ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง

มีภิกษุอยู่รูปหนึ่งเป็นผู้ที่ชอบพูดจาโป้ปดอยู่เสมอ คำพูดอย่างหนึ่งแต่การกระทำอีกอย่างหนึ่งจนเป็นที่ระอาใจในหมู่ภิกษุสงฆ์ด้วยกัน ภิกษุทั้งหลายได้พาภิกษุที่ชอบโกหกไปเข้าเฝ้าองค์พระศาสดาเพื่อให้พระองค์ได้ชี้แนะตักเตือน https://dmc.tv/a29452

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 17 ต.ค. 2566 ] - [ ผู้อ่าน : 18291 ]

ชาดก 500 ชาติ

ธัมมัทธชชาดก-ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง

พระเชตวันมหาวิหารมีภิกษุอยู่จำพรรษาอย่างมากมาย

พระเชตวันมหาวิหารมีภิกษุอยู่จำพรรษาอย่างมากมาย
  
       ณ เชตวันมหาวิหารภิกษุผู้ออกบวชต่างปฏิบัติกิจสงฆ์และยึดมั่นในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดแต่มีภิกษุรูปหนึ่งปฏิบัติตนต่างจากภิกษุ
รูปอื่น ๆ ภิกษุที่ว่านี้มักจะพูดจาโป้ปดมดเท็จอยู่เสมอ “ จริง ๆ นะท่าน ลานวัดบริเวณนี้ผมกวาดแล้วจริง ๆ กวาดจนสะอาดเรียบร้อยแต่ลม
คงพัดเอาใบไม้ปลิวมาอีก ” “ คงจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะช่วยท่านกวาดอีกครั้งให้สะอาดเอง
 
ภิกษุรูปหนึ่งเป็นผู้ที่ไม่ประพฤติอยู่ในพระธรรมวินัยชอบพูดเท็จเป็นนิสัย
 
ภิกษุรูปหนึ่งเป็นผู้ที่ไม่ประพฤติอยู่ในพระธรรมวินัยชอบพูดเท็จเป็นนิสัย
 
        ” (…..สบายจริง ๆ เลยเราอยู่ดี ๆ ก็มีคนมาช่วยทำงาน พื้นสกปรกขนาดนี้ยังเชื่ออีกหรือว่าเรากวาดแล้วโง่จริง ๆ ) “ ผมก็ออกบิณฑบาต
พร้อมกับพวกท่านแต่แปลกใจจริง ๆ เลยทำไมหมู่บ้านที่ผมออกบิณฑบาตไม่มีใครออกมาใส่บาตรกันเลย ” “ เป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรือท่าน
เฮ้อ ช่างมันเถอะไม่เป็นไรหรอกของที่บิณฑบาตมาได้ก็ยังมีตั้งเยอะตั้งแยะก็แบ่ง ๆ กันไปแล้วกันนะท่าน ”
 
ภิกษุผู้พูดเท็จได้โกหกภิกษุรูปอื่นว่าตนได้กวาดลานวัดแล้ว
 
ภิกษุผู้พูดเท็จได้โกหกภิกษุรูปอื่นว่าตนได้กวาดลานวัดแล้ว
 
        “ สบายอีกแล้วเราไม่ต้องออกไปบิณฑบาตแต่ก็มีอาหารให้ฉัน สบาย อิ่ม ” “ เราจะตักเตือนภิกษุรูปนั้นเช่นไรดี นับวันจะสร้างเรื่องโกหก
ขึ้นมาเรื่อย ” “ นั่นนะสิ เรื่องไปบิณฑบาตเราก็เห็นว่าภิกษุรูปนี้แอบไปนอนใต้ต้นไม้ไม่ได้ออกไปบิณฑบาตเช่นเดียวกับพระรูปอื่น ๆ
แล้ววันที่กวาดลานวัดนั่นอีกเขาก็ไม่ได้กวาดอย่างที่บอกไว้ ”

ภิกษุผู้พูดเท็จได้โกหกภิกษุรูปอื่นว่าตนออกไปบิณฑบาตแล้วแต่ไม่มีใครมาใส่บาตรให้ตน
 
ภิกษุผู้พูดเท็จได้โกหกภิกษุรูปอื่นว่าตนออกไปบิณฑบาตแล้วแต่ไม่มีใครมาใส่บาตรให้ตน
 
      “ ถ้าเป็นเช่นนั้นคงต้องพาภิกษุรูปนี้ไปเข้าเฝ้าองค์พระศาสดาแล้วล่ะ พระองค์จะได้ชี้แนะตักเตือนได้ ” เมื่อองค์พระศาสดาทรงทราบเรื่องทั้งหมด
จึงตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้มิใช่โกหกเฉพาะในบัดนี้เท่านั้นในกาลก่อนก็โกหกเหมือนกัน ” แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเล่า ธัมมัทธชชาดก ดังนี้

ภิกษุผู้ชอบโกหกมีความกระหยิ่มในใจที่ตนสามารถโกหกผู้อื่นได้สำเร็จ
 
ภิกษุผู้ชอบโกหกมีความกระหยิ่มในใจที่ตนสามารถโกหกผู้อื่นได้สำเร็จ
 
        ในอดีตกาล ณ เกาะกลางมหาสมุทรมีฝูงนกฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ ในฝูงนกฝูงนี้มีพญานกคอยปกป้องดูแลความปลอดภัยให้กับนกตัวอื่น ๆ ด้วย
ครั้งนั้นพ่อค้าพากันแล่นเรือไปยังมหาสมุทรโดยเอากาบอกทิศไปด้วย “ ไปทางเหนือ กา กา กา ” วันหนึ่ง อยู่ ๆ พายุก็พัดกระหน่ำเข้ามา
 
ภิกษุทั้งหลายต่างพากันพูดถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของภิกษุที่ชอบพูดโกหก
 
ภิกษุทั้งหลายต่างพากันพูดถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของภิกษุที่ชอบพูดโกหก
        
       อย่างไม่รู้ตัว เรือแตกกลางมหาสมุทรทุกคนบนเรือต่างหาวิธีเอาตัวรอด บ้างก็กอดเสาเรือไว้ บ้างก็กระโดดลงน้ำแล้วเกาะเศษเรือลอย
ตามทะเลไป กาบอกทิศนั้นเมื่อรู้ว่าพายุจะมาตามสัญชาตญาณนกก็บินหนีหลบพายุไปอยู่ที่เกาะกลางทะเลนั้นได้ก่อนที่พายุจะมาพัดเรือแตก

เหล่าภิกษุทั้งหลายได้พาภิกษุที่พูดโกหกมาเข้าเฝ้าองค์พระศาสดา
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายได้พาภิกษุที่พูดโกหกมาเข้าเฝ้าองค์พระศาสดา
 
       “ กา กา กา พายุมา พายุมา พายุมาแล้วบินหนีเอาตัวรอดก่อนดีกว่าเรา กา กา กา กา ” “ บนเกาะนี้มีฝูงนกอาศัยอยู่ก่อนเราด้วยหรือนี่ หึ
ได้การล่ะนกพวกนี้ต้องไข่ไว้บ้างแน่นอนยิ่งหิว ๆ อยู่ด้วย แต่เอ้ นกฝูงนี้มีพญานกดูแลอยู่ด้วยการที่จะหลอกกินไข่นก ลูกอ่อนนกมันต้อง
ไม่ง่ายแน่ ๆ ต้องทำยังไงดีน๊า อ๋อ นึกแผนออกแล้ว ”

พระศาสดาได้ทรงตรัสเล่า ธัมมัทธชชาดก ให้แก่เหล่าภิกษุสงฆ์ได้รับฟัง
 
พระศาสดาได้ทรงตรัสเล่า ธัมมัทธชชาดก ให้แก่เหล่าภิกษุสงฆ์ได้รับฟัง
     
        ตามสัญชาตญาณกาเจ้าเล่ห์เพทุบายเมื่อมาอาศัยอยู่ในเกาะเห็นไข่นกที่ฝูงนกไข่ทิ้งไว้ก็เกิดความอยาก แต่เนื่องจากนกฝูงนี้มีพญานก
ที่คอยปกป้องดูแลคุ้มครองภัยไว้ พญานกได้จัดวางนกตัวอื่น ๆ ให้คอยเฝ้าไข่ที่แม่นกฟักไว้เสมอเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกจากเกาะเพื่อไปหากิน
 
พ่อค้านายหนึ่งได้นำเรือแล่นออกไปยังมหาสมุทร
 
พ่อค้านายหนึ่งได้นำเรือแล่นออกไปยังมหาสมุทร
 
        กาจึงคิดวางแผนชั่วหลอกให้นกหลงเชื่อทิ้งรังไว้กับมัน เจ้ากาเริ่มดำเนินแผนการตามที่มันวางไว้มันบินโฉบไปเกาะอยู่บนโขดหินยืนขาเดียว
อ้าปากทำตัวให้นกตัวอื่น ๆ และพญานกสนใจ “กา กา กา เราต้องยืนขาเดียวไว้คอยดูเถอะเดี๋ยวนกพวกนี้มันต้องเอะใจ เรานี่ช่างฉลาดจริง ๆ
 
พ่อค้าที่นำเรือออกทะเลนั้นจะนำกาออกไปด้วยเพื่อบอกทิศทาง
 
พ่อค้าที่นำเรือออกทะเลนั้นจะนำกาออกไปด้วยเพื่อบอกทิศทาง
 
       คิดแผนได้เนี๊ยช่างฉลาดสุด ๆ ” ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของกาเมื่อพญานกและนกตัวอื่น ๆ เห็นกาก็แปลกใจเพราะในเกาะนี้มีแต่พวกตน
ที่อาศัยอยู่เท่านั้นประกอบกับพฤติกรรมของกาที่ยืนขาเดียวอ้าปากก็ยิ่งทำให้เกิดความสงสัยจึงบินลงไปถาม “ ท่านเป็นใครรึทำไมถึงได้มาอยู่
ที่เกาะนี้ ” “ ฉันเป็นผู้ประพฤติธรรมจ้า ”
 

พายุได้พัดกระหน่ำมายังเรือที่กำลังเดินทางอยู่ในท้องทะเล
 
พายุได้พัดกระหน่ำมายังเรือที่กำลังเดินทางอยู่ในท้องทะเล
  
        “ เอ้ แล้วทำไมท่านถึงยืนอยู่ขาเดียวเล่า ” “ ก็ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเหยียบลงไปสองขาแผ่นดินก็จะไม่สามารถทานแรงพลังของฉันไว้ได้ ” “ จริงหรือนี่
แต่เจ้ากานี่เป็นผู้ประพฤติธรรมคงไม่โกหกหลอกลวงหรอก ” “ โห เท่จริง ๆ เลย ผู้ประพฤติธรรมช่างมีอำนาจและกำลังมากมายจริง ๆ ” “ ใช่ ๆ ดูสิ
 
ผู้คนในเรือต่างหาวิธีการเพื่อเอาตัวรอดก่อนที่พายุจะพัดเรือแตก
 
ผู้คนในเรือต่างหาวิธีการเพื่อเอาตัวรอดก่อนที่พายุจะพัดเรือแตก
 
        ขนาดยืนยังต้องยืนขาเดียวเลยถ้ายืนสองขาเกาะนี้ทั้งเกาะคงต้องยุบลงทะเลแน่ ๆ เลย ” “ แล้วเหตุไฉนท่านจึงอ้าปากเวลายืนด้วยล่ะ เราสังเกต
เห็นตั้งนานแล้วล่ะว่าท่านยืนขาเดียวแล้วก็อ้าปากตลอดเวลา ” “ ผู้ประพฤติธรรมอย่างฉันไม่กินอาหารอื่นหรอกที่ต้องอ้าปากไว้ก็เพื่อกินลมยังไงล่ะ ”

กาบอกทิศได้บินหนีก่อนที่เรือจะแตกเพราะพายุที่พัดกระหน่ำ
 
กาบอกทิศได้บินหนีก่อนที่เรือจะแตกเพราะพายุที่พัดกระหน่ำ  

       “ โอโหกินลม กินแค่ลมก็อิ่มด้วยเหรอ ” “ เขาเป็นผู้ประพฤติธรรมก็ต้องอิ่มสิ จะมาเหมือนนกธรรมดาอย่างพวกเราได้ยังไง ” “ ฉันจะให้โอวาทแก่เธอ
ทั้งหลาย จงมาฟังโอวาทเถิด ” “ ดูก่อนญาติทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพากันประพฤติธรรม ความเจริญจักมีแก่พวกเธอเพราะว่าผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุข

กาได้บินมาเจอเกาะกลางทะเลเลยบินลงไปเพื่อพักอาศัย
 
กาได้บินมาเจอเกาะกลางทะเลเลยบินลงไปเพื่อพักอาศัย
 
        ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ” เมื่อพญานกและนกได้ฟังกาทุศีลหลอกดังนั้นก็พลันหลงเชื่อ “ ผู้ประพฤติธรรมนี้ช่างน่าเลื่อมใสจริง ๆ เขามาอยู่บนเกาะ
กับเรานี้ก็ดีรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ ” “ ถ้าอย่างนั้นเวลาเราออกไปหาอาหาร เราก็ฝากรังของพวกเราไว้กับผู้ประพฤติธรรมได้สิ

กาได้สังเกตุว่าบนเกาะมีนกฝูงหนึ่งได้อาศัยอยู่
 
กาได้สังเกตุว่าบนเกาะมีนกฝูงหนึ่งได้อาศัยอยู่
 
       พวกเราจะได้ไม่ต้องอยู่เฝ้ากันเอง ออกไปหาอาหารกันให้หมดเลย ” “ อืม ก็ดีเหมือนกันนะถ้าฝากรังของพวกเราไว้กับผู้ประพฤติธรรม
คงไม่มีปัญหาเพราะเขากินแต่ลมไม่กินอะไรคงดูแลไข่และลูกอ่อนของพวกเราได้ ตกลงเอาตามนี้ก็แล้วกันนะ ” “ พวกเราดีใจที่ท่านมาอยู่ด้วย
 
เกาะกลางทะเลมีฝูงนกอาศัยอยู่ภายใต้การดูแลของพญานก
 
เกาะกลางทะเลมีฝูงนกอาศัยอยู่ภายใต้การดูแลของพญานก
 
        จากนี้ไปไข่และลูกนกของพวกเราคงต้องฝากท่านดูแลด้วยนะ ” “ ไม่เป็นไรหรอกเรายินดีดูแลให้ เรากินแค่ลมก็อิ่มแล้ว ไม่ต้องออกไปหาอาหาร
ที่ไหนอยู่เฝ้ารังพวกท่านให้ได้อยู่แล้วล่ะ สบายมาก ” (....อิอิ สำเร็จตามแผนคราวนี้จะได้กินลูกนกกับไข่สมใจแล้ว อูย หวานปาก) เมื่อถึงเวลาออกหากิน

พญานกสังเกตุเห็นว่ามีกาตัวหนึ่งหลงเข้ามาพักอาศัยอยู่บนเกาะที่พวกตนอาศัยอยู่
 
พญานกสังเกตุเห็นว่ามีกาตัวหนึ่งหลงเข้ามาพักอาศัยอยู่บนเกาะที่พวกตนอาศัยอยู่
 
       ฝูงนกก็บินออกจากรังมุ่งสู่ทะเลฝากไข่และลูกอ่อนไว้กับกา “ ไปเถอะจ้า ทางนี้ฉันจะดูแลให้เอง ” “ ไปกันหมดแล้ว สบายเรา โอ้ย ทนหิวตั้งหลายวัน
วันนี้จะกินให้ท้องแตกไปเลย ” กาทุศีลเมื่อเห็นไม่มีนกตัวอื่นอยู่บนเกาะแล้วก็จิกกินไข่และลูกอ่อนของนกเหล่านั้นจนอิ่มแปล้ “ โอ้ย อร่อย หวาน
 
กาได้บอกพญานกว่าตนเป็นผู้ประพฤติธรรมต้องยืนขาเดียวกินลมเป็นอาหาร
 
กาได้บอกพญานกว่าตนเป็นผู้ประพฤติธรรมต้องยืนขาเดียวกินลมเป็นอาหาร
 
       ไข่นกนี่มันอร่อยจริงๆ ” เมื่อกากินไข่และลูกอ่อนจนอิ่มแล้วก็กลับมายืนที่เดิมแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรก็ขึ้นทำท่าสงบเสงี่ยมยืนขาเดียว
อ้าปากอยู่ “ เฮ้อ กินจนเพลินเลยเรา ต้องรีบยืนท่าเดิมเดี๋ยวพวกนกกลับมาก็ไม่รู้เรื่องว่าเรากิน อิ อิ ไม่มีหลักฐาน ”

บรรดานกทั้งหลายต่างพากันสบายใจที่มีกาผู้ประพฤติธรรมได้มาอาศัยอยู่บนเกาะกับพวกตน
 
บรรดานกทั้งหลายต่างพากันสบายใจที่มีกาผู้ประพฤติธรรมได้มาอาศัยอยู่บนเกาะกับพวกตน

        นกทั้งหลายเมื่อถึงเวลาพลบค่ำก็บินกลับเข้ารังบนเกาะ เมื่อกลับมาก็ยังคงเห็นกายืนขาเดียวอยู่อย่างนั้นก็ไม่สงสัยอะไร “ ลูก ลูกฉัน
หายไปไหน ใครมาลูกฉัน ฮือ ฮือ ฮือ ๆๆ ลูก ” “ ไข่ฉันด้วย ไข่ฉันก็แตก ใคร ใคร มาเจาะกินลูกฉัน ฮือ ฮือ ลูกฉัน ” นกทั้งหลายเมื่อกลับมา

พญานกมีความเลื่อมใสในตัวกาและได้ยินยอมให้กาได้พักอาศัยอยู่บนเกาะด้วยกัน
 
พญานกมีความเลื่อมใสในตัวกาและได้ยินยอมให้กาได้พักอาศัยอยู่บนเกาะด้วยกัน

      ไม่เห็นลูกน้อยของตนก็ร้องไห้ฟูมฟายช่วยกันคิดว่าใครเป็นผู้กินลูกน้อยของตนแต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นกา เพราะคิดว่ากาตัวนี้เป็นผู้ประพฤติธรรม
“ ผู้ประพฤติธรรมท่านเห็นสัตว์ที่มากินไข่และลูกอ่อนของพวกเราหรือเปล่า ” “ ไม่เห็นเลยจ๊ะ มีไข่ของพวกเจ้าโดนกินเหรอ

ฝูงนกได้พากันฝากไข่และลูกน้อยของตนไว้กับกาผู้ประพฤติธรรม

ฝูงนกได้พากันฝากไข่และลูกน้อยของตนไว้กับกาผู้ประพฤติธรรม
 
      โอ้ยแย่จังเลยอาจจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานในเกาะนี้หรือเปล่าที่มากินหนะ เฮ้อ ฉันรู้สึกผิดจริง ๆ ที่ดูแลไข่และลูกอ่อนของพวกท่านไม่ดี ”
“ มันไม่ใช่ความผิดของท่านหรอกท่านผู้ประพฤติธรรม อย่าเสียใจไปเลย ” พญานกดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วก็คิดว่าเมื่อก่อนที่นี่ไม่มี
 
ฝูงนกได้พากันออกไปหากินในยามเช้า
 
ฝูงนกได้พากันออกไปหากินในยามเช้า
 
     อันตรายอะไรแต่พอมีกามาอยู่แล้วเรื่องร้ายต่าง ๆ ก็เกิดขึ้น “ เรื่องนี้มันต้องเกี่ยวข้องกับกาแน่ ๆ ไม่ได้ล่ะ เราต้องดักซุ่มดูต้องรู้ให้ได้
ว่าใครเป็นผู้กินไข่กับลูกนกของฝูงเรา ” รุ่งเช้าฝูงนกก็บินออกจากรังเป็นปกติ พญานกก็แสร้งบินออกไปเหมือนทุกวัน

เจ้ากาทุศีลได้มาจิกกินไข่และลูกนกหลังจากที่ฝูงนกได้ออกไปหากินยังท้องทะเล
 
เจ้ากาทุศีลได้มาจิกกินไข่และลูกนกหลังจากที่ฝูงนกได้ออกไปหากินยังท้องทะเล
 
    กาทุศีลคิดว่าไม่มีใครสงสัยก็กระหยิ่มยิ้มย่องในใจคิดว่าวันนี้จะได้กินไข่นกอีก เมื่อเห็นนกบินออกไปหมดแล้วกาก็เริ่มแผนชั่วร้ายอีกครั้ง
โดยหารู้ไม่ว่ามีพญานกแอบดูอยู่ “ โอ้ย เมื่อยขาจริง ๆ ยืนขาเดียวอยู่ทั้งคืนปวดเมื่อยไปหมด ไปหาไข่กินให้หายเมื่อยดีกว่า ”
 
แม่นกทั้งหลายต่างร้องไห้ฟูมฟายที่ไข่และลูกอ่อนของตนถูกกิน
 
แม่นกทั้งหลายต่างร้องไห้ฟูมฟายที่ไข่และลูกอ่อนของตนถูกกิน
 
     “ อร่อยจริง ๆ ไข่นกสด ๆ เนี่ยอร่อยกว่าเมื่อวานอีก สงสัยนกตัวนี้กินอาหารบำรุงไข่แน่ ๆ เลย อร่อย ๆ ๆ ” “ หึ ที่แท้ก็เป็นเจ้ากาตัวนี้นี่เองที่มา
กินไข่และลูกอ่อน กานี้ไม่ใช่ผู้ประพฤติธรรมมันเป็นกาทุศีลต้องจัดการขั้นเด็ดขาดปล่อยไว้ไม่ได้ ” เมื่อเวลาพลบค่ำนกทั้งหลายก็พากัน
  
 
พญานกเริ่มสงสัยว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นบนเกาะน่าจะเกี่ยวข้องกับกาที่เพิ่งมาอาศัย
 
พญานกเริ่มสงสัยว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นบนเกาะน่าจะเกี่ยวข้องกับกาที่เพิ่งมาอาศัย
 
     บินกลับเข้ารัง กาก็กลับมายืนขาเดียวอ้าปากอยู่ที่เดิม พญานกจึงเรียกฝูงนกมาประชุมเพื่อเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง “ วันนี้เราซุ่มจับอันตราย
ของลูกเจ้าทั้งหลาย เห็นกาตัวนี้มันกำลังกินลูกของพวกเจ้าอยู่มันเป็นกาทุศีล ปากก็พูกว่าตัวเองเป็นผู้ประพฤติธรรม
 
พญานกได้บินย้อนกลับมาแอบดูพฤติกรรมของกา
 
พญานกได้บินย้อนกลับมาแอบดูพฤติกรรมของกา
 
       แต่จริง ๆ แล้วกลับเป็นกาที่ชั่วร้ายยิ่งนัก พวกเราจงช่วยกันจิกตีกาตัวนี้ให้พินาศเถิด อย่าให้มาอยู่ร่วมกันกับพวกเราบนเกาะนี้อีกเลย ” “ หนอยแน่ะ
กาตัวนี้เองเหรอบังอาจมาหลอกพวกเราได้ ” “ แก แกมากินลูกฉัน ฉันไม่ปล่อยเอาไว้หรอก พวกเรารุมมันเลย ”
 
พญานกได้เล่าเหตุการณ์ที่ตนเห็นกาทุศีลแอบกินไข่และลูกอ่อนบนเกาะให้ฝูงนกของตนได้รับรู้
 
พญานกได้เล่าเหตุการณ์ที่ตนเห็นกาทุศีลแอบกินไข่และลูกอ่อนบนเกาะให้ฝูงนกของตนได้รับรู้
 
     พญานกกระโดดขึ้นจิกหัวของกานั้น ที่เหลือก็พากันใช่จงอยปากบ้าง เล็บบ้าง แข้งบ้างจิกตีไปที่กาตัวนั้น “โอ้ย ๆ ข้ากลัวแล้ว ๆ ปล่อยข้า
ไปเถอะโอ้ย โอ้ย ” “อย่ามาร้องขอชีวิตเสียให้ยากเลย นี่แน่ะ นี่แน่ะ ” “ นี่แน่ะ ๆ กินลูกข้าใช่ไหม
 
เจ้ากาทุศีลถูกจิกตีทนความเจ็บปวดไม่ไหวตายลงในที่สุด
 
เจ้ากาทุศีลถูกจิกตีทนความเจ็บปวดไม่ไหวตายลงในที่สุด
 
      เจ้าต้องได้รับผลกรรมเช่นนี้แหละ นี่แน่ะ ” กาทุศีลโดนนกทั้งฝูงและพญานกรุมจิกตีทนความเจ็บปวดไม่ได้สิ้นชีวิตลงที่นั้นเอง
 
 
กาโกหก ได้เกิดเป็น ภิกษุผู้โกหก
พญานก เสวยพระชาติเป็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
 
 










พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ