ปรโลกนิวส์ น้องเบล ตอนที่ 2เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ที่ออกอากาศทางช่อง DMCฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะและเมื่อกระแสบุญเริ่มเข้าไปทำงานอยู่ภายในใจมากขึ้น จึงส่งผลทำให้ใจของน้องเบลเริ่มเกาะเกี่ยวกับการนั่งสมาธิ(Meditation) และรู้สึกอยากจะนั่งสมาธิเพื่อนึกทบทวนบุญอยู่ที่หน้ามหาธรรมกายเจดีย์มากยิ่งขึ้นตามไปด้วย กล่าวคือจิตใจของน้องเบลในตอนนั้นเริ่มสงบและอยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้น คือไม่ได้อยู่ในอาการผลุดลุก ผลุดนั่ง เหมือนอย่างช่วงแรกๆน้องเบลเริ่มให้เวลากับการนั่งสมาธิเพื่อนึกทบทวนบุญมากขึ้นและเมื่อตัวเขาได้ให้เวลากับการนั่งสมาธิเพื่อนึกทบทวนบุญมากขึ้น จึงส่งผลทำให้เขาเริ่มทำใจได้ จนปริมาณของความเศร้าใจ เสียใจ และความห่อเหี่ยวใจ ได้ลดปริมาณลงไปเรื่อยๆจวบจนกระทั่งเข้าสู่วันที่ 21 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่มีพิธีอุปสมบท ที่อุโบสถวัดพระธรรมกาย ตัวเขาก็ได้แว้บไปเฝ้ามองดูพิธีกรรม และร่วมอนุโมทนากับพระใหม่ด้วย และด้วยความที่ตัวเขาได้ให้เวลากับการนั่งสมาธิ นึกถึงบุญในคืนก่อนหน้านี้นี่เอง จึงทำให้ในวันนี้ คือวันที่ 21 มีนาคม ความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ รวมถึงความหดหู่ และอาการจิตตก ก็ได้เจือจางเบาบางจนเหลือน้อยมากๆ คือยังมีติดค้างอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าไม่มากเท่ากับวันแรกๆตัวเขาได้ไปร่วมอนุโมทนากับพระใหม่ที่อุโบสถวัดพระธรรมกายด้วยถ้าจะมีติดค้างมากหน่อย ก็คือความรู้สึกเสียดายที่ตัวเองไม่ได้บวช ประมาณว่าใจหนึ่งก็รู้สึกปลื้มที่ได้เห็นบรรดานาคธรรมทายาทได้บวชเป็นพระ อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเสียดาย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพของตัวเองในยามที่ได้ห่มผ้าเหลือง ถ้ายังมีชีวิตอยู่และด้วยความที่ใจของเขา เปิดโอกาสให้กระแสบุญได้ช่องเข้ามาทำงานมากขึ้นนี่เอง จึงทำให้นับตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมเป็นต้นมา เขาจึงมุ่งมั่นตั้งใจในการนั่งสมาธิเพื่อนึกทบทวนบุญอยู่ที่หน้ามหาธรรมกายเจดีย์อย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นขนาดที่ว่างานศพของตัวเองก็ไม่ได้คิดที่จะไป ซึ่งผลจากการที่เขามุ่งมั่นตั้งใจนั่งสมาธินึกทบทวนบุญนี่เอง ก็ส่งผลทำให้จิตที่เคยตก ก็ค่อยๆ ผลิบานสว่างไสว จนใจของเขาเกิดความแช่มชื่นเบิกบานและทำให้ความทุกข์ใจในช่วงก่อนหน้านี้ ค่อยๆ คลายตัวลงไปเรื่อยๆเขาตั้งใจนั่งสมาธิเพื่อนึกทบทวนบุญอยู่ที่หน้ามหาธรรมกายเจดีย์อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเมื่อเข้าสู่คืนวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม ซึ่งนับเป็นคืนที่ 6 หลังจากที่น้องเบลเสียชีวิต ระหว่างที่น้องเบลกำลังนั่งสมาธินึกถึงบุญในช่วงหัวค่ำอยู่นั้น ภาพของคุณแม่ก็พลันปรากฏขึ้นอยู่ภายในใจ ทันทีที่เขาเห็นภาพของคุณแม่ เขาก็รู้สึกคิดถึงและอยากไปหาคุณแม่ขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจขณะนั่งสมาธิเขารู้สึกคิดถึงคุณแม่ขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจและด้วยสัญญาเก่าหรือความทรงจำที่เคยได้ยินได้ฟังมาในสมัยที่ยังมีชีวิตว่า หลังจากที่เสียชีวิตไปได้ 7 วัน คนที่เสียชีวิตไปแล้วจะต้องไปเกิดในภพภูมิต่างๆ ตามกรรมที่แต่ละคนทำเอาไว้ ด้วยความที่ตัวเขาคิดถึงคุณแม่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กอปรกับตัวเขากลัวจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าคุณแม่อีก เพราะวันพรุ่งนี้จะเข้าสู่คืนที่ 7 หลังจากที่ตัวเขาเสียชีวิต เขาจึงได้แว้บไปหาคุณแม่ที่บ้านในทันทีทันทีที่เห็นหน้าคุณแม่ น้องเบลก็ร้องไห้เพราะความคิดถึง จากนั้นตัวเขาก็เข้าไปกราบแทบเท้าคุณแม่ และพยายามเข้าไปสวมกอดคุณแม่ เท่าที่กายละเอียดจะทำได้ ซึ่งก็ไม่เหมือนกับความรู้สึกที่กายหยาบได้กอดแม่ เพราะเป็นการกอดแบบ Only touch แต่ไม่ถึงกับกอดแล้ววื้ด แบบที่เราเข้าใจกัน คือความรู้สึกในตอนนั้น ตัวน้องเบลจะรู้สึกเหมือนกับได้กอดแม่จริงๆ แต่คุณแม่จะไม่รู้สึกว่าถูกกอดนั่นเองตัวเขาพยายามเข้าไปสวมกอดคุณแม่ เท่าที่กายละเอียดจะทำได้และ ณ ช่วงจังหวะที่น้องเบลกำลังกอดคุณแม่ของเขา ด้วยความรักและความคิดถึงอยู่นั้น ตัวเขาก็ได้รำพึงกับคุณแม่คล้ายๆ จะสั่งลาในทำนองที่ว่า “ตัวเขาเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้บวชตอบแทนพระคุณให้กับคุณแม่ ดังที่เขาตั้งใจเอาไว้ พรุ่งนี้เขายังไม่รู้ว่าตัวเขาจะเป็นยังไง วันนี้เขาเลยมากราบลาคุณแม่ เขาเชื่อว่าบุญที่เขาทำคงส่งให้เขาไปดี คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเบลนะ” ซึ่งจริงๆ แล้ว น้องเบลรำพึงกับคุณแม่ของเขามากกว่านี้เยอะ แต่ขอยกตัวอย่างให้ฟังประมาณนี้แล้วกันหลังจากน้องเบลสั่งลาคุณแม่ของเขาเสร็จ เขาก็ก้มลงกราบเท้าคุณแม่อีกครั้ง หลังจากนั้น เขาก็ตัดใจแว้บกลับมาที่วัด พอมาถึงที่วัดเขาก็นึกถึงใครบางคนที่ตัวเขาเคารพรักอย่างสูงสุด ทันทีที่ภาพของบุคคลท่านนั้นได้มาปรากฏขึ้นอยู่ภายในใจ เขาก็รู้สึกอยากไปกราบบุคคลท่านนั้นในทันที เพราะตั้งแต่วันแรกที่ตัวเขาแว้บมาอยู่ที่วัด เขายังไม่ได้เจอกับบุคคลท่านนี้เลยเขาได้แว้บกลับมาที่วัด เพื่อไปกราบใครบางคนที่เขาเคารพรักอย่างสูงสุดเมื่อเขาเกิดความรู้สึกเช่นนั้น กายละเอียดของเขาจึงได้แว้บไปยืนอยู่ด้านนอกของอาคาร จาตุมหาราชิกา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ที่พวกเรากำลังนั่งกันอยู่ในตอนนี้ คือไม่ได้เข้ามาภายในโรงเรียน ประมาณว่ายังอยู่ในอารมณ์กล้าๆ เกรงๆ โดยเขาได้ไปยืนอยู่แถวๆ สนามหญ้าเยื้องๆ กับทางเข้าด้านหน้าอาคารจาตุมฯ ในระยะไม่ใกล้ไม่ไกลนักกายละเอียดของเขาจึงได้แว้บไปยืนอยู่ด้านนอกของอาคารจาตุมหาราชิกาซึ่งในจุดนั้น เขาสามารถมองเห็นที่จอดรถของบุคคลท่านนั้นได้อย่างชัดเจน ในทันทีที่บุคคลท่านนั้นก้าวขาออกมาจากประตูโรงเรียน และกำลังจะเดินขึ้นรถ เขาก็ได้นั่งคุกเข่าพนมมือพร้อมกับอธิษฐานจิต เพื่อขอบารมีจากบุคคลท่านนั้นเขานั่งคุกเข่าพนมมือพร้อมกับอธิษฐานจิตเพื่อขอบารมีจากบุคคลท่านนั้นเมื่อรถของบุคคลท่านนั้นได้เคลื่อนออกไป เขาก็ก้มลงกราบบุคคลท่านนั้นด้วยความเคารพนอบน้อม ภายหลังจากที่ตัวเขาได้เห็นและได้มากราบบุคคลท่านนั้นแล้ว แม้ตัวเขาจะเห็นบุคคลท่านนั้นจากระยะไกล แต่ดวงใจของเขากลับพองโตและรู้สึกปลื้มปีติใจ มีกำลังใจ และรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับเขาได้มากราบบุคคลท่านนั้นแบบใกล้ชิด ส่วนว่าบุคคลท่านนั้นเป็นใคร เราอย่าไปรู้เลย เอาเป็นว่าให้เป็นบุคคลปริศนาต่อไปก็แล้วกันหลังจากนั้น กายละเอียดของน้องเบลก็ได้แว้บกลับมานั่งสมาธิ นึกทบทวนบุญอยู่ที่หน้ามหาธรรมกายเจดีย์ด้วยจิตที่นิ่ง ใส สว่างอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถึงรุ่งเช้าของวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พอถึงรุ่งเช้าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องมารับบุญในเกือบทุกๆ อาทิตย์ กายละเอียดของเขาก็รู้สึกอยากไปเยี่ยมเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่เคยรับบุญด้วยกันภาพที่เขาเคยมารับบุญในสมัยที่ยังมีชีวิต ได้มาปรากฏเป็นภาพที่ชัดแจ่มให้เห็นด้วยเหตุนี้ กายละเอียดของเขาจึงได้แว้บไปยังจุดที่เขาเคยรับบุญกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในทุกๆ วันอาทิตย์ เมื่อเขาได้เห็นกลุ่มเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กำลังรับบุญด้วยความอะเลิร์ธเบิกบาน ภาพที่ตัวเขาเคยมารับบุญในสมัยที่ยังมีชีวิต ซึ่งได้ถูกบันทึกอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำของเขา ก็ได้ย้อนมาปรากฏเป็นภาพที่ชัดแจ่ม ให้ตัวเขาเห็นทั้งๆ ที่ยังลืมตาอยู่และในจังหวะนั้นเอง กายและใจของน้องเบลที่สว่างไสวอยู่แล้ว ก็ยิ่งสว่างไสวหนักยิ่งไปกว่าเดิมมาก เมื่อกระแสบุญได้ช่องเข้ามาทำงานและหล่อเลี้ยงกายและใจของน้องเบลมากขึ้น ชนิดที่เรียกว่าไม่มีช่องให้อารมณ์อื่นแทรกได้อีกต่อไป กระแสบุญจึงดึงดูดให้น้องเบลรู้สึกอยากกลับไปนั่งสมาธินึกถึงบุญอีกครั้งกระแสบุญดึงดูดให้น้องเบลรู้สึกอยากกลับไปนั่งสมาธินึกถึงบุญอีกครั้งซึ่งการนั่งสมาธิในครั้งนี้ ถือเป็นการนั่งสมาธินึกทบทวนบุญในช่วงโค้งสุดท้ายของเขา เพราะในตอนนั้นกระแสบุญที่ตัวเขาสั่งสมเอาไว้ โดยเฉพาะในภพชาติปัจจุบัน ได้เต็มแน่นและเพียงพอ ที่จะส่งให้เขาไปบังเกิดยังภพภูมิตามกำลังบุญที่ตัวเขาสั่งสมเอาไว้ในภพชาติปัจจุบัน ถ้าจะอุปมาก็เหมือนผลไม้ที่กำลังสุกได้ที่และเมื่อน้องเบลนั่งสมาธิไปได้สักพักหนึ่งซึ่งไม่นานมากนัก ศูนย์กลางกายซึ่งเป็นที่ตั้งของดวงบุญก็ได้สว่างไสวแผ่รัศมีสีขาวนวล กลบกายละเอียดของน้องเบลไปทั้งตัว ทันใดนั้นเอง กายละเอียดของน้องเบลก็ได้แว้บไปบังเกิดเป็นเทพบุตรสุดเวหาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เฟส 2 ด้วยการเหมือนหลับตาแล้วลืมตาขึ้น อยู่กลางวิมานทองประดับด้วยรัตนชาติ ที่แลดูวิจิตรงดงามตามกำลังแห่งบุญ ที่ตัวเขาได้สั่งสมเอาไว้ในสมัยที่ยังมีชีวิตกายละเอียดของน้องเบลได้ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เฟส 2ในช่วงแรกๆ ที่น้องเบลไปบังเกิดเป็นเทพบุตรใหม่อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เฟส 2 นั้น ตัวเขายังไม่รู้ว่า ที่นี่คือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะตัวเขายังเข้าใจว่าที่นี่คือดุสิตบุรี แต่เมื่อหัวหน้าบริวารมากล่าวต้อนรับผู้เป็นนาย ณ ตอนนั้นเอง ท่านเทพบุตรใหม่ถึงได้รู้ว่า ตนเองได้มาบังเกิดอยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไม่ได้กลับไปอยู่ที่ดุสิตบุรี ซึ่งเป็นที่ที่ตัวเขาเคยอยู่หัวหน้าบริวารมากล่าวต้อนรับผู้เป็นนายส่วนว่า ภายหลังจากที่ท่านเทพบุตรใหม่ได้ทราบความเป็นจริงเช่นนี้แล้ว ตัวเขาจะรู้สึกอย่างไร คิดอย่างไร แล้วจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นหลังจากนี้ เราก็คงต้องติดตามกันต่อในตอนต่อไป
กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)
บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป
"วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)
http://goo.gl/Ae8nz