ปานียชาดก ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ

“ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่ากิเลสเป็นของเล็กน้อยไม่มีเลย ธรรมดาว่าภิกษุต้องข่มกิเลสที่เกิดแล้วแล้วเสีย บัณฑิตครั้งก่อนเมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จอุบัติต่างก็ข่มกิเลสทั้งหลายเสียได้บรรลุปัจเจกพุทธญาณ ” https://dmc.tv/a29298

บทความธรรมะ Dhamma Articles > นิทานชาดก 500 ชาติ
[ 17 ส.ค. 2566 ] - [ ผู้อ่าน : 18286 ]

ชาดก 500 ชาติ

ปานียชาดก-ชาดกว่าด้วยการทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ

สหายชาวกรุงสาวัตถี ๕๐๐ คน ได้พากันฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สหายชาวกรุงสาวัตถี ๕๐๐ คน ได้พากันฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
  
       ในสมัยหนึ่งคฤหัสถ์ผู้เป็นสหายกับชาวกรุงสาวัตถีประมาณ ๕๐๐ คน ฟังพระธรรมเทศนาของพระตถาคตแล้วเกิดความเลื่อมใส
ตัดสินใจบรรพชาถึงอุปสมบทพร้อมกันทั้ง ๕๐๐ รูป “ ความสุขทางธรรมนั่นแหละคือสิ่งที่เราปรารถนาหนทางพ้นทุกข์อยู่ไม่ไกลจากเราแล้ว ”
 
สหายชาวกรุงสาวัตถี ๕๐๐ คน ได้พร้อมใจกันออกบวชใน<a href=http://www.dmc.tv/search/พระพุทธศาสนา title='พระพุทธศาสนา' target=_blank><font color=#333333>พระพุทธศาสนา</font></a>
 
สหายชาวกรุงสาวัตถี ๕๐๐ คน ได้พร้อมใจกันออกบวชในพระพุทธศาสนา
 
        ครั้งนั้นภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปพากันอยู่ภายในโกฏฐิสัณฐาคาร ถึงเวลาเที่ยงคืนต่างก็ตรึกถึงการวิตก ครั้นท่านพระอานนท์ให้ภิกษุสงฆ์ประชุมกัน
โดยอานัทของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระศาสดาประทับนั่งเหนืออาสนะที่จัดถวายทรงกระทำมิให้เป็นการเจาะจงตรัสด้วยความสามารถเป็น
พระดำรัสสงเคราะห์แก่ภิกษุทั้งปวง

พระศาสดาทรงตรัสเล่า ปานียชาดก แก่เหล่าภิกษุสงฆ์ทั้ง ๕๐๐ รูป
 
พระศาสดาทรงตรัสเล่า ปานียชาดก แก่เหล่าภิกษุสงฆ์ทั้ง ๕๐๐ รูป
 
        “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่ากิเลสเป็นของเล็กน้อยไม่มีเลย ธรรมดาว่าภิกษุต้องข่มกิเลสที่เกิดแล้วแล้วเสีย บัณฑิตครั้งก่อนเมื่อพระพุทธเจ้า
ยังไม่เสด็จอุบัติต่างก็ข่มกิเลสทั้งหลายเสียได้บรรลุปัจเจกพุทธญาณ ” ดังนี้แล้วจึงทรงนำอดีตนิทานมาตรัส ดังต่อไปนี้

สหายสองคนได้เข้าป่าและได้พกกระออมน้ำสำหรับดื่มกินเข้าไปด้วย
 
สหายสองคนได้เข้าป่าและได้พกกระออมน้ำสำหรับดื่มกินเข้าไปด้วย
 
      ในอดีตกาลเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสีสหายสองคนในบ้านน้อยตำบลหนึ่งในแคว้นกาสี พากันถือกระออมน้ำดื่ม
ไปสู่ไร่ในป่าวางไว้ใต้ร่มไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วลงมือฟันต้นไม้น้อยใหญ่เพื่อทำเป็นไร่ ในเวลากระหายน้ำก็พากันมาดื่มน้ำ ในคนสองคนนั้น

สหายทั้งสองคนได้พากันถากถางและตัดต้นไม้เพื่อใช้พิ้นที่สำหรับทำเป็นไร่นา
 
สหายทั้งสองคนได้พากันถากถางและตัดต้นไม้เพื่อใช้พิ้นที่สำหรับทำเป็นไร่นา
 
        คนหนึ่งเมื่อมาดื่มน้ำก็เก็บน้ำดื่มของตนไว้เสียดื่มน้ำจากกระออมของเพื่อนแทน “ วันนี้แดดร้อนนักน้ำที่เอามาคงไม่พอดื่มกินเก็บของเรา
ไว้กินทีหลังดีกว่า ” ตอนเย็นออกจากป่าแล้วชายผู้นั้นยืนอาบน้ำแล้วก็นิ่งคิดสำรวจดูสิ่งที่ตัวเองได้กระทำไปในวันนี้ “ วันนี้เราได้ทำในสิ่งที่เป็นบาป
ไปนี่ช่างน่าเศร้าใจนัก
สหายผู้หนึ่งได้ดื่มน้ำในกระออมของเพื่อนเพราะเกรงว่าน้ำในกระออมของตนเองจะไม่พอกินตลอดทั้งวัน
 
สหายผู้หนึ่งได้ดื่มน้ำในกระออมของเพื่อนเพราะเกรงว่าน้ำในกระออมของตนเองจะไม่พอกินตลอดทั้งวัน
        
       เราได้ขโมยน้ำของเพื่อนดื่มกินตัณหานี้เมื่อเจริญคงโยนเราเข้าไปในอบายทั้งหลายเป็นแน่แท้ เราจักข่มกิเลสอันนี้เสียให้ได้ ” ชายตัดไม้
กระทำการขโมยน้ำของเพื่อนกันดื่มนั้นให้เป็นอารมณ์ เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้บังเกิดได้แล้ว ยืนนึกถึงคุณที่ตนได้รับอยู่

ชายตัดไม้ที่ขโมยน้ำดื่มของเพื่อนได้สำนึกผิดว่าตนได้ทำบาปเสียแล้ว
 
ชายตัดไม้ที่ขโมยน้ำดื่มของเพื่อนได้สำนึกผิดว่าตนได้ทำบาปเสียแล้ว
 
       “ ทำอะไรอยู่ละสหายอาบน้ำเสร็จหรือยัง ไปกลับบ้านกันเถอะ ” “ แกไปเถิด ฉันไม่มีจิตคิดถึงบ้านเรือนอีกแล้ว เราเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ”
“ ฮะ ฮา ฮ่า ว่าไปนั้น อันว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายไม่เป็นอย่างท่านหรอก ” “ แล้วเจ้าคิดว่าพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นเช่นไรเล่า ”

สหายของชายตัดไม้ได้มาตามเพื่อนของเขาให้เดินทางกลับบ้านด้วยกัน
 
สหายของชายตัดไม้ได้มาตามเพื่อนของเขาให้เดินทางกลับบ้านด้วยกัน
     
        “ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายมีผมเพียงสององคุลีครองผ้าน้ำย้อมฝาดพากันอยู่ ณ เงื้อมเขานันทมูลกะในป่าหิมพานต์ตอนเหนือโน่น ”
ทันใดนั่นเองเมื่อชายตัดไม้ผู้ละจากกามลูบศีรษะเพศคฤหัสถ์ของเขาก็อันตรทานหายไปกลับกลายเป็นครองผ้าสองชั้นที่ย้อมแล้วคาด
 
ชายตัดไม้ได้เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้บังเกิดแล้วเหาะไปยังเงื้อมเขามูลกะ
 
ชายตัดไม้ได้เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้บังเกิดแล้วเหาะไปยังเงื้อมเขามูลกะ
 
        รัดประคดเช่นกับสายฟ้า มีจีวรเฉวียงบ่ามีสีทองดั่งแผ่นครั่งห่มเฉวียงบ่าไว้ข้างหนึ่ง มีผ้าบังสุกุลจีวรสีเมฆพาดอยู่บนบ่าเบื้องขวา มีบาตรดิน
สีเหมือนแมลงภู่คล้องอยู่ที่บ่าเบื้องซ้ายสถิตอยู่ในอากาศแสดงธรรม แล้วเหาะไปลงยังเงื้อมเขานันทมูลกะทันที
 
กุฎุมพีคนหนึ่งได้มองดูภรรยาของผู้อื่นแล้วคิดว่าถ้าได้หญิงนั้นมาครองตนคงมีความสุขยิ่งนัก
 
กุฎุมพีคนหนึ่งได้มองดูภรรยาของผู้อื่นแล้วคิดว่าถ้าได้หญิงนั้นมาครองตนคงมีความสุขยิ่งนัก
 
       ในสมัยเดียวกันนั่นเองยังมีกุฎุมพีคนหนึ่งในกาสิกคามนั่งอยู่ที่ตลาดเห็นชายผู้หนึ่งพาภริยาของตนเดินไปทำลายอินทรีย์เสีย มองดูหญิง
ผู้เลอโฉมนั้น “ หญิงงามนางนั้นช่างน่าพิสมัยนักรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นหากเราได้มาครองก็คงจะเป็นสุขยิ่งนัก ” ยังไม่ทันที่ความคิดของเขา

กุฎุมพีสลดใจในกามของตนจึงได้เจริญวิปัสสนาจนบรรลุปัจเจกพุทธญาณ
 
กุฎุมพีสลดใจในกามของตนจึงได้เจริญวิปัสสนาจนบรรลุปัจเจกพุทธญาณ
  
        จะเพ้อไปมากกว่านี้เขาก็หวนคิดได้มีใจสลดกับกามของตนแล้วเจริญวิปัสสนาบรรลุปัจเจกพุทธญาณสถิตในอากาศแสดงธรรมเหาะไปเงื้อมเขา
นันทมูลกะเช่นกัน “ โธ่เอ๋ย ความโลภนี่แหละเมื่อมันเจริญ จะโยนเราเข้าไปในอบายทั้งหลาย ” ในครั้งนั้นมีบุตรกับบิดาคู่หนึ่งชาวกาสิกคามได้เดินทาง
ไปด้วยกันผ่านป่าใหญ่แห่งหนึ่ง
 
บิดาและบุตรชาวกาสิกคามได้เดินทางผ่านป่าแห่งหนึ่งซึ่งมีโจรมากมาย    

บิดาและบุตรชาวกาสิกคามได้เดินทางผ่านป่าแห่งหนึ่งซึ่งมีโจรมากมาย
 
        ในป่าแห่งนั้นมีพวกโจรป่าพากันซุ่มอยู่ที่ปากดง บิดาและบุตรนั้นรู้ว่าพวกโจรซุ่มอยู่ตรงนั้นจึงทำกติกากันไว้ “ ลูกเอ๋ย หากเราทั้งสองโชคร้าย
โดนเจ้าโจรจับตัวไปเจ้าอย่าเรียกพ่อว่าพ่อนะ ถึงพ่อก็จะไม่เรียกเจ้าว่าลูกเช่นกัน เชื่อพ่อเถิดแล้วเจ้าจะปลอดภัย ” ขณะเดียวกันนั้นพวกโจรได้จับ
บิดากับบุตรได้ยึดบุตรไว้ปล่อยบิดาไป จับพี่น้องสองคนได้ก็ยึดน้องชายเอาไว้ปล่อยพี่ชายไป
 
โจรได้ปลดทรัพย์สินของพ่อลูกแล้วก็ปล่อยตัวไป
 
โจรได้ปลดทรัพย์สินของพ่อลูกแล้วก็ปล่อยตัวไป
  
       จับอาจารย์กับอันเตวสิกะได้ยึดเกาอาจารย์ไว้ปล่อยอันเตวาสิกะไป “ เจ้าจงฟังให้ดี เมื่อข้าปล่อยตัวไปแล้วเจ้าจงไปหาทรัพย์มาให้กับข้า
เพื่อแลกตัวไอ้พวกนี้ ” เมื่อสองพ่อลูกเดินทางมาได้สักระยะหนึ่งเขาก็ได้พบกับโจรกลุ่มนี้ดังผู้เป็นพ่อได้คาดการณ์ไว้ พวกโจรเหล่านี้
จับพ่อลูกคู่นี้ไว้ “ เจ้าสองคนเป็นอะไรกัน ” “ เปล่า เปล่าจ้า เราไม่ได้เป็นอะไรกันแค่เดินทางมาในเส้นทางเดียวกันเท่านั้นเอง

บุตรชายชำระศีลของตนและได้เห็นว่าวันนี้ตนได้มุสาวาสกับกลุ่มโจรบาปนั้นย่อมบังเกิดแก่ตนเป็นแน่
 
บุตรชายชำระศีลของตนและได้เห็นว่าวันนี้ตนได้มุสาวาสกับกลุ่มโจรบาปนั้นย่อมบังเกิดแก่ตนเป็นแน่
 
        ท่านอย่าทำอะไรฉันเลยนะจ๊ะ ” กลุ่มโจรนั้นเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแต่อย่างใดใดจะจับตัวไว้ก็เปล่าประโยชน์จึงปลดทรัพย์
ที่ติดตัวพ่อลูกคู่นี้แล้วก็ปล่อยไป เมื่อทั้งคู่ออกพ้นจากดงไปยืนอาบน้ำอยู่ในเวลาเย็น บุตรชายชำระศีลของตนเห็นมุสาวาสนั้นก็คิดได้ “ วันนี้เรา
ได้มุสาวาสเช่นนั้นไป บาปนี้เมื่อเจริญจะโยนเข้าไปในอบายทั้งหลายได้ เราจักข่มกิเลสนี้ให้ได้ ”

พระปัจเจกผู้เป็นบุตรได้แสดงธรรมแก่บิดาแล้วก็เหาะไปยังเงื้อมเขานันทมูลกะ
 
พระปัจเจกผู้เป็นบุตรได้แสดงธรรมแก่บิดาแล้วก็เหาะไปยังเงื้อมเขานันทมูลกะ
 
       ครั้งนั้นเขาได้เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้เกิดขึ้น แล้วสถิตอยู่ในอากาศแสดงธรรมแก่บิดาเหาะสู่เงื้อมเขานันทมูลกะเหมือนกัน เรื่องราวของ
การเกิดพระปัจเจกพุทธเจ้าในครั้งนั้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีอีกผู้หนึ่งเป็นนายอำเภอในกาสิกคามเขาบังคับไม่ให้คนฆ่าสัตว์ด้วยเห็นโทษของการทำบาป
ครั้นในเวลากระทำพลีกรรมมหาชนประชุมกันกล่าวกับเขา
 
ชาวเมืองในกาสิกคามมาขออนุญาตนายอำเภอฆ่าสัตว์เพื่อใช้ในการทำพลีกรรม
 
ชาวเมืองในกาสิกคามมาขออนุญาตนายอำเภอฆ่าสัตว์เพื่อใช้ในการทำพลีกรรม
 
        “ เจ้านายขอรับ อนุญาตให้พวกเราฆ่าเนื้อและสุกรบ้างเถิด เราต้องทำเพื่อกระทำพลีกรรมแก่หมู่ยักษ์ การนี้เป็นการแห่งพลีกรรมนะครับท่าน ”
“ เอาเถิดพวกท่านจงกระทำตามแบบอย่างที่กระทำมาในครั้งก่อนนั้นแหละเราจะละกฎของเราทิ้งไป ” เมื่อนายอำเภอยกเลิกกฎการฆ่าสัตว์แล้ว
ชาวบ้านต่างทำบาปกรรมกันอย่างมากมาย ฆ่าสัตว์กันอย่างไม่ละอายต่อบาป

นายอำเภอได้เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้เกิดแล้วก็ได้แสดงธรรมกลางอากาศ
 
นายอำเภอได้เจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้เกิดแล้วก็ได้แสดงธรรมกลางอากาศ
 
       นายอำเภอมองเห็นปลาและเนื้อเป็นอันมากก่อให้เกิดความรำคาญใจ “ เฮ้อ ช่างน่าเศร้ายิ่งนัก มนุษย์พวกนี้ทำกรรมได้อย่างไม่ละอาย
นี้เป็นเพราะเราอนุญาตพวกเขาสินะ ” เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วนายอำเภอจึงยืนพิงช่องหน้าต่างเจริญวิปัสสนาทำปัจเจกพุทธญาณให้เกิด
แล้วสถิตในอากาศแล้วแสดงธรรมเหาะไปเงื้อมเขานันทมูลกะเช่นกัน ยังอีกผู้หนึ่งเป็นนายอำเภอในแคว้นกาสิกะเหมือนกัน
 
ชาวเมืองพากันมาขออนุญาตนายอำเภอเพื่อ<a href=http://www.dmc.tv/pages/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/Karma-Retribution-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81.html title='ดื่มสุรา' target=_blank><font color=#333333>ดื่มสุรา</font></a>ในงานมหรสพ
 
ชาวเมืองพากันมาขออนุญาตนายอำเภอเพื่อดื่มสุราในงานมหรสพ
 
       เขาผู้นี้ห้ามการซื้อขายน้ำเมาไว้อย่างกวดขันสร้างความไม่พอใจให้แก่ชาวบ้านยิ่งนัก “ ท่านนายอำเภอท่านจะออกกฎเช่นนี้ได้อย่างไร เวลานี้
เป็นเวลาสุราฉัน พวกเราต่างดื่มสุราในงานมหรสพนี่อย่างสนุกสนาน ในเวลานี้ท่านมาห้ามให้พวกเราไม่ดื่มสุรากันแล้วมหรสพจะเป็นมหรสพได้อย่างไร ”
“ เอาเถิดพวกท่านก็ทำมาดังที่เคยทำกันเถอะ กฎใด ๆ ที่เราห้ามไว้ก็จงลืมเสีย ”
 
ชาวเมืองได้ทะเลาะและทำร้ายกันหลังจากที่ดื่มสุราจนเมามาย
 
ชาวเมืองได้ทะเลาะและทำร้ายกันหลังจากที่ดื่มสุราจนเมามาย

        ครั้งนั้นพวกมนุษย์พากันกระทำการมหรสพดื่มสุราเมาแล้วทะเลาะกันจนมือเท้าแตกหัก ศีรษะแตก หูฉีกขาด ถูกจองจำด้วยสินไหมเป็นอันมาก
นายอำเภอเห็นคนพวกนั้นแล้วคิดว่าเรื่องร้ายที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะตนเองยกเลิกกฎห้ามดื่มสุราเขาทำความรำคาญใจด้วยเหตุเพียงเท่านี้ยืนพิงช่อง
หน้าต่างอยู่เจริญวิปัสสนาบรรลุปัจเจกพุทธยานเหาะไปในอากาศแสดงธรรมแล้วเหาะไปยังเงื้อมเขานันทมูลกะเหมือนกัน

นายอำเภอบรรลุปัจเจกพุทธญาณแล้วก็ได้แสดงธรรมต่อชาวเมืองทั้งหลาย
 
นายอำเภอบรรลุปัจเจกพุทธญาณแล้วก็ได้แสดงธรรมต่อชาวเมืองทั้งหลาย

      “ พวกท่านจงอย่าเป็นผู้ประมาทสุรานั้นเล่าสร้างหายนะให้กับพวกท่านได้ ” จำเนินกาลนานมาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ต่างเหาะมาลง
ที่ประตูกรุงพาราณสีเพื่อภิกขาจารล้วนนุ่งห่มผ้าเรียบร้อยเที่ยวโปรดสัตว์ด้วยอิริยาบทมีการก้าวไปข้างหน้าเป็นต้นอันน่าเลื่อมใสจนไปถึงประตูวัง
ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงพาราณสีทรงทอดพระเนตรเห็นพระคุณเจ้าเหล่านั้นทรงมีจิตเลื่อมใสจึงให้อำมาตย์นิมนต์ให้เข้าไปสู่นิเวศน์

พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ได้เหาะมายังประตูกรุงพาราณสีเพื่อภิกขาจาร

พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ได้เหาะมายังประตูกรุงพาราณสีเพื่อภิกขาจาร
 
      “ ท่านจงไปนิมนต์พระคุณเจ้าเหล่านั้นมาที่พระราชวังของเราเถิด เรากระหายใคร่อยากฟังเทศนาธรรมจากพระคุณเจ้าเหล่านั้นยิ่งนัก ” พระเจ้าพาราณสี
ทำการต้อนรับพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ ด้วยการล้างเท้าทาด้วยน้ำมันหอม อังคาสด้วยขาทนียะและโภชนียะอันประณีตประทับนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง
“ พระคุณเจ้าผู้เจริญทั้งหลาย การบรรพชาในปฐมวัยของพระคุณเจ้าทั้งหลายดูช่างงดงามจริง
 
พระเจ้าพาราณสีมีรับสั่งให้อำมาตย์ไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าเข้ามาสู่พระราชวัง
 
พระเจ้าพาราณสีมีรับสั่งให้อำมาตย์ไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าเข้ามาสู่พระราชวัง
 
     เมื่อจะบรรพชาในวัยนี้พระคุณเจ้าทั้งหลายต่างเห็นโทษในกามอย่างไรกันนะ อะไรเป็นเป็นอารมณ์ของพระคุณเจ้าเล่า ”  “ อาตมาภาพเป็นมิตรของชาย
คนหนึ่งได้ดื่มน้ำของมิตรที่เขามิได้ให้เพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงรังเกียจว่าเราทำบาปนั้นไว้แล้วอย่าได้กระทำบาปต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้น
อาตมาภาพจึงออกบวช ” “ ความพอใจบังเกิดขึ้นแก่อาตมาภาพเพราะเห็นภรรยาของผู้อื่นเพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงเรียกว่าเราทำบาปนั้น

พระเจ้าพาราณสีได้สอบถามถึงโทษของกามจากพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์
 
พระเจ้าพาราณสีได้สอบถามถึงโทษของกามจากพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์
 
    ไว้แล้วอย่าได้กระทำบาปนั้นต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้นอาตมาภาพจึงออกบวช ” “ ขอถวายพระพรมหาบพิตรโจรทั้งหลายจับโยมบิดาของอาตมาภาพ
ไว้ในป่า อาตมาภาพถูกโจรเหล่านั้นถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าได้แกล้งพูดถึงโยมบิดานั้นเป็นอย่างอื่นไปเพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงรังเกียจว่า เราได้
ทำบาปนั้นไว้แล้วอย่าได้ทำบาปนั้นต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้นอามาภาพจึงออกบวช ” “ เมื่อพลีกรรมชื่อว่าโสมมยาคะปรากฎแล้วมนุษย์ทั้งหลาย
 
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตชายตัดฟืนออกบวชเพราะเห็นบาปที่ขโมยน้ำดื่มจากเพื่อนของตน
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตชายตัดฟืนออกบวชเพราะเห็นบาปที่ขโมยน้ำดื่มจากเพื่อนของตน
 
     ก็พากันกระทำปานาติบาต อาตมาภาพได้อนุญาตให้แก่พวกเขา เพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงรังเกียจว่าเราได้ทำบาปนั้นไว้แล้ว อย่าได้ทำ
บาปนั้นต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้นอาตมาภาพจึงได้ออกบวช ” “ ในกาลก่อนชนทั้งหลายในหมู่บ้านของอาตมาภาพสำคัญสุราและเมรัยว่าเป็นน้ำหวาน
จึงได้พากันดื่มน้ำเมา เพื่อความหายนะแก่ชนเป็นอันมาก อาตมาภาพจึงยอมอนุญาตให้พวกเขา
 
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตกุฎุมพีออกบวชเพราะเห็นบาปที่อยากได้ภรรยาของผู้อื่นมาเป็นของตน
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตกุฎุมพีออกบวชเพราะเห็นบาปที่อยากได้ภรรยาของผู้อื่นมาเป็นของตน
 
     เพราะเหตุนั้นภายหลังอาตมาภาพจึงได้รังเกียจว่าเราได้ทำภาพนั้นไว้แล้วอย่าได้ทำบาปนั้นต่อไปอีกเลย เพราะเหตุนั้นอาตมาภาพจึงได้ออกบวช ”
ฝ่ายพระเจ้าพาราณสีทรงสดับ คำพยากรของพระปัจเจกพุทธเจ้าแต่ละองค์แล้วได้ทรงสดุดีพระคุณเจ้าเหล่านั้น “ พระคุณเจ้าผู้เจริญทั้งหลายบรรพชานี้
เหมาะแก่พระคุณเจ้าทั้งหลายทีเดียว ” พระเจ้าพาราณสีทรงสดับพระธรรมเทศนาของพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้น
 
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตลูกชายออกบวชเพราะเห็นบาปที่ตนมุสาต่อบิดาและพวกโจร
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตลูกชายออกบวชเพราะเห็นบาปที่ตนมุสาต่อบิดาและพวกโจร
 
       ก็ทรงมีจิตเลื่อมใสทรงถวายผ้าจีวรและเภสัช ทรงส่งพระปัจเจกพุทธเจ้าไปแล้ว แล้วพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นกระทำอนุโมทนาแก่พระองค์
แล้วพากันไปจากเมืองพาราณสีนั้น ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าพาราณสีทรงเบื่อหน่ายไม่ยินดีในวัตถุกามทั้งหลายแม้จะมีพระกระยาหารอันมีรสเลิศดั่งที่
เคยโปรดหรือความงดงามของอิสตรีดั่งที่พระองค์เคยมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้หรือทอดพระเนตร
 
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตนายอำเภอออกบวชเพราะเห็นบาปที่ตนอนุญาตให้ชาวเมืองได้ฆ่าสัตว์
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตนายอำเภอออกบวชเพราะเห็นบาปที่ตนอนุญาตให้ชาวเมืองได้ฆ่าสัตว์
 
     บัดนี้สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญให้พระองค์ทรงมีจิตเบื่อหน่าย “ พระองค์ไม่ทรงเกษมหรือพระเจ้าค่ะ มีสิ่งใดขัดพระทัยพระองค์หรือ ”
“ เราเบื่อหน่ายสิ่งนี้แล้ว เราอยากอยู่คนเดียวแบบสงบ ” พระเจ้าพาราณสีเสด็จเข้าห้องอันทรงสิริประทับนั่งกระทำกสิณบริกรรมพิงข้างฝาอันมีสีขาว
ทรงทำฌาณให้บังเกิดขึ้นแล้ว พระองค์ทรงบรรลุฌานแล้วก็ทรงติเตียนกามทั้งหลาย
 
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตนายอำเภอออกบวชเพราะเห็นบาปที่ตนอนุญาตให้ชาวเมืองได้ดื่มสุรา
 
พระปัจเจกพุทธเจ้าอดีตนายอำเภอออกบวชเพราะเห็นบาปที่ตนอนุญาตให้ชาวเมืองได้ดื่มสุรา
 
    “ น่าสังเวชแท้ล้อมรอบตัวเรามีกามเป็นอันมาก มีกลิ่นเหม็น มีเสี้ยนหนามมาก เราซ้องเสพกันอยู่เราไม่ได้รับความสุขเช่นนั้น ” ทางด้านฝ่ายพระอัครมเหสี
ของพระองค์นั้น เมื่อทรงเห็นว่าพระเจ้าพาราณสีมีท่าทีเบื่อหน่ายไม่โปรดนางเหมือนเช่นแต่ก่อนจึงคอยตามสังเกตถึงพฤติกรรมของพระองค์ “ ตั้งแต่เสด็จพี่
ได้ทรงสดับธรรมกถาจากพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายแล้ว นับแต่ครั้งนั้นก็ทรงมีท่าทางเบื่อหน่าย มิได้ตรัสกับเราดั่งแต่ก่อนเลย
 
พระเจ้าพาราณสีทรงเบื่อหน่ายในกามหลังจากที่ได้ฟังธรรมจากพระปัจเจกพุทธเจ้า
 
พระเจ้าพาราณสีทรงเบื่อหน่ายในกามหลังจากที่ได้ฟังธรรมจากพระปัจเจกพุทธเจ้า
 
    ดีหล่ะเราต้องคอยสังเกตเสด็จพี่เผื่อมีสิ่งใดที่เราพอจะแก้ไขให้เสด็จพี่กลับมาเป็นดังเดิมได้ ” ครั้งนั้นอัครมเหสีได้เสด็จเข้าพระตำหนักอันทรงสิริประทับยืน
ที่พระทวารทรงสดับพระอุทานของพระราชาผู้กำลังทรงตำหนิกามทั้งหลายก็ทรงวิตกเกรงว่าพระเจ้าพาราณสีจะไม่โปรดพระนางเหมือนแต่ก่อนจึงรีบเสด็จ
เข้าไปหา “ ข้าแต่พระทูลกระหม่อม พระองค์ทรงติเตียนกามความสุขที่เช่นกับกามสุขไม่มีละ หรือกามทั้งหลายมีรสอร่อยมาก สุขอื่นยิ่งกว่าไปกว่ากามไม่มี
 
พระมเหสีได้มาสอบถามถึงเหตุผลที่พระเจ้าพาราณสีได้หมางเมินต่อตนเอง
 
พระมเหสีได้มาสอบถามถึงเหตุผลที่พระเจ้าพาราณสีได้หมางเมินต่อตนเอง
 
    ชนเหล่าใดซ่องเสพกามทั้งหลาย ชนเหล่านั้นย่อมเข้าถึงสวรรค์นะเพค่ะ พระองค์ทรงลืมความสุขที่เคยมีกับหม่อมฉันแล้วหรืออย่างไร ” พระเจ้าพาราณสี
เมื่อทรงได้สดับพระเสาวนีเหล่านั้นแล้วก็ทรงติเตียน “ น่าสังเวชยิ่งนักเจ้าพูดอะไร ขึ้นชื่อว่าความสุขในกามทั้งหลายมีที่ไหนกันเล่า เพราะกามเหล่านี้เป็น
วิปริณามทุกข์ทั้งนั้นแหละ กามทั้งหลายมีรสอร่อยน้อย ทุกข์อื่นยิ่งไปกว่ากามไม่มี ชนใดเล่าซ่องเสพกามทั้งหลาย ชนเหล่านั้นย่อมเข้าถึงนรก
 
พระเจ้าพาราณสีทรงออกผนวชเป็นฤาษีอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
 
พระเจ้าพาราณสีทรงออกผนวชเป็นฤาษีอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
 
      เหมือนดาบที่ลับคมดีแล้วเชือด เหมือนกระบี่ที่ลับคมดีแล้วแทง เหมือนหอกที่พุ่งไปปักอก กามทั้งหลายเป็นทุกข์ยิ่งไปกว่านั้น หลุมถ่านเพลิงลุกขึ้น
โพลงแล้ว ลึกกว่าชั่วบุรุษ ถ่านที่เผาร้อนอยู่ตลอดวัน กามทั้งหลาย เป็นทุกข์ยิ่งไปกว่านั้นเหมือนยาพิษชนิดร้ายแรง น้ำมันที่เดือดพล่าน ทองแดงที่
กำลังละลายคว้างกามทั้งหลายเป็นทุกข์ยิ่งไปกว่า ” พระเจ้าพาราณสีทรงแสดงธรรมแก่พระเทวีแล้วได้ทรงให้พวกอำมาตย์ประชุมกันแล้วสละ
ราชสมบัติทั้งหมดให้กับอำมาตย์ทั้งหลายดูแลต่อ
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศสัจจะต่อภิกษุ ๕๐๐ รูป
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกาศสัจจะต่อภิกษุ ๕๐๐ รูป
     
     แล้วพระองค์ก็ทรงเสด็จลุกขึ้นไปประทับในอากาศประทานพระโอวาสเสด็จไปสู่ป่าหิมพานต์ตอนเหนือทางอากาศ ทรงให้สร้างอาศรมในประเทศ
ที่น่ารื่นรมย์ผนวชเป็นฤาษีในที่สุดพระชนมายุได้เสด็จไปสู่พรหมโลก
    “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายขึ้นชื่อว่ากิเลสที่เป็นของเล็กน้อยไม่มีเลย ถึงจะมีประมาณน้อยบัณฑิตทั้งหลายก็พากันข่มเสียได้ทั้งนั้น ” ดังนี้แล้วจึงทรง
ประกาศสัจจะทั้งหลาย เมื่อจบสัจจะภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ดำรงอยู่ในพระอรหัตผล 

 
พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายในครั้งนั้นปรินิพพานแล้ว
เทวีได้กลับมาเป็นมารดาพระราหุล
พระเจ้าพาราณสีเสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 

รับชมคลิปวิดีโอปานียชาดก
ชมวิดีโอปานียชาดก   Download ธรรมะปานียชาดก
 
 










พิมพ์บทความนี้



บทความอื่นๆ ในหมวด

      ธัมมัทธชชาดก ชาดกว่าด้วยพูดอย่างหนึ่งทำอย่างหนึ่ง
      เกฬิสีลชาดก ชาดกว่าด้วยปัญญาสำคัญกว่าร่างกาย
      ชนสันธชาดก ชาดกว่าด้วยเหตุที่ทำจิตให้เดือดร้อน
      ฆตาสนชาดก ชาดกว่าด้วยภัยที่เกิดจากที่พึ่ง
      มหาสุวราชชาดก ชาดกว่าด้วยความพอเพียง
      ฌานโสธนชาดก ชาดกว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
      สุนักขชาดก ชาดกว่าด้วยผู้ฉลาดย่อมช่วยตัวเองได้
      สังวรมหาราชชาดก ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
      อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว
      สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู
      สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน
      อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ