแจ้งด้วยเถิด

    พระพุทธองค์จึงตรัสเล่าให้ภิกษุเหล่านั้นได้ฟัง ดังที่จะกล่าวต่อไป ในอดีตกาล ในพระนครพาราณสี ของแคว้นกาสีอันมั่งคั่ง คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ซึ่งเดินทางผ่านไปมาเพื่อประกอบการค้าขายมิได้ขาด เพราะเหตุที่ว่า พระเจ้ากาสิกราช พระราชาผู้ครองแคว้นนั้นทรงเป็นกษัตริย์ที่ตั้งมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรม ปกครองแผ่นดินโดยธรรมตามอย่างโบราณราชประเพณีให้เกิดความร่มเย็นเรื่อยมา พระองค์มิใช่เพียงเสวยราชสมบัติอยู่ภายในพระราชวังเท่านั้น แต่พระองค์จะถือโอกาสเสด็จออกตรวจตราบ้านเมืองเป็นครั้งคราว เพื่อไต่ถามทุกข์สุขของไพร่ฟ้าประชาชนทั่วแคว้น จึงทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงพสกนิกรที่อาศัยภายใต้ร่มพระบารมี
 

    พระเจ้ากาสิกราชทรงมีพระสนมจำนวนมากถึงหนึ่งหมื่นหกพันนาง หากทว่าพระองค์มิได้สบายพระหฤทัยเท่าใดนัก ด้วยเกรงว่าในไม่ช้า คงต้องถึงคราวสูญสิ้นราชวงศ์เป็นแน่ เพราะธรรมดาว่า พระนครที่ไม่มีรัชทายาทสืบสันตติวงศ์ ย่อมจะถูกกษัตริย์ต่างเมืองยึดครองราชสมบัติได้โดยง่าย
 
 
    เหตุที่พระเจ้ากาสิกราชทรงดำริเช่นนั้น เป็นเพราะว่า ในจำนวนพระสนมหนึ่งหมื่นหกพันนางของพระองค์ ไม่มีแม้แต่คนเดียว ที่ให้กำเนิดรัชทายาทแก่พระองค์ แม้แต่พระนางจันทาเทวี ผู้เป็นพระอัครมเหสีของพระองค์เอง ก็ยังมิอาจประสูติพระราชโอรสหรือพระราชธิดาเพื่อพระองค์ได้เลย
 

    ขณะที่ทรงปริวิตกถึงเรื่องนี้อยู่เพียงลำพังพระองค์เดียว ภายในเขตพระราชฐาน พระองค์ก็ทรงทอดพระเนตรเห็นชาวเมืองทั้งหญิงชาย พากันมาชุมนุมอยู่ที่พระลานหลวงอย่างคับคั่ง จึงทรงเกิดความสงสัยขึ้นว่า ชาวเมืองมีเรื่องทุกข์ร้อนอะไร ถึงได้พากันมาชุมนุมกัน   นับว่าเป็นราชประเพณีการปกครองโดยตรงที่อบอุ่น ซึ่งเมื่อชาวประชาเกิดความทุกข์ร้อนอันใด ก็จะมาชุนนุมกันร้องเรียนต่อพระราชาโดยตรงเลยทีเดียว

    ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อทรงเห็นชาวเมืองมาชุมนุมกันอย่างนี้ ก็ยิ่งไม่สบายพระทัย จึงตรัสเรียกให้ มุขอำมาตย์และข้าราชบริพารใกล้ชิดเข้าเฝ้าโดยด่วน แล้วตรัสถามว่า พวกชาวเมืองมาชุมนุมกันเรื่องอะไรหรือก็ทรงได้รับรายงานเป็นเบื้องต้นว่า ชาวเมืองปรารถนาให้พระองค์ทรงมีพระโอรส เมื่อทรงสดับดังนั้นก็ทรงแคลงพระทัยว่าไม่น่าจะใช่นะ เราจะมีโอรสหรือไม่มีก็เรื่องของเรา ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรชาวเมืองเลย จึงทรงรับสั่งว่า “มาเถิดท่านทั้งหลาย เราจะไปฟังด้วยหูของเราว่า พวกเขาเดือดร้อนในเรื่องอะไรกันแน่”

    จึงรีบเสด็จออกจากพระตำหนักใน ไปถึงที่ประชุมของปวงประชาทั้งหลายแล้ว ทรงประทับนั่งบนพระราชอาสน์อันเป็นสถานที่รับร้องทุกข์ของชาวเมืองแล้วตรัสถามว่า “พวกท่านมาประชุมกันด้วยเรื่องอันใดหรือ” ชาวเมืองพากันกราบทูลว่า “ข้าแต่มหาราชเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายต่างมีความทุกข์ร้อน ที่เห็นพระองค์ยังไม่ทรงมีพระราชโอรสเลย พระเจ้าข้า”
 
“เพราะเหตุอันใด พวกเจ้าถึงต้องทุกข์ร้อนแทนเราด้วยเล่า”

    “ขอเดชะ พวกข้าพระองค์เกรงว่า ต่อไปภายภาคหน้า หากไม่มีองค์รัชทายาทขึ้นเสวยราชสมบัติสืบต่อไปแล้ว บ้านเมืองก็จะระส่ำระสาย เพราะไร้พระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นมิ่งขวัญเช่นเดียวกับพระองค์ ...เพราะเหตุนั้น พวกข้าพระองค์จึงมาประชุมกันในที่นี้ เพื่อขอให้พระองค์จงทรงพระกรุณาตั้งจิตอธิษฐานปรารถนาพระโอรสด้วยเถิด พระเจ้าข้า”

    ครั้นพระราชาทรงสดับคำกราบทูลของชาวเมืองแล้ว ท้าวเธอทรงนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แววพระเนตรอ่อนลง ด้วยทรงเป็นปมด้อยอยู่ในใจ ว่าแม้ครองราชย์มานานแล้ว ก็ยังไม่มีโอรสหรือธิดาแม้เพียงพระองค์เดียว ทรงนึกถึงความจริงในข้อนี้แล้ว พระพักตร์ก็หมองเศร้าลงทันที จึงรับสั่งด้วยพระสุรเสียงแผ่วเบาว่า 
“เรื่องนั้น ขอให้เป็นหน้าที่ของเราเถิด”

    ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ก็รีบเสด็จกลับคืนสู่เขตพระราชฐานทันที แล้วทรงมีกระแสพระดำรัสตรัสเรียกหาพระสนมนารีทั้งหมดให้มาพร้อมกันที่พระตำหนัก  รับสั่งด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า
 
“บัดนี้ ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะมีพระโอรสได้แล้ว พวกเจ้าจงตั้งความปรารถนาเพื่อให้กำเนิดพระโอรสให้แก่เราด้วยเถิด” แล้วมีพระบัญชาให้พราหมณาจารย์ทั้งหลายเข้าเฝ้า รับสั่งจัดพิธีบวงสรวงเทพยดาฟ้าดินเพื่อขอพระราชโอรสสืบราชสมบัติในทันที

    พระสนมนารีและพราหมณ์เหล่านั้น เมื่อรับพระราชโองการแล้ว ต่างก็รีบไปทำพิธีบวงสรวงอ้อนวอนต่อเทวดาที่ตนนับถือ บ้างก็ทำพิธีบนบานต่อพระจันทร์และพระอาทิตย์เพื่อขอพระโอรส แต่แม้จะล่วงไปนานหลายเดือนแล้ว พระสนมเหล่านั้นก็ยังไม่อาจทำความปรารถนาให้สำเร็จได้
 
    ฝ่ายพระนางจันทาเทวี อัครมเหสีของพระเจ้ากาสิกราช ทรงเป็นสตรี
ผู้เพียบพร้อมด้วยศีลและงดงามด้วยกิริยามารยาท เมื่อทราบว่า พระราชสวามีประสงค์พระราชโอรส จึงเกิดอุตสาหะอย่างแรงกล้า ในการที่จะให้จะทำให้พระองค์สมพระราชหฤทัย จึงดำริว่า
 
“เว้นบุญเสียแล้ว สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งในยามนี้ ไม่มีเลย” 
  
    ครั้นถึงวันอุโบสถขึ้น 15 ค่ำ พระนางจึงสรงสนานพระกายแต่เช้า ฉลองพระองค์ใหม่ด้วยผ้าขาวบริสุทธิ์ สมาทานอุโบสถศีล ตลอดทั้งวัน เมื่อถึงเวลาค่ำจึงบรรทมบนพระแท่นน้อย ระลึกถึงศีลของพระองค์ไปตลอดจวบจนรุ่งสางของวันใหม่   
            
    จากนั้นจึงทรงระลึกถึงศีลของพระองค์ด้วยความปีติโสมนัส แล้วทรงตั้งสัจจอธิษฐานว่า
 
    “ข้าพเจ้ารักษาศีลด้วยความบริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่มีด่างพร้อยเลยแม้แต่น้อย ตลอดวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ด้วยสัจจวาจานี้ ขอบุตรจงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด”
 
    ด้วยอำนาจแห่งอุโบสถศีล และสัจจอธิษฐานของพระนางจะเกิดผลประการใด จะร้อนไปถึงเทวดาองค์ใดหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป
 

http://goo.gl/JJO5p


พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 2 ต้นเหตุแห่งเภทภัย
      ทศชาติชาดก เรื่อง ภูริทัต ตอนที่ 1 การสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 202
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 201
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 200
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 199
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 198
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 197
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 196
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 195
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 194
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 193
      ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 192




   ค้นหา บทความธรรม    

  ฝันในฝันวิทยา
  สารพันธรรมะ
  ปกิณกธรรม
  ผลการปฏิบัติธรรม
  โครงการฟื้นฟูศีลธรรมโลก
  ธรรมะบันเทิง
  ข่าว
  ข่าวประชาสัมพันธ์
  ข่าวบุญฝากประกาศ
  DMC NEWS
  ข่าวรอบโลก
  กิจกรรมเว็บ dmc.tv
  Scoop - Review DMC
  เรื่องเด่นทันเหตุการณ์
  Review รายการ DMC
  หนังสือธรรมะ
  ธรรมะเพื่อประชาชน
  ที่นี่มีคำตอบ
  หลวงพ่อตอบปัญหา
  อยู่ในบุญ
  สุขภาพนักสร้างบารมี
  นิทานชาดก
  CaseStudy กฎแห่งกรรม
  กฎแห่งกรรม
  เรื่องราวชีวิต
  เหลือเชื่อแต่จริง
  อุทาหรณ์สอนใจ
  ฮอตฮิต...ติดดาว
  วิบากกรรม...ทำให้ทุกข์
  บุญเกื้อหนุน
  ปรโลกนิวส์
  ธรรมะและสมาธิ
  พุทธประวัติ
  สมาธิ
  ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ
  ทศชาติชาดก
  พุทธประวัติและวันสำคัญ
  บทสวดมนต์
  ศัพท์ธรรมะ ภาษาอังกฤษ
  มหาปูชนียาจารย์
  อานุภาพมหาปูชนียาจารย์
  ประวัติ
  กิจกรรม
  ธุดงค์สถาปนาเส้นทางมหาปูชนียาจารย์
  About DMC
  เกี่ยวกับ DMC
  DMC GUIDE
  มือถือ Mobile
  คู่มือเว็บ www.dmc.tv
  มาวัดพระธรรมกาย
   ค้นหา บทความธรรม    

ธรรมะที่เกี่ยวข้อง - Related