สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู

พระฤาษีได้ช่วยเหลือทุฏฐกุมารผู้มีใจโหดร้ายให้รอดพ้นจากกระแสน้ำที่ไหลหลาก แต่ทุฏฐกุมารกลับโกรธแค้นที่ฤาษีดูแลและให้ความสำคัญกับชีวิตสัตว์มากกว่าตน เลยผูกใจเจ็บและได้สั่งตัดหัวพระฤาษีทันทีเมื่อได้โอกาส https://dmc.tv/a28688

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 14 ธ.ค. 2565 ] - [ ผู้อ่าน : 18275 ]

ชาดก 500 ชาติ

สัจจังกิรชาดก-ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู

พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร

พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร
  
       พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหารได้ทรงทราบข้อสนทนาของภิกษุสงฆ์ซึ่งประชุมกันในธรรมสภาเกี่ยวกับความพยายามของพระเทวทัต
ที่จะปลงพระชนม์ของพระองค์ด้วยความไม่รู้คุณ “ เมื่อกล่าวถึงพระเทวทัตแล้วเราก็หวาดกลัวยิ่งนัก ” “ นั้นนะสิ น้ำใจช่างโหดเหี้ยมนัก ทำร้ายได้
แม้กระทั่งองค์พระศาสดาผู้มีพระคุณ ”
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างสนทนากันถึงพระเทวทัตที่พยายามปลงพระชนม์พระพุทธองค์
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างสนทนากันถึงพระเทวทัตที่พยายามปลงพระชนม์พระพุทธองค์
 
        “ ช่างไม่กลัวบาปบุญคุณโทษ ไม่น่าคบหาจริง ๆ ” “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายมิใช่ในบัดนี้เท่านั้นที่พระเทวทัตพยายามฆ่าเรา แม้ในอดีต
ก็พยายามมาแล้ว ” แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงตรัสเล่าเรื่อง สัจจังกิรชาดก 
ณ นครพาราณสี มเหสีของพระเจ้าพรหมทัต

พระศาสดาทรงตรัสเล่า สัจจังกิรชาดก แก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
พระศาสดาทรงตรัสเล่า สัจจังกิรชาดก แก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
        ผู้ปกครองเมืองได้ให้ประสูติพระโอรสนานมว่าทุฏฐกุมาร ทุฏฐกุมารราชบุตรของพระเจ้าพรหมทัตเมื่อเติบใหญ่ก็มีนิสัยก้าวร้าว กิริยาจา
หยาบคายชอบด่าว่าเฆี่ยนตีทำร้ายผู้อื่นจนไม่มีใครชื่นชอบ “ ทำไมรสชาติอาหารแย่อย่างนี้ใครจะไปกินลง นี่แน่ะ ไปทำมาใหม่เดี๋ยวนี้ ”

นครพาราณสีปกครองโดยพระเจ้าพรหมทัต
 
นครพาราณสีปกครองโดยพระเจ้าพรหมทัต
 
      “ ได้เจ้าค่ะ ” “ อูย โดนอีกแล้วเราอะไรนี่ ข้าอุตส่าห์ทำสุดฝีมือยังไม่อร่อยอีกเหรอ ” “ ฉันละกลุ้มใจอยู่นี่แหละป้า เอาใจไม่ถูกสักที่ ” “ เจ้ายังดี
ที่เจอแค่ขว้างปาข้าวของ ข้าสิโชคร้ายสุด ๆ ดันอารักขาไม่ดี ปล่อยให้โอรสเดินสะดุดกิ่งไม้เข้า โดนเฆี่ยนตั้งหลายที่แน่ะ ” “ งานก็หนักอยู่แล้ว
 

ทุฏฐกุมารโอรสของพระเจ้าพรหมทัตแห่งนครพาราณสี
 
ทุฏฐกุมารโอรสของพระเจ้าพรหมทัตแห่งนครพาราณสี
 
        ยังมาเจอโอรสที่เอาแต่ใจอีก ” วันหนึ่งทุฏฐกุมารปรารถนาที่จะลงเล่นน้ำในแม่น้ำจึงสั่งให้บริวารพาออกไปกลางแม่น้ำ “ วันนี้อากาศร้อนรุ่มจริง ๆ
ได้เล่นน้ำในแม่น้ำคงจะเย็นดี พวกเจ้าไปหาเรือที่จะพาเราไปกลางแม่น้ำสิ เราอยากเล่นน้ำ ” “ เอาแล้วไงรับรองว่าเล่นน้ำครั้งนี้คงไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง
 
 
โอรสทุฏฐกุมารมีนิสัยเอาแต่ใจก้าวร้าวและชอบทำร้ายผู้อื่น
 
โอรสทุฏฐกุมารมีนิสัยเอาแต่ใจก้าวร้าวและชอบทำร้ายผู้อื่น
        
       โธ่จะบ้าตายใครจะไปแช่น้ำอารักขาอยู่ได้ตั้งชั่วโมง ” “ ไม่เห็นจะเป็นไรเลยพี่ ถ้าไม่อยากอยู่อารักขา ก็ไม่ต้องอารักขาสิ ” “ หมายความว่ายังไงรึ ”
“ แหม ไม่เห็นจะเข้าใจยากเลย โอรสเอาแต่ใจทำแต่กรรมชั่วเช่นนี้ เราจะปล่อยไว้ทำไมละพี่ ” “ เจ้านี่ ช่างคิดดีจริง ๆ เลย ” แล้วเหล่ามหาดเล็กก็ปรึกษา
กันว่าจะกำจัดคนใจร้ายให้ตายเสียในแม่น้ำ

 
โอรสทุฏฐกุมารมีความประสงค์ที่จะลงเล่นน้ำในแม่น้ำ
 
โอรสทุฏฐกุมารมีความประสงค์ที่จะลงเล่นน้ำในแม่น้ำ
 
       จึงวางแผนพายเรือพาโอรสทุฏฐกุมารลงเล่นน้ำกลางสระลึกสมใจ ในขณะที่โอรสเล่นน้ำอย่างสนุกสนานมหาดเล็กก็แอบพายเรือกลับฝั่ง
โดยไม่ให้โอรสรู้พระองค์ “ เบา ๆ เดี๋ยวพระองค์จะทันเห็นซะก่อน ” “ ได้เล่นน้ำอย่างนี้ไม่มีทางสนใจพวกเราหรอก พายเรือดังแค่ไหน
พระองค์ก็ไม่มีทางรู้ ”
 
มหาดเล็กและบริวารได้วางแผนที่จะกำจัดทุฏฐกุมาร
 
มหาดเล็กและบริวารได้วางแผนที่จะกำจัดทุฏฐกุมาร
     
        เวลาผ่านไปเมื่อทุฏฐกุมารเล่นน้ำจนเหนื่อยเพลียหวังจะกลับเข้าฝั่งแต่ก็หาได้เจอมหาดเล็กไม่ จึงตัดสินใจว่ายกลับฝั่ง แต่ด้วยกระแสน้ำที่พัดแรงขึ้น
ร่างกายที่เล่นน้ำเป็นเวลานานจึงอ่อนเพลียไม่อาจต้านทานแรงน้ำไหวจึงถูกกระแสน้ำพัดลอยไป “ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยเราด้วย ช่วยด้วย ”
 
มหาดเล็กได้พายเรือพาทุฏฐกุมารไปยังกลางแม่น้ำ
 
มหาดเล็กได้พายเรือพาทุฏฐกุมารไปยังกลางแม่น้ำ
 
        ทุฏฐกุมารลอยตามกระแสน้ำได้สักพักก็เจอขอนไม้แห้งลอยน้ำมา เขาจึงเกาะขอนไม้นั้นไว้เช่นเดียวกับ งู หนู และลูกนกแขกเต้า ที่ถูกกระแสน้ำ
พัดมาเช่นกัน สัตว์ทั้งสามตัวจึงมาเกาะอยู่ที่ขอนไม้อันเดียวกันกับที่ทุฏฐกุมารเกาะอยู่ งูที่ลอยตามน้ำมานั้น อดีตเป็นเศรษฐีที่ฝังทรัพย์ไว้ ๔๐ โกฎิ
 
มหาดเล็กได้ทิ้งทุฏฐกุมารไว้กลางแม่น้ำ
 
มหาดเล็กได้ทิ้งทุฏฐกุมารไว้กลางแม่น้ำ
 
       เมื่อตายไปจึงไปเกิดเป็นงูเฝ้าทรัพย์ของตนอยู่ ในอดีตหนูตัวนี้ก็เป็นเศรษฐีฝังทรัพย์ไว้ ๓๐ โกฏิ ด้วยความห่วงทรัพย์ตายไปจึงเกิดมาเป็นหนูเฝ้าหลุมทรัพย์อยู่
เมื่อเกิดพายุหนัก น้ำท่วมรู กระแสน้ำพัดเอางูและหนูลงสู่แม่น้ำ สัตว์ทั้งสองตัวจึงรีบว่ายเข้าไปเกาะอาศัยขอนไม้นั้น “ โอ้ย น้ำจะพัดเราไปแล้วว่ายไม่ไหวแล้ว
 
ทุฏฐกุมารถูกกระแสน้ำพัดมาเจอขอนไม้ที่ลอยน้ำท่อนหนึ่ง
 
ทุฏฐกุมารถูกกระแสน้ำพัดมาเจอขอนไม้ที่ลอยน้ำท่อนหนึ่ง
  
        โอ้ย ช่วยด้วย ๆ ๆ ช่วยด้วย ” พายุฝนตกหนักทำให้ต้นไม้ที่นกแขกเต้าทำรังอาศัยโค่นลง ลูกนกไม่สามารถบินไปได้ จึงถูกกระแสน้ำพัดมาเกาะ
บนขอนไม้นั้นอยู่เช่นกัน “ ฮือ ฮือ ช่วยด้วย ๆ ” “ ที่ยิ่งน้อย ๆ อยู่ พวกเจ้าจะมาเกาะบนนี้ทำไมเนี่ย เราเป็นกุมารนะ พวกเจ้าเป็นแค่สัตว์เดรัจฉาน
จะมาเกาะอยู่ที่เดียวกับเราได้ยังไง ” “ ใจร้ายจังไม่ให้เราเกาะตรงนี้แล้วเราจะไปเกาะตรงไหนล่ะ ”

หนู งู และนกแขกเต้าถูกระแสน้ำพัดมาเกาะยังขอนไม้ที่ลอยน้ำอยู่    

หนู งู และนกแขกเต้าถูกระแสน้ำพัดมาเกาะยังขอนไม้ที่ลอยน้ำอยู่
 
        “ มาถึงวินาทีแห่งความเป็นความตายแล้ว ท่านยังจะยึดติดกับฐานะอีกเหรอ ช่างใจดำจริง ๆ ” “ พวกเราหนีตายมาได้ก็เพราะขอนไม้นี้แหละ
หนึ่งชีวิตของพวกเรา ก็สำคัญเท่าชีวิตของท่านนั้นแหละ ” “ หนวกหูเจ้าพวกนี้จริง ๆ ” ทั้งสี่ชีวิตอาศัยขอนไม้ลอยน้ำมาติดอยู่ที่ตลิ่งตรงข้ามคุ้งน้ำ
ที่มีพระฤาษีสร้างศาลาอยู่ “ ช่วยด้วย ๆ ๆ ท่านช่วยเราขึ้นไปด้วย ”

ลูกนกแขกเต้าถูกกระแสน้ำพัดมาติดขอนไม้เพราะต้นไม้ที่มันอาศัยอยู่ได้หักโค่นลง
 
ลูกนกแขกเต้าถูกกระแสน้ำพัดมาติดขอนไม้เพราะต้นไม้ที่มันอาศัยอยู่ได้หักโค่นลง
  
       “ ช่วยด้วย ๆ ” พระฤาษีได้ยินเสียงเรียกร้องให้คนช่วยก็เมตตาสงสารว่ายตัดกระแสน้ำไปช่วยลากขอนไม้กลับมาขึ้นฝั่ง อุ้มพระกุมารขึ้นมาพร้อมทั้งนำ
สัตว์ทั้งสามขึ้นมาด้วย ฤาษีก่อไฟผิงแก้หนาวสั่นด้วยเห็นว่างูหนูและนกเป็นสัตว์อ่อนแอกว่าจึงให้ผิงไฟก่อน ให้พระกุมารผิงไฟที่หลัง “ เป็นไงล่ะอุ่นขึ้น
หรือยัง ” “ อุ่นมากเลยท่านฤาษี ขอบคุณมากที่ช่วยชีวิตพวกเรา ”


ขอนไม้ลอยน้ำมาติดอยู่ที่ตลิ่งตรงข้ามบรรณศาลาของฤาษีตนหนึ่ง
 
ขอนไม้ลอยน้ำมาติดอยู่ที่ตลิ่งตรงข้ามบรรณศาลาของฤาษีตนหนึ่ง
 
        “ เชอะ ฤาษีตนนี้กล้าดียังไง ถึงปรนนิบัติสัตว์พวกนี้ก่อนที่จะดูแลเรา ” พอถึงเวลาอาหารฤาษีก็เลือกที่จะให้แก่พวกสัตว์ทั้งสามก่อนเนื่องจากเห็นว่า
อ่อนแอกว่า เหตุนี้จึงทำให้ทุฏฐกุมารผูกใจเจ็บแค้น ว่าดาบสผู้นี้มิได้นับถือตัวเองว่าเป็นพระราชกุมารกลับยกย่องพวกสัตว์เดรัจฉาน จึงผูกอาฆาตฤาษี


พระฤาษีได้ฝ่ากระแสน้ำไปช่วยทุฏฐกุมารและสัตว์ทั้งสามขึ้นมายังบรรณศาลาของตน
 
พระฤาษีได้ฝ่ากระแสน้ำไปช่วยทุฏฐกุมารและสัตว์ทั้งสามขึ้นมายังบรรณศาลาของตน
 
       “ หวาน ๆ อร่อยจริง ๆ เลยนะพี่หนูพี่งู ” “ ใช่ ๆ หิวมานานไม่ได้กินจุใจสักที หือ หวาน ” “ ตั้งแต่เกิดมามื้อนี้อร่อยที่สุดเลย พวกเจ้าว่ามั๊ย ” “ ใช่ ๆ ๆ ”
เวลาผ่านไปสองถึงสามวันเมื่อกระแสน้ำลดลง ร่างกายของสัตว์ทั้งสามตัวและทุฏฐกุมารแข็งแรงขึ้น พระกุมารและสัตว์ทั้งสามก็ลากลับที่อยู่ของตน
 
ฤาษีให้สัตว์ทั้งสามตัวที่อ่อนแอได้ผิงไฟก่อนทุฏฐกุมาร
 
ฤาษีให้สัตว์ทั้งสามตัวที่อ่อนแอได้ผิงไฟก่อนทุฏฐกุมาร
 
        “ ขอขอบพระคุณท่านฤาษีมากที่ช่วยชีวิตเราไว้ ข้าพเจ้าฝังทรัพย์ไว้ ๔๐ โกฏิ ณ ที่นั้น หากพระคุณเจ้าจะใช้สอยทรัพย์ ข้าพเจ้าจะถวายทรัพย์ทั้งหมด
ให้ได้ เพียงแต่ไปที่นั่นแล้วเรียกทีฆะเท่านั้นเอง ” “ พระคุณเจ้าช่วยชีวิตข้าพเจ้าเป็นบุญคุณใหญ่หลวง ขอตอบแทนพระคุณเจ้าด้วยทรัพย์ทั้งหมด ๓๐ โกฏิ
 
ทูฏฐกุมารไม่พอใจที่ฤาษีมอบผลไม้ให้สัตว์ทั้งสามตัวก่อนที่จะให้ตน
 
ทูฏฐกุมารไม่พอใจที่ฤาษีมอบผลไม้ให้สัตว์ทั้งสามตัวก่อนที่จะให้ตน
 
       ที่มีอยู่เพียงแต่ไปที่รูแล้วเรียกข้าพเจ้าว่าอุนทุระเถิด ” “ ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ ข้าพเจ้าไม่มีทรัพย์เลย แต่หากพระคุณเจ้าต้องการข้าวสาลีแดง
เมื่อใดโปรดไปที่อยู่ของข้าพเจ้าเรียกชื่อว่าสุวะ ข้าพเจ้าจะบอกหมู่ญาติให้ช่วยขนข้าวสาลีแดงมาให้หลายเล่มเกวียน ” ฝ่ายพระกุมารผู้มีจิตใจมุ่งร้าย
 
สัตว์ทั้งสามตัวได้ลาฤาษีกลับไปยังที่พักของตน
 
สัตว์ทั้งสามตัวได้ลาฤาษีกลับไปยังที่พักของตน
 
       ต่อผู้อื่นเป็นนิสัยคิดในใจว่าจะฆ่าดาบสให้ตายเสียเมื่อพระดาบสไปหา แต่ก็แกล้งพูดอย่างอื่นไป “ เมื่อข้าพเจ้ากลับไปที่พระนครได้ครองราชย์สมบัติ
แล้วนิมนต์มาเถอะ ข้าพเจ้าจะถวายปัจจัยสี่ ” “ เอาล่ะ ๆ ขอบใจพวกเจ้ามาก เดินทางกลับกันดี ๆ ล่ะ เมื่อไหร่ที่เราต้องการของพวกนั้นแล้วเราจะไปพบ
พวกเจ้าเองแล้วกัน ”
 
ทุฏฐกุมารได้ลาฤาษีกลับไปยังบ้านเมืองของตน
 
ทุฏฐกุมารได้ลาฤาษีกลับไปยังบ้านเมืองของตน

        พระกุมารทุฏฐกุมารเมื่อเสด็จกลับนครพาราณสีได้ไม่นานก็ได้เสวยราชสมบัติ “ เวลาก็ผ่านไปนานแล้ว เราจะทดสอบกุมารและสัตว์ทั้งสาม ดูสิว่า
จะทำตามอย่างที่พูดไว้หรือเปล่า ”  ฤาษีเสด็จไปหางูก่อน เมื่อถึงรูงูแล้วก็เอ่ยฑีฆะเพียงคำเดียวงูก็เลื้อยออกมาว่า “ ที่ตรงนี้มีทรัพย์ ๔๐ โกฏิ นิมนต์
ท่านขุดเอาไปเถิด ”

พระฤาษีได้ออกเดินทางไปหาทุฏฐกุมารและสัตว์ทั้งสาม
 
พระฤาษีได้ออกเดินทางไปหาทุฏฐกุมารและสัตว์ทั้งสาม

       “ ขอบใจมาก เก็บไว้ตรงนี้แหละเรายังไม่ต้องการหรอก ” เมื่อไปหาหนูเอ่ยเสียงเรียกอุนทุระหนูก็ออกมา “ ท่านขนทรัพย์สินของเราไปหมดเถอะ ”
“ ขอบใจเรายังไม่ต้องการหรอกเก็บไว้ที่เจ้าก่อนเถอะ ” เมื่อพระฤาษีไปหานกแขกเต้าเรียกสุวะเพียงคำเดียวนกก็โผลงจากขอนไม้มาต้อนรับ

พระฤาษีได้มาหางูที่มีชื่อว่าฑีฆะ

พระฤาษีได้มาหางูที่มีชื่อว่าฑีฆะ
 
       “ ข้าพเจ้าจะไปหาพวกญาติให้ช่วยขนข้าวสาลีแดงมาถวายท่านรอสักครู่เถิด ” “ ยังหรอก ขอบใจมากเจ้ายังไม่ต้องหรอก เมื่อเราต้องการเราจะ
บอกเจ้าอีกที ” พระฤาษีหวังจะทดสอบพระกุมารซึ่งได้ครองราชย์สมบัติเป็นพระราชาจึงไปพักที่อุทยาน รุ่งเช้าทุฏฐราชาทรงช้างเลียบพระนคร
เห็นดาบสแต่ไกล
 
พระฤาษีได้มาหาหนูอุนทุระที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้
 
พระฤาษีได้มาหาหนูอุนทุระที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้
 
       “ หึ มาแล้วหรือท่านฤาษี ดีล่ะ เราจะจัดการให้สาสมกับที่ท่านทำเราให้เจ็บใจเลย ” ทุฏฐราชาสั่งทหารให้จับพระฤาษีมัดไว้แล้วเฆี่ยนตีทุก ๆ สี่แยก
“ ทหารมัดตัวฤาษีไว้นำออกจากพระนครไปตัดหัวที่ตะแลงแกงแล้วเอาตัวเสียบหลาวไว้ ” “ ขอนไม้ลอยน้ำยังดีกว่าคนอกตัญญู เราช่วยคนใจบาป
 
พระฤาษีได้มาพบกับนกแขกเต้านามสุวะที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้
 
พระฤาษีได้มาพบกับนกแขกเต้านามสุวะที่ตนเคยช่วยชีวิตไว้
 
       ให้รอดตายจากกระแสน้ำกลับเป็นการนำทุกข์มาสู่ตนแท้ ๆ ” พระดาบสมิได้สะทกสะท้านหรือคร่ำครวญเลยกลับพูดประโยคนี้ทุกที่ทุกแห่งที่ถูก
เฆี่ยนตี เหล่าทหารและประชาชนได้เห็นพฤติกรรมของฤาษีดังนั้นก็เกิดความสงสัยจึงเข้าไปซักถาม “ ท่านทำคุณอะไรไว้แก่พระราชาของเรารึ ”
 
พระราชาสั่งทหารจับพระฤาษีและให้เฆี่ยนตีประจานไปทั่วเมืองด้วยความโกรธแค้น
 
พระราชาสั่งทหารจับพระฤาษีและให้เฆี่ยนตีประจานไปทั่วเมืองด้วยความโกรธแค้น
 
      พระดาบสจึงเล่าเรื่องให้ฟังรวมถึงเรื่องที่นกหนูและงูนำสมบัติของตนมอบให้ฤาษี “ เราเองช่วยชีวิตพระราชานี้แต่กลับกลายเป็นให้ทุกข์แก่ตน
งู หนู และนกยังไม่เนรคุณเช่นนี้เลย ” ชาวเมืองทั้งหลายพากันใคร่ครวญแล้วก็เห็นพ้องต้องกันว่าพระราชาองค์นี้มักทำลายมิตร มีจิตใจโหดร้าย
 
ชาวเมืองได้พากันสอบถามพระฤาษีถึงสาเหตุทีทำให้ถูกลงโทษ
 
ชาวเมืองได้พากันสอบถามพระฤาษีถึงสาเหตุทีทำให้ถูกลงโทษ
 
       ไร้คุณธรรมและอกตัญญูถ้าให้ครองบ้านเมืองต่อไปเกรงว่าบ้านเมืองจะพบแต่ภัยพิบัติจึงพากันประหารพระราชานั้นเสีย เมื่อทุฏฐราชาสิ้นพระชนม์
เหล่าทหารและประชาชนต่างอภิเษกให้ฤาษีขึ้นครองราชย์แทน เมื่อครองราชแล้วก็ปรารถนาจะทดลองสัตว์ทั้งสามอีกครั้ง
 
ชาวเมืองได้ทำการประหารพระราชาที่มีจิตใจโหดร้ายเพราะเกรงว่าจะนำภัยมาสู่บ้านเมือง
 
ชาวเมืองได้ทำการประหารพระราชาที่มีจิตใจโหดร้ายเพราะเกรงว่าจะนำภัยมาสู่บ้านเมือง
 
      จึงเสด็จไปหางู หนู และนกแขกเต้า สัตว์ทั้งสามล้วนยินดีมอบทรัพย์ของตนให้ พระราชาทรงรับทรัพย์ของงู หนู ที่ฝังไว้ส่วนของนกแขกเต้า
เมื่อต้องการข้าวสาลีจึงค่อยนำมา แล้วพระองค์ก็ทรงรับสัตว์ทั้งสามไปเลี้ยงดูอย่างดีตลอดอายุขัย

เหล่าทหารและประชาชนได้อภิเษกพระฤาษีได้ขึ้นครองราชย์แทนทุฏฐราชาผู้โหดร้าย
 
เหล่าทหารและประชาชนได้อภิเษกพระฤาษีได้ขึ้นครองราชย์แทนทุฏฐราชาผู้โหดร้าย
 
       “ มิใช่แต่ชาตินี้เท่านั้นที่พระเทวทัตจะฆ่าเรา แม้ในชาติก่อน ๆ ก็พยายามมาแล้วเหมือนกัน ”
 
นกกระจาบจำนวนหนึ่งได้เกิดการทะเลาะกันถึงขั้นแบ่งออกเป็นสองฝ่าย
 
พระพุทธองค์ทรงตรัส สัจจังกิรชาดกจบลง
 
งู ได้มาเป็น พระสารีบุตร
หนู ได้มาเป็น พระโมคคัลลานะ
นกแขกเต้า ได้มาเป็น พระอานนท์
ทุฏฐราชา ได้มาเป็น พระเทวทัต
พระดาบส ได้เสวยชาติกำเนิดเป็น พระพุทธเจ้า

 
 










พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ