บทความธรรมะ Dhamma Articles >
ชาวเวียดนาม มักไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อย ๆ พวกเขาจะหาอะไรทำตลอดเวลา ชีวิตที่ลำบาก ยากจนขนาดกินมันต่างข้าวในสมัยสงคราม หล่อหลอมให้ต้องอดทนและทำงานหนัก...แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ไม่เคยมองข้ามการศึกษา นักเรียนทุกคนเรียนฟรี โดยภาครัฐ จะบังคับให้นักเรียนในชนบทต้องเรียนจนจบ ม.ต้น ส่วนนักเรียนในเมืองต้องจบ ม.ปลาย มีมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยทั่วประเทศถึง 200แห่ง อ่านเรื่องต่อ
การเปิดศูนย์ในครั้งนี้ กลายเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความตื่นตะลึง เมื่อชาวไทยในไซปรัสได้มีโอกาสเห็นพระภิกษุองค์จริงๆในผ้ากาสาวพัสตร์เหลืองอร่าม ทันทีที่คณะพระภิกษุเดินลงจากเครื่องบิน พร้อมกับเสียงสาธุการของชาวพุทธที่ไปรอรับ ทันใดนั้นแสงแฟลช จากกล้องถ่ายรูปก็วิบวับ รับกับจีวร เจ้าหน้าที่ของสนามบินออกมารุมขอถ่ายรูป ผู้คนแถวนั้นแตกตื่นกันมาก ราวกับพระท่านเป็นดาราดัง อ่านเรื่องต่อ
แล้วอยู่ๆเสียงพิธีกรงานบวชก็ดังขึ้น ผมลืมตาขึ้นพร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชายที่ไหลออกมา ผมรีบเช็ดน้ำตาเพราะอายสาธุชน ผมปลื้มมาก ปีติมาก อย่างบอกไม่ถูก ปลื้มมากที่การบวชครั้งนี้ ผมได้เป็นเนื้อนาบุญให้โยมพ่อ โยมแม่และญาติโยมสาธุชน ทุกย่างก้าวของผม คือ การจรดใจไว้ที่กลางท้อง และกลางองค์พระ อ่านเรื่องต่อ
โยมพ่อโยมแม่ของสามเณร เห็นพวกโจรกำลังเตรียมมีดเตรียมหลาวต่อหน้าต่อตา ทั้งหวาดกลัวต่อมรณภัย ทั้งโกรธเคืองตัดพ้อสามเณรที่ไม่ยอมบอก ว่า ในป่ามีโจรคอยดักทำร้าย ปล่อยให้พ่อแม่มาหาที่ตายแท้ๆ สงสัยสามเณรคงเป็นพวกเดียวกับโจร ๕๐๐ เหล่านี้เป็นแน่ พวกโจรได้ยินเสียงพร่ำบ่นของคนทั้งสอง จึงรู้ว่าสามเณรเป็นคนรักษาคำพูด แม้เป็นโยมพ่อโยมแม่ก็ไม่ยอมบอก เพราะกลัวจะเสียสัจจะที่ให้ไว้กับโจร อ่านเรื่องต่อ
จะเห็นได้ว่า การกล่าววาจาทุพภาษิต เช่น คำหยาบ คำด่านั้น ไม่ดีเลย เหมือนที่พราหมณ์พูดกับโคนันทิวิสาล ในการเดิมพันครั้งแรก ทำให้ต้องเสียทรัพย์แก่เศรษฐีและอับอายขายหน้า แต่ครั้นพราหมณ์กล่าวถ้อยคำที่ไพเราะเสนาะหู และเสริมสร้างกำลังใจให้แก่กัน ก็สามารถกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาได้ และยังได้ทรัพย์สินอีกมากมาย เพราะคำพูดที่ไพเราะนั้นมีฤทธิ์ มีอานุภาพ อ่านเรื่องต่อ
ไม้ท่อนนั้นแม้มองด้วยสายตาจะเห็นว่าเท่ากันทั้งสอง ด้าน แต่เมื่อได้วางลงไปในน้ำ แทนจะจมลงไปในน้ำเท่ากัน กลับกลายเป็นว่า ข้างหนึ่งกลับจมลงไปมากกว่าอีกข้างหนึ่ง เมื่อผลปรากฏเป็นเช่นนี้ มโหสถกุมารจึงชี้บอกมหาชนในที่นั้น ให้สังเกตดูลักษณะการจมลงของท่อนไม้ว่า อ่านเรื่องต่อ
สิริวัฒกะเศรษฐีกล่าว พลางยื่นท่อนไม้ตะเคียนคืบหนึ่งส่งให้มโหสถดู “พระราชาทรงมีพระบรม ราชโองการมา ให้พวกเราพิจารณาท่อนไม้นี้ว่า ทางไหนเป็นโคน ทางไหนเป็นปลาย แม้นไม่รู้จะทรงปรับสินไหม 1000 กหาปณะ เราทุกคนในที่นี้ ต่างจนปัญญาไปตามๆกัน ยังไม่อาจจะชี้ได้เลย ว่าทางไหนเป็นโคน ทางไหนเป็นปลาย ลูกพอจะรู้ได้ไหมล่ะ” อ่านเรื่องต่อ
เขาวาดรูปไม่ถึง 3นาที ยอดกัลยาณมิตร จึงหยิบกระดาษมาดู เห็นเป็นรูป คน ในท่านั่งสมาธิ วาดสวยและเห็นรายละเอียดชัดเจน คือ ขาขวาทับขาซ้าย และบนศีรษะ มีปุ่มโค้งๆ เป็นรูปลักษณะดอกบัว...ภาพที่เห็น ทำให้ยอดกัลยาณมิตร ตะลึงมาก เขาพยายามพูดอีกว่า “เป็นคน sit and sleep” (หมายถึง คนนั่งหลับตา) อ่านเรื่องต่อ
เราเป็นผู้มีปกติกล่าวสรรเสริญพระชินวรเจ้าทุกเมื่อ เพราะ กรรมนั้น เราจึงเป็นผู้มีร่างกายและกลิ่นปากหอม เพียบพร้อมด้วยความสุขมีปัญญากล้า มีปัญญาร่าเริง มีปัญญาไว มีปัญญามากและมีปฏิภาณอันวิจิตร อ่านเรื่องต่อ
สมัยนั้นจะมีคนมาหาพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯให้ช่วยเหลือในเรื่องต่างๆมากมายทุกวัน ต้องจดวันเดือนปีเกิดยื่นให้ตามลำดับ เกียรติคุณและอานุภาพของพระเดชพระคุณหลวงปู่ วัดปากน้ำฯ เป็นที่เลื่องลือมาก มีเป็น 1,000เรื่อง เล่าเท่าไหร่ก็ไม่รู้จบ อ่านเรื่องต่อ
ดิฉันมีความสงบสุขมากทุกครั้งเมื่อนั่งสมาธิ จนอยากบอกใครๆว่า การนั่งสมาธิเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อทุกคนมากๆ ทำให้เกิดพลังกาย และพลังใจอันมหาศาล สมาธิเป็นคำตอบสำหรับทุกๆสิ่ง ที่จะได้เข้าถึงความสุขภายใน ดิฉันรู้สึกว่ายิ่งเราทำสมาธิมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเก่งมากขึ้นเท่านั้น และความสงบ ความสุข ความเย็นใจจากศูนย์กลางกาย ทำให้ความเป็นชาวพุทธของดิฉันสมบูรณ์มากขึ้น อ่านเรื่องต่อ
การทำสมาธิเป็นเรื่องง่ายมาก หอมหวานและงดงาม ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ ทุกครั้งที่นั่งสมาธิ ฉันปล่อยวางเรื่องราวทุกสิ่งได้ทั้งหมด นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ฉันได้ประสบการณ์ดีๆจากสมาธิ บางคนอาจนั่งสมาธิ เป็นสิบๆปี โดยไม่ได้ประสบการณ์อะไรเลย เป็นเพราะพวกเขาฟังคำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ผ่านไปเฉยๆ โดยไม่ได้ทำความเข้าใจ แต่ฉันคิดว่า คนไทยคงฝึกสมาธิ และเข้าถึงประสบการณ์ดีๆกันทุกคน อ่านเรื่องต่อ