มหาเสนาบดี ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 21เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปราแล้วการต่อสู้ตะลุมบอนกันอย่างดุเดือดเลือดพล่านระหว่าง “กลุ่มองค์รักษ์ผู้พิทักษ์ขบวนเสด็จของพระราชโอรส กับกลุ่มพวกโจรร้ายหรือกองโจรปริศนา” ก็ได้เริ่มขึ้น โดยท่านมหาเสนาบดี ได้สั่งให้กองกำลังทหารที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังข้าศึก ให้ออกมาขนาบโจมตีกลุ่มโจรทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และในขณะที่ท่านเสนาบดีกำลังวาดดาบฟาดฟันหมู่โจรที่เข้ามาตีรันฟันแทงอย่างชุลมุนวุ่นรบอยู่นั้น ท่านมหาเสนาบดีก็ได้สอดส่ายสายตามองหาหัวหน้าโจรไปด้วยการต่อสู้ตะลุมบอนกันอย่างดุเดือดก็ได้เริ่มขึ้นทันทีที่เหล่ากองกำลังทหารของท่านมหาเสนาบดีที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง ได้ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับเข้าจู่โจมตลบหลังพวกกกลุ่มโจรปริศนาแบบรวดเร็ว รุนแรงและเฉียบขาดนั้น พวกกลุ่มโจรปริศนาก็ถึงกับแตกฮือด้วยความตกใจสุดขีด ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะพวกกลุ่มโจรนึกไม่ถึงเลยว่า จะมีกองกำลังทหารเข้ามาตลบหลังและกระชับวงล้อมโจมตีพวกตนราวกับปิดประตูตีแมวเช่นนี้ เพราะก่อนหน้านี้พวกกลุ่มโจรได้ส่งสายสืบมาตรวจการณ์ และได้มาวางกำลังเพื่อซุ่มโจมตีไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ซึ่งพวกกลุ่มโจรที่ถูกส่งตัวมาล่วงหน้า ก็ไม่เห็นว่าที่ตรงนั้นจะมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ หรือมีความผิดปกติอะไร นอกเหนือไปจากต้นไม้ใบหญ้าที่ขึ้นอยู่ดาษดื่นทั่วไปเท่านั้นพวกกลุ่มโจรปริศนาถึงกับแตกฮือด้วยความตกใจสุดขีดสำหรับกลเม็ดเด็ดพราย ที่ทำให้กองกำลังทหารของท่านมหาเสนาบดี ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง สามารถจู่โจมพวกโจรอย่างไม่ทันตั้งตัวราวกับปิดประตูตีแมวนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าท่านมหาเสนาบดี ได้ร่ายมนต์บังตาพวกทหารกองซุ่มของท่านเอาไว้ โดยให้พวกทหารกองซุ่มคาบใบไม้ที่ปลุกเสกคาถาอาคมเอาไว้ในปาก เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเป็นผลทำให้พวกโจรทั้งหลาย มองเห็นพวกทหารกองซุ่มเป็นต้นไม้หรือกิ่งไม้ ที่กลืนไปกับธรรมชาติโดยรอบ หรือพูดง่ายๆ ว่า พวกโจรทั้งหลายมองไม่เห็นพวกทหารกองซุ่มของท่านมหาเสนาบดีที่ล้อมพวกโจรเอาไว้นั่นเองท่านมหาเสนาบดี ได้ร่ายมนต์บังตาพวกทหารกองซุ่มของท่านเอาไว้ โดยให้พวกทหารกองซุ่มคาบใบไม้ที่ปลุกเสกคาถาอาคมเอาไว้ในปากและในระหว่างที่กองกำลังทหารรักษาพระราชโอรสของท่านมหาเสนาบดี กำลังตีโอบและกระชับวงล้อมพวกกลุ่มกองโจรปริศนาอยู่นั้น ท่านมหาเสนาบดีก็ได้สั่งให้ขุนพลฝ่ายจัดทัพ นำกำลังทหารกองซุ่มบุกเข้าโจมตีพวกโจรให้แตกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย แล้วก็หาทาง “จับเป็น” ตัวหัวหน้าโจรมาให้ได้ เพื่อต้องการจะนำตัวหัวหน้าโจรมาสอบสวนและเค้นหาความจริงอะไรบางอย่าง เพราะในความเป็นจริงแล้ว พวกโจรไม่น่าจะเข้ามาปล้นขบวนเสด็จที่มีกำลังทหารคุ้มกันอย่างเต็มที่ได้ อีกทั้งพวกโจรปริศนากลุ่มนี้ ยังมีการวางแผนการจู่โจมที่เป็นระบบระเบียบ ซึ่งผิดแผกแตกต่างจากลักษณะของโจรป่าทั่วๆ ไปอีกด้วยท่านมหาเสนาบดีก็ได้สั่งให้ขุนพลฝ่ายจัดทัพ จับเป็นตัวหัวหน้าโจรมาให้ได้ในที่สุด เมื่อกองกำลังทหารของท่านมหาเสนาบดี ได้ล้อมจับพวกโจรและหัวหน้าโจรได้เป็นผลสำเร็จแล้ว พวกกลุ่มโจรก็ยอมจำนนอย่างสิ้นลาย แล้วท่านมหาเสนาบดีก็ไม่รอช้า ได้นำพวกโจรและหัวหน้าโจรมาทรมาน เพื่อเค้นหาข้อมูลทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของการซุ่มโจมตีของพวกกองโจรในครั้งนี้ แล้วท่านมหาเสนาบดีก็ได้ทราบความจริงอันน่าระทึกใจว่า “แท้ที่จริงแล้วพวกโจรเหล่านี้บางส่วนก็คือ พวกทหารที่มาจากแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ และบางส่วนก็เป็นพวกโจรป่าที่ถูกหลอกให้มาร่วมปล้นโดยไม่รู้ตัวว่าเป็นขบวนเสด็จของพระราชโอรส”กองกำลังทหารของท่านมหาเสนาบดี ได้ล้อมจับพวกโจรและหัวหน้าโจรได้เป็นผลสำเร็จซึ่งแผนการทั้งหมดนี้ เป็นแผนการอำมหิตที่มีการเตรียมการมาอย่างดีแล้วจากภายในแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ เพราะเห็นได้ชัดว่ากลุ่มโจรกลุ่มนี้รู้เส้นทาง และตำแหน่งที่แน่นอนของขบวนเสด็จของพระราชโอรสเป็นอย่างดีภายหลังจากที่ท่านมหาเสนาบดีได้รีดข่าวจากหัวหน้าโจร จนหัวหน้าโจรเริ่มร่อแร่ปางตายแล้ว ตัวท่านก็ได้ทราบถึงเส้นทางการรับข่าวสารของแผนการอำมหิตนี้ พร้อมกับรู้อีกว่า ถ้าหากแผนการลอบสังหารพระราชโอรส หรือพระราชาองค์ที่ออกบวชในครั้งนี้สำเร็จลงจริงๆ ทุกฝ่ายก็จะพากันคิดว่า การลอบสังหารในครั้งนี้เป็นแค่ฝีมือของพวกโจรป่าเท่านั้น และถ้าแผนการเป็นไปตามนี้ กองทัพของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ก็จะได้หาเหตุยกทัพบุกเข้ามาทางเขตหัวเมืองชายแดน โดยอ้างว่าจะเข้ามาช่วยจับโจรที่สังหารพระราชโอรส และจากนั้นก็จะถือโอกาสบุกเข้าโจมตีแคว้นของพระราชาองค์ที่ออกบวชจนถึงเมืองหลวงเลยนั่นเองเมื่อท่านมหาเสนาบดีได้รับทราบถึงแผนการอำมหิต ของแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ เช่นนั้นแล้ว ท่านมหาเสนาบดีจึงไม่รอช้า รีบส่งม้าเร็วไปรายงานเรื่องนี้กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ กลุ่มที่ให้การสนับสนุนท่านมหาเสนาบดีที่เมืองหลวงในทันที พร้อมกับส่งตัวพวกกลุ่มโจรลอบสังหารทั้งหมด ให้กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ กลุ่มที่ให้การสนับสนุนท่านมหาเสนาบดี เพื่อที่จะได้ทำการสอบสวนหาตัวการใหญ่ต่อไปท่านมหาเสนาบดีจึงรีบส่งม้าเร็วไปรายงานเรื่องนี้กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในทันทีซึ่งแผนการลอบสังหารพระราชโอรสอย่างอุกอาจ และดุเดือดเลือดพล่านในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พระราชโอรสหรือพระราชาองค์ที่จะออกบวชในอนาคต ทรงเกิดอาการหวาดหวั่นพรั่นพรึง หรือรู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งตัวพระองค์เองก็ทรงมั่นใจในฝีมือของท่านมหาเสนาบดีที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เพราะการเสด็จเดินทางของพระราชโอรสครั้งนี้ ท่านมหาเสนาบดีได้วางแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างรอบคอบ รัดกุม ชนิดที่เรียกได้ว่าไม่ยอมให้มีอะไรมาแตะต้อง หรือทำให้พระราชโอรสต้องระคายเคืองพระวรกายอย่างเด็ดขาดแผนการลอบสังหารพระราชโอรสในครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้พระองค์รู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อยกอปรกับก่อนหน้าที่ท่านมหาเสนาบดีจะเดินทางไปถึงบริเวณป่าทึบ ที่เป็นจุดเสี่ยงนั้น ทางนายทหารชั้นผู้ใหญ่ กลุ่มที่ให้การสนับสนุนท่านมหาเสนาบดี ก็ได้ให้ท่านมหาเสนาบดีไปทูลขอคำปรึกษาและเสนอกับพระราชโอรสว่า “จะขอเปลี่ยนเส้นทางการเสด็จ คือจะขอให้พระราชโอรสเสด็จขึ้นไปทางทิศเหนือ เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นของพระราชาที่มีความเจริญทางศิลปะ” แทน ซึ่งพระราชโอรสหรือพระราชาองค์ที่จะออกบวชในอนาคต ก็ทรงเห็นด้วยกับแนวทางนี้ เพราะหากสามารถเชื่อมสัมพันธไมตรีกับพระราชาของแคว้นที่มีความเจริญทางศิลปะได้ ก็จะเป็นการคานอำนาจกันกับแคว้นที่อยู่โดยรอบไปในตัวท่านมหาเสนาบดี ไปทูลขอคำปรึกษาและเสนอกับพระราชโอรสว่า จะขอเปลี่ยนเส้นทางการเสด็จและเมื่อขบวนเสด็จของพระราชโอรส ได้มีการปรับเปลี่ยนเป้าหมาย และเส้นทาง ก่อนหน้าที่จะเดินทางไปถึงป่าทึบที่เป็นจุดเสี่ยงเช่นนั้น ท่านมหาเสนาบดีจึงได้วางแผนชนิด “เซียนเหยียบเมฆยังเรียกป๋า” โดยท่านมหาเสนาบดีได้วางแผนให้กลุ่มพระราชโอรสเสด็จเดินทางไปรออยู่ในจุดที่ปลอดภัยก่อน เพราะท่านมหาเสนาบดีจะคำนึงอยู่เสมอว่า “ถ้าหากจุดใดเป็นจุดเสี่ยงต่ออันตราย ตัวท่านจะไม่ยอมให้พระราชโอรสเข้ามาอยู่ในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงนั้นโดยเด็ดขาด” หรือพูดง่ายๆ ว่า ความผิดพลาดหรือความเสี่ยงจะต้องเป็นศูนย์อย่างหมดจดร้อยเปอร์เซ็นต์ท่านมหาเสนาบดีได้วางแผนให้กลุ่มพระราชโอรสเสด็จเดินทางไปรออยู่ในจุดที่ปลอดภัยก่อนส่วนท่านมหาเสนาบดีเอง ก็ได้ใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ โดยนำกองกำลังทหารส่วนหนึ่งปลอมตัวเป็นขบวนเสด็จจำแลง ซึ่งไม่มีพระราชโอรสอยู่ แล้วก็มุ่งหน้าเดินทางเข้าไปในป่าทึบซึ่งเป็นจุดเสี่ยง ที่ท่านมหาเสนาบดีตัดสินใจทำเช่นนี้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะตัวท่านต้องการที่จะรู้ชัดๆ ว่า “กลุ่มโจรปริศนาที่ออกอาละวาดนั้นเป็นใคร และมีส่วนเกี่ยวข้องกับทางแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือหรือไม่”ภายหลังจากที่ท่านมหาเสนาบดี ได้ผ่านการปะทะกับพวกกองโจรจำแลง ที่มาจากแคว้นกันชนฝั่งทิศเหนือ ณ ป่าทึบที่เป็นจุดเสี่ยงแล้ว ท่านก็ได้ทราบความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับกลุ่มโจรปริศนาเหล่านั้น จากนั้นท่านมหาเสนาบดี ก็รีบนำกำลังทหารทั้งหมดมาสมทบกับขบวนเสด็จของพระราชโอรสที่กำลังรออยู่ที่จุดนัดหมายในทันที แล้วขบวนเสด็จทั้งหมดก็ได้มุ่งหน้าเดินทางขึ้นเหนือ เพื่อไปเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นของพระราชาที่มีความเจริญทางศิลปะนั่นเองท่านมหาเสนาบดี รีบนำกำลังทหารทั้งหมดมาสมทบกับขบวนเสด็จของพระราชโอรส ที่กำลังรออยู่ที่จุดนัดหมายในทันทีและทันทีที่พระราชโอรส เสด็จเดินทางมาถึงชายแดนของแคว้นที่มีความเจริญทางด้านศิลปะแล้ว พระองค์ก็ทรงได้พบกับ “เจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ” ซึ่งในอนาคตจะได้เป็นพระราชาผู้ครองแคว้น ที่ได้เสด็จเดินทางมาต้อนรับพระราชโอรสที่เขตชายแดนด้วยพระองค์เอง และด้วยความไม่ถือพระองค์ของเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ เจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจจึงได้กล่าวทักทายท่านมหาเสนาบดี พร้อมทั้งเหล่าขุนพลที่ตามเสด็จพระราชโอรสมาด้วยความเป็นกันเองเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ ได้เสด็จเดินทางมาต้อนรับพระราชโอรสที่เขตชายแดนด้วยพระองค์เองและเมื่อเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ ได้มีโอกาสสนทนาปราศรัยกับพระราชโอรส หรือพระราชาองค์ที่จะเสด็จออกบวชในอนาคตแล้ว พระองค์ก็รู้สึกราวกับว่าตัวพระองค์กับพระราชโอรสมีความคุ้นเคยกันมานาน ไม่เพียงเท่านั้นพระองค์ยังรู้สึกทึ่งในความรู้ความปรีชาสามารถของพระราชโอรสเป็นอย่างมากอีกด้วยเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ ได้พาพระราชโอรสเข้าพบกับพระราชาผู้เป็นพระราชบิดาของพระองค์ภายหลังจากที่เจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ ได้พาพระราชโอรสเข้าไปที่เมืองหลวงของแคว้น เพื่อเข้าพบกับพระราชาผู้เป็นพระราชบิดาของเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจแล้ว พระราชโอรสก็แสดงออกถึงพระปรีชาสามารถในการสนทนาพูดคุย และตอบคำถามต่างๆ กับพระราชา ผู้ปกครองแคว้นที่มีความเจริญทางศิลปะได้อย่างคล่องแคล่ว หรือแม้แต่ผู้ติดตามอย่างท่านมหาเสนาบดี ก็ยังแสดงไหวพริบปฏิภาณอันปราดเปรื่องและไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเรื่องการเจรจาความต่างๆ กับพวกเสนาอำมาตย์ทั้งหลายเมื่อเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ ซึ่งในอนาคตจะได้เป็นพระราชาผู้ครองแคว้น ได้ทรงเห็นถึงพระปรีชาสามารถ รวมถึงไหวพริบปฏิภาณ ความเฉลียวฉลาดเปี่ยมด้วยพระปัญญาของพระราชโอรส หรือพระราชาองค์ที่จะเสด็จออกบวชในอนาคต ก็ยิ่งทำให้เจ้าชายรู้สึกเลื่อมใสและเคารพในตัวพระราชโอรสเป็นอย่างมาก อีกทั้งเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ ยังรู้สึกถูกชะตากับท่านมหาเสนาบดี และเหล่าขุนพลผู้ติดตามทั้งหลาย ราวกับรู้จักกันมานานอีกด้วย ซึ่งในเวลาต่อมาบรรดาขุนพลผู้ติดตามทั้งหลายเหล่านี้ จะมีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมากในภายหลังเจ้าชายผู้มีศิลปะในหัวใจ รู้สึกเลื่อมใสและเคารพในตัวพระราชโอรสเป็นอย่างมากส่วนว่าเหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร เราก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อในตอนต่อไป
กรณีศึกษากฎแห่งกรรมจากชีวิตจริง (Case study in real life)
บุคคลที่ปรากฏในเรื่องราวต่อไปนี้ มีตัวตนจริงในปัจจุบัน ประสบชะตากรรมขึ้นลงตามกระแสของวัฏฏะและกฎแห่งกรรม (ชมตัวอย่างบทสัมภาษณ์จากรายการชีวิตในสังสารวัฏ) ผู้อ่าน-ผู้ชมก็อย่าเพิ่งเชื่อหรือปฏิเสธในทันที ควรศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา แล้วค่อยนำไปเป็นอุทธาหรณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป
"วิชชาธรรมกาย" เป็นความรู้ดั้งเดิมในพระพุทธศาสนา เมื่อปฏิบัติแล้วสามารถไปรู้ไปเห็นเรื่องราวกฎแห่งกรรม การเวียนว่ายในภพภูมิต่างๆ ตรงตามพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎก วิชชาธรรมกายจึงเป็นหลักฐานยืนยันการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยตลอดกาล (อกาลิโก)
http://goo.gl/Cc57F