อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว

สังขเศรษฐีได้ช่วยเหลือสหายของตนนามว่าปิลิยเศรษฐี โดยแบ่งเงินของตนให้ ๔๐ โกฎิ แล้วยังแบ่งสมบัติทั้งหลายที่ตนมี ทั้งข้าทาสบริวารให้แก่ปิลิยเศรษฐีครึ่งหนึ่งในครั้งที่เพื่อนของตนเดือดร้อน แต่ในยามที่สังขเศรษฐีลำบาก ปิลิยเศรษฐีกลับเมินเฉยไม่ยอมช่วยเหลือใดๆ https://dmc.tv/a28705

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 17 ม.ค. 2566 ] - [ ผู้อ่าน : 18269 ]

ชาดก 500 ชาติ

อสัมปทานชาดก-ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว

พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร

พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร
  
       ในสมัยพุทธกาลเมื่อครั้งที่พระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร ทรงปรารภพระเทวทัต แล้วจึงทรงตรัส
พระธรรมเทศนาดังนี้ ครั้งนั้นภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรม เรื่องพระเทวทัตเป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณของพระตถาคต
 
พระศาสดาทรงตรัสพระ<a href=http://www.dmc.tv/search/ธรรมเทศนา title='ธรรมเทศนา' target=_blank><font color=#333333>ธรรมเทศนา</font></a>แก่เหล่าภิกษุสงฆ์ ณ ธรรมสภา
 
พระศาสดาทรงตรัสพระธรรมเทศนาแก่เหล่าภิกษุสงฆ์ ณ ธรรมสภา
 
        “ พระเทวทัตนี่ใช้ไม่ได้จริง ๆ ขนาดพระศาสดาทรงอุปสมบทให้ยังเนรคุณพระองค์ได้ ” “ นั่นสิ แถมยังทำลายพระศาสนาอีก แย่จริง ๆ
คนอะไรไม่รู้สำนึกซะบ้าง ” พระศาสดาเสด็จมาถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลายพวกเธอนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร

เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างตั้งพากันตั้งใจฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างตั้งพากันตั้งใจฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์
 
        เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้วตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่พระเทวทัตเป็นผู้อกตัญญู แม้ในครั้งก่อน
ก็เป็นคนอกตัญญูเหมือนกัน ” 
พระศาสดาตรัสกับภิกษุทั้งหลายแล้วจึงทรงเอาเรื่องในอดีตมาสาทกดังต่อไปนี้ ในอดีตกาล

พระโพธิสัตย์เสวยพระชาติเป็นเศรษฐีนามว่า สังขะ
 
พระโพธิสัตย์เสวยพระชาติเป็นเศรษฐีนามว่า สังขะ
 
      ครั้งพระราชามคธพระองค์หนึ่ง เสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครราชคฤห์แคว้นมคธ พระโพธิสัตย์เสวยพระชาติเป็นเศรษฐีมีสมบัติ ๘๐ โกฏิ
นามว่าสังขเศรษฐี สังขเศรษฐีมีสหายในพระนครพาราณสี เป็นเศรษฐีมีสมบัติ ๘๐ โกฎิ นามว่า ปิลิยเศรษฐี ครั้งนั้นปิลิยเศรษฐี
 

สังขเศรษฐีและปิลิยเศรษฐีแห่งนครพาราณสีผู้เป็นสหาย
 
สังขเศรษฐีและปิลิยเศรษฐีแห่งนครพาราณสีผู้เป็นสหาย
 
        ในนครพาราณสีประสบปัญหาการค้าขายขาดทุนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว กลายเป็นคนขัดสนไร้ซึ่งที่พำนัก “ โธ่ ทรัพย์สินเงินทอง
ข้าทาสบริวารตอนนี้ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว ” “ ทำยังไงดีล่ะท่านพี่ ข้าไม่ยอมเป็นคนจนหรอกนะ ” ปิลิยเศรษฐีนึกถึงสังขเศรษฐี
 
 
สังขเศรษฐีผู้มีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ แห่งนครราชคฤห์แคว้นมคธ
 
สังขเศรษฐีผู้มีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ แห่งนครราชคฤห์แคว้นมคธ
        
       ผู้เป็นสหายก็คิดจะขอความช่วยเหลือ จึงชวนภรรยาออกจากพระนครพาราณสีมุ่งไปสู่พระนครราชคฤห์ด้วยเท้าเปล่าจนถึงนิเวศน์ของท่าน
สังขเศรษฐี “ ถึงซะที ข้าเท้าบวมไปหมดแล้ว ” “ เดี๋ยวเราก็สบายแล้ว สหายเราเป็นคนดี คงต้องช่วยเหลือเราแน่ ๆ ”
 
ปิลิยเศรษฐีประสบปัญหาการค้าถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว
 
ปิลิยเศรษฐีประสบปัญหาการค้าถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว
 
       ท่านสังขเศรษฐีเห็นสหายเดินทางมาหาก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี และให้พักอยู่ในเรือนของตน “ สหายท่านมาหาข้าด้วยเรื่องอันใดรึ ”
“ เพื่อนเอ๋ย ต้อนนี้ข้ากำลังลำบาก การค้าขาดทุนถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว ท่านโปรดช่วยเหลือข้าด้วยเถิด ” ฝ่ายสังขเศรษฐีเมื่อรู้ว่าสหาย
 
ปิลิยเศรษฐีเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากสหายยังเมืองราชคฤห์
 
ปิลิยเศรษฐีเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากสหายยังเมืองราชคฤห์
     
        ตกทุกข์ได้ยากก็ให้การช่วยเหลือโดยแบ่งเงินของตนให้ ๔๐ โกฎิ แล้วยังแบ่งสมบัติทั้งหลายที่ตนมี ทั้งข้าทาสบริวารให้แก่ปิลิยเศรษฐีครึ่งหนึ่ง
“ ท่านอย่าได้กังวลใจไปเลย ข้าจะแบ่งเงินให้ท่าน ๔๐ โกฎิ และสมบัติทั้งหลายที่ข้ามีให้ท่านครึ่งหนึ่งไว้ให้ท่านได้ใช้ตั้งตัว ”
 
ปิลิยเศรษฐีเดินทางมาพบกับสังขเศรษฐีสหายของตน
 
ปิลิยเศรษฐีเดินทางมาพบกับสังขเศรษฐีสหายของตน
 
        “ ขอบใจท่านมาก ชาตินี้ข้าจะไม่ลืมบุญคุณท่านเลย ” “ ไม่ต้องเกรงใจเราหรอก เราเป็นสหายกัน ย่อมต้องช่วยเหลือกันในยามเดือดร้อน ”
เมื่อสังขเศรษฐีแบ่งทรัพย์สินให้แล้ว ปิลิยเศรษฐีขนสมบัติพร้อมด้วยข้าทาสบริวารกลับไปพระนครพาราณสีจนตั้งหลักฐานได้
 
สังขเศรษฐีได้ต้อนรับปิลิยเศรษฐีสหายของตนเป็นอย่างดี
 
สังขเศรษฐีได้ต้อนรับปิลิยเศรษฐีสหายของตนเป็นอย่างดี
 
       “ ฮะ ฮ่า ฮ่าฮ่า ดูสิ เรากลับมาร่ำรวยเหมือนเดิมแล้วน้องหญิง ” “ ดีแล้วล่ะค่ะท่านพี่ ข้าล่ะรังเกียจความจนเหลือเกิน ไปไหนมาไหน
ก็อายชาวบ้านเขาไปหมด ” ในเวลาต่อมาฝ่ายสังขเศรษฐีก็เกิดปัญหาในการค้าขายจนหมดสิ้นทรัพย์สินเช่นเดียวกับปิลิยเศรษฐี
 
สังขเศรษฐีได้มอบข้าทาสบริวารของตนให้กับปิลิยเศรษฐีไปครึ่งหนึ่ง
 
สังขเศรษฐีได้มอบข้าทาสบริวารของตนให้กับปิลิยเศรษฐีไปครึ่งหนึ่ง
  
        “ ท่านพี่ตอนนี้เราไม่มีเงินทองแล้ว แม้แต่ข้าวจะกินก็ยังไม่มี เราจะทำยังไงดี ” “ เจ้าอย่ากังวลใจไปเลย เราเคยช่วยเหลือปิลิยเศรษฐีไว้
หากเราไปขอให้เขาช่วย เขาก็คงไม่ปฏิเสธเป็นแน่ ” สังขเศรษฐีคิดได้ว่าตนเคยช่วยเหลือปิลิยเศรษฐีไว้ หากไปขอความช่วยเหลือ

สังขเศรษฐีได้แบ่งเงินและทรัพย์สมบัติของตนครึ่งหนึ่งให้กับปิลิยเศรษฐี    

สังขเศรษฐีได้แบ่งเงินและทรัพย์สมบัติของตนครึ่งหนึ่งให้กับปิลิยเศรษฐี
 
        ผู้เป็นสหายคงช่วยเหลือตนอย่างเต็มที่ ดังนี้แล้วจึงพาภรรยาเดินทางไปยังนครพาราณสีด้วยเท้าเปล่า “ น้องหญิง เราเดินทางไป
ขอความช่วยเหลือจากปิลิยเศรษฐีที่เมืองพาราณสีกันเถอะ ” “ ท่านพี่จะไปไหนน้องก็ขอตามไปด้วย ” เมื่อมาถึงเมืองพาราณสี

ปิลิยเศรษฐีกลับมาตั้งตัวและร่ำรวยได้อีกครั้ง
 
ปิลิยเศรษฐีกลับมาตั้งตัวและร่ำรวยได้อีกครั้ง
  
       ภรรยาสังขเศรษฐีคอยอยู่ที่ศาลาแห่งหนึ่งส่วนตนนั้นจะไปยังบ้านของปิลิยเศรษฐีก่อนแล้วจะกลับมารับนางในภายหลัง “ น้องหญิงรอพี่ที่นี่ก่อน
พอปิลิยะเศรษฐีให้เงินและข้าทาสบริวารแก่พี่แล้ว พี่จะส่งรถมารับเจ้าในภายหลัง ” “ ขอให้สหายของท่านนึกถึงบุญคุณที่เราเคยช่วยเหลือเขาด้วยเถิด ”

สังขเศรษฐีเกิดปัญหาทางการค้าจนทรัพย์สินที่มีอยู่หมดไม่มีเหลือ
 
สังขเศรษฐีเกิดปัญหาทางการค้าจนทรัพย์สินที่มีอยู่หมดไม่มีเหลือ
 
        สังขเศรษฐีมาถึงบ้านของปิลิยเศรษฐีแล้วก็ให้คนไปบอกเศรษฐีผู้เป็นสหายว่าตนมาหา “ นายท่านสังขเศรษฐีจากเมืองราชคฤห์มาขอพบขอรับ ”
“ สังขเศรษฐีมาหาเราทำไมกัน หรือว่าจะมาขอเงินคืนจากเรา ” เมื่อให้คนเชิญสังขเศรษฐีเข้ามาในบ้านแล้ว ปิลิยเศรษฐีก็ไม่ได้ลุกจากที่นั่งไปทักทาย


สังขเศรษฐีและภรรยาได้เดินทางมายังเมืองพาราณสีด้วยเท้าเปล่า
 
สังขเศรษฐีและภรรยาได้เดินทางมายังเมืองพาราณสีด้วยเท้าเปล่า
 
       เพียงแค่เอ่ยถามสหายเก่าว่ามาหาตนทำไม “ ท่านมาหาข้าทำไมกัน ” “ ข้ามาเพื่อขอพบท่าน ” “แล้วนี่ท่านพักที่ไหนล่ะ ” “ ข้ายังไม่มีที่พักหรอก
ตอนนี้ภรรยาของข้าก็รอข้าอยู่ที่ศาลาข้างนอก ” ปิลิยเศรษฐีรู้ว่าสหายผู้มาจากเมืองราชคฤห์ต้องการความช่วยเหลือ แต่แทนที่จะให้ทรัพย์สินเงินทอง
 
สังขเศรษฐีให้ภรรยารออยู่นอกเมืองส่วนตนเดินทางไปยังบ้านของปิลิยเศรษฐีผู้เป็นสหาย
 
สังขเศรษฐีให้ภรรยารออยู่นอกเมืองส่วนตนเดินทางไปยังบ้านของปิลิยเศรษฐีผู้เป็นสหาย
 
        และข้าทาสบริวารเหมือนที่ตนเคยได้รับการช่วยเหลือจากสหาย ปิลิยเศรษฐีกลับสั่งให้ทาสตวงข้าวลีบ ๔ ทนานห่อชายผ้าผู้เป็นสหาย
แล้วออกปากไล่ไป “ เฮ้ย ข้ากำลังยุ่ง ท่านรีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวข้าจะให้ทาสไปเอาข้าวมาให้จงรับไปหุงต้มกินเองเถิด ” “ เจ้าทาสจงไป
 
สังขเศรษฐีได้เดินทางมาถึงบ้านของปิลิยเศรษฐีผู้เป็นสหาย
 
สังขเศรษฐีได้เดินทางมาถึงบ้านของปิลิยเศรษฐีผู้เป็นสหาย
 
       ตวงข้าวลีบ ๔ ทนาน ห่อชายผ้าสหายของเราให้ไปเถิด ” “ สหายเราทำกับกับเราเช่นนี้ เสียแรงที่เคยช่วยเหลือจริง ๆ ” ได้ยินว่าวันนั้น
ปิลิยเศรษฐีให้คนผัดข้าวสาลีสีแดงไว้ประมาณพันเกวียนขึ้นยุ้งไว้เต็ม ทั้งที่ได้รับทรัพย์ ๔๐ โกฏิมา ยังเนรคุณผู้เป็นสหาย
 
ทาสในเรือนได้มาแจ้งปิลิยเศรษฐีว่าสหายของตนมาเยี่ยมยังที่บ้าน
 
ทาสในเรือนได้มาแจ้งปิลิยเศรษฐีว่าสหายของตนมาเยี่ยมยังที่บ้าน
 
       ฝ่ายสังขเศรษฐีเมื่อเห็นทาสตวงข้าวลีบ ๔ ทนานมาให้ ก็คิดจะรับหรือไม่รับข้าวนั้นดี หากไม่รับก็จะเป็นการทำลายมิตรภาพที่ยังเหลืออยู่
จึงตัดสินใจรับข้าวนั้นห่อชายผ้าแล้วออกจากบ้านปิลิยเศรษฐี " หากเราไม่รับข้าวนี้ก็ถือว่าเราทำลายมิตรภาพที่เหลืออยู่
 
ปิลิยเศรษฐีไม่ได้ลุกขึ้นไปต้อนรับสหายของตนตามที่ควรจะเป็น
 
ปิลิยเศรษฐีไม่ได้ลุกขึ้นไปต้อนรับสหายของตนตามที่ควรจะเป็น

        ถ้าเช่นนั้นเราก็จะรับข้าวนี้ไว้ " เมื่อสังขเศรษฐีรับข้าวลีบ ๔ ทะนานนั้นมาแล้วก็กลับมาหาภรรยาตนที่ศาลา ครั้นภรรยาเห็นผู้เป็นสามีไม่ได้กลับมา
พร้อมเงินทองและข้าทาสบริวารดังที่ตั้งใจไว้ก็รู้สึกแปลกใจ “ ท่านพี่ สหายท่านยินดีช่วยเหลือเราหรือเปล่า ” “ ปิลิยเศรษฐีผู้นี้เป็นผู้ไม่รู้บุญคุณคน

สังขเศรษฐีได้รับการปฏิเสธการช่วยเหลือจากสหายปิลิยเศรษฐี
 
สังขเศรษฐีได้รับการปฏิเสธการช่วยเหลือจากสหายปิลิยเศรษฐี

       เขาให้ข้าวลีบพี่มา ๔ ทะนานเท่านั้น ” “ ท่านพี่รับมาทำไม มันสมควรกับทรัพย์ ๔๐ โกฏิ ที่เราเคยให้เขาแล้วหรือ ” “ เจ้าอย่าร้องไห้ไปเลย
หากไม่รับข้าวลีบนี้ เราก็จะเสียไมตรีกับเขา พี่จึงรับไว้ เจ้าอย่าได้ร้องไห้ไปอีกเลย ” ในขณะที่เศรษฐีกำลังปลอบใจภรรยาอยู่นั้น

สังขเศรษฐีตัดสินใจรับข้าวลีบ ๔ ทะนานจากปิลิยเศรษฐีผู้เป็นสหาย

สังขเศรษฐีตัดสินใจรับข้าวลีบ ๔ ทะนานจากปิลิยเศรษฐีผู้เป็นสหาย
 
       ทาสผู้หนึ่งที่สังขเศรษฐีมอบให้ปิลิยเศรษฐีผ่านมาเห็นเจ้านายเก่าก็เข้ามาทำความเคารพ “ นายท่าน นายท่านจริง ๆ ด้วย ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน ”
“ เจ้านั่นเอง เป็นอย่างไรบ้าง อยู่ทีนี่สบายดีรึ ” “ สบายดีขอรับ ว่าแต่นายท่านและนายหญิงมาทำอะไรที่นี่ขอรับ ” เมื่อทาสผู้นี้ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
 
สังขเศรษฐีได้กลับมาหาภรรยาของตนพร้อมกับข้าวลีบ ๔ ทะนาน
 
สังขเศรษฐีได้กลับมาหาภรรยาของตนพร้อมกับข้าวลีบ ๔ ทะนาน
 
       ก็ปลอบใจท่านเศรษฐี แล้วพานายเก่าทั้งสองไปยังบ้านของตน ให้อาบน้ำหอม ให้บริโภคอาหารแล้วเรียกทาสทั้งหลายที่เหลือมาประชุมกัน
“ เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างที่ข้าเล่านี้แหละ ปิลิยเศรษฐีเป็นคนเนรคุณ ไม่รู้จักบุญคุณคน ” “ ปิลิยเศรษฐีคนเนรคุณ ดูสิทำกับเจ้านายเราได้ ”
 
ทาสคนหนึ่งที่สังขเศรษฐีมอบให้ปิลิยเศรษฐีได้ผ่านมาเห็นเจ้านายเก่าของตน
 
ทาสคนหนึ่งที่สังขเศรษฐีมอบให้ปิลิยเศรษฐีได้ผ่านมาเห็นเจ้านายเก่าของตน
 
       “ คนเลวแบบนี้ ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ ” วันต่อมาพวกทาสทั้งหลายก็พากันไปยังท้องพระลานหลวง แล้วร้องตะโกนโพนทะนาเรื่องความเนรคุณของปิลิยเศรษฐี
“ ปิลิยเศรษฐีคนเนรคุณ ไม่รู้จักบุญคุณคน ” “ ตอนตัวเองเดือดร้อนสหายก็ให้การช่วยเหลือ แต่พอสหายเดือดร้อนบ้างกลับผลักไสไล่ส่ง ”
 
สังขเศรษฐีได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดของตนให้ข้าทาสเก่าได้ฟัง
 
สังขเศรษฐีได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดของตนให้ข้าทาสเก่าได้ฟัง
 
      “ ปิลิยเศรษฐีคนเนรคุณ ” พระราชาทรงผ่านมาได้ยิน จึงรับสั่งให้เรียกมาตรัสถาม เมื่อทรงทราบเรื่องแล้วจึงสั่งให้เรียกเศรษฐีทั้งสองมาเข้าเฝ้า
“ ท่านสังขเศรษฐีได้ยินว่าท่านให้ทรัพย์ ๔๐ โกฏิแก่ปิลิยเศรษฐีจริงรึ ” “ จริงพระเจ้าค่ะ ข้าพระองค์ยังแบ่งสมบัติทั้งหมดให้อีกครึ่งหนึ่งด้วย ”
 
ข้าทาสเก่าของสังขเศรษฐีได้มาประชุมกันเพื่อต้องการช่วยเหลือเจ้านายของตน
 
ข้าทาสเก่าของสังขเศรษฐีได้มาประชุมกันเพื่อต้องการช่วยเหลือเจ้านายของตน
 
       “ เป็นความจริงรึท่านปิลิยเศรษฐี ” “ เออ คือเรื่องนั้นเป็นความจริงพระเจ้าค่ะ ” “ แล้วตอนนี้สังขเศรษฐีมาขอความช่วยเหลือจากท่าน
ท่านได้ช่วยเหลืออะไรเขาบ้างล่ะ ” “ เออ เออ ” “ อีกอย่างเจ้าได้ให้ทาสตวงข้าวลีบ ๔ ทะนานใส่ชายผ้าให้เขาไปจริงรึ ” “ เออ ”
 
ข้าทาสเก่าได้พากันโพนทะนาถึงการกระทำของปิลิยเศรษฐีที่หน้าท้องพระลานหลวง
 
ข้าทาสเก่าได้พากันโพนทะนาถึงการกระทำของปิลิยเศรษฐีที่หน้าท้องพระลานหลวง
 
      ปิลิยเศรษฐีแม้ได้ฟังดำรัสนั้นก็คงนิ่งอึ้งอยู่ พระราชาเห็นดังนั้นจังรับสั่งให้ราชบุตรทั้งหลายเอาสมบัติทั้งหมดในเรือนปิลิยเศรษฐีให้แก่สังขเศรษฐี
“ พวกเจ้าจงไปเอาสมบัติที่มีทั้งหมดในบ้านของปิลิยเศรษฐีให้แก่สังขเศรษฐี ” “ ซวยแล้ว หมดตัวอีกรอบแล้วสิเรา ” “ ข้าพระองค์ไม่ต้องการ

พระราชาทรงเรียกเศรษฐีทั้งสองไปสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
 
พระราชาทรงเรียกเศรษฐีทั้งสองไปสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
 
       สิ่งของของผู้อื่น ขอทรงพระราชทานส่วนที่ข้าพระองค์ให้แก่เขาเท่านั้นเถิดพระเจ้าค่ะ ” เมื่อสังขเศรษฐีทูลขอดังนั้นพระราชาจึงรับสั่ง
ให้พระราชทานสมบัติรวมทั้งข้าทาสบริวารอันเป็นส่วนของสังขเศรษฐีคืนให้ สังขเศรษฐีได้รับสมบัติส่วนของตนคืนทั้งหมดแล้วพร้อมด้วย
 
สังขเศรษฐีได้เดินทางกลับนครราชคฤห์พร้อมด้วยเงินและข้าทาสบริวารในส่วนที่เป็นของตน
 
สังขเศรษฐีได้เดินทางกลับนครราชคฤห์พร้อมด้วยเงินและข้าทาสบริวารในส่วนที่เป็นของตน
 
       ข้าทาสบริวารทั้งหลายกลับไปสู่นครราชคฤห์ก็สามารถตั้งหลักฐานได้ดังเดิม พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า 
 
ปิลิยเศรษฐีในครั้งนั้น กำเนิดเป็น พระเทวทัต
สังขเศรษฐี เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า

 
 










พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ