ชาดก 500 ชาติ
ตโยธัมมชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้มีธรรม 3 ประการ
แคว้นมคธดินแดนแห่งพระพุธศาสนาแคว้นมคธ ดินแดนแห่งพระรัตนตรัย ชาวบ้านชาวเมืองให้ความศรัทธากับพระพุทธศาสนาไม่เสื่อมคลาย ยึดถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งของจิตใจเป็นหลักยึดให้คนทำความดีละอายต่อบาป แต่ในหมู่คนดีก็มีคนชั่วปะปนอยู่ มารพุทธศาสนาที่ผู้คนโกรธแค้นชิงชังชาวเมืองมคธต่างยึดเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของจิตใจผู้นั้นคือ พระเทวทัต ความชั่วร้ายของพระเทวทัตมีมากมายจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าพสกนิกรและภิกษุสงฆ์ ความชั่วร้ายที่รุนแรงที่สุดจนผู้คนไม่อาจทนดูดายอยู่ได้คือ การปองร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า “เราจะทำอย่างไรกันดีล่ะ นับวันพระเทวทัตก็คิดแผนร้ายมาปลงพระชนม์องค์พระศาสดาเรื่อยๆพระเทวทัตผู้ที่คอยคิดแผนการปองร้ายพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เนืองนิจเราจะปกป้องพระองค์อย่างไรกันดี” “นั่นนะสิ คิดแล้วก็เป็นห่วงความปลอดภัยของพระองค์ ชาวบ้านธรรมดาอย่างเราหน่ะ จะทำอะไรเพื่อท่านได้บ้างนะ” มิใช่แต่ในกลุ่มประชาชนเท่านั้นแม้แต่ในเหล่าภิกษุสงฆ์เองก็เป็นห่วงเป็นใยในเรื่องความประพฤติอันร้ายกาจที่พระเทวทัตทรงกระทำต่อองค์พระศาสดาเช่นกันชาวเมืองต่างพากันวิตกกังวลในพฤติกรรมอันร้ายกาจของพระเทวทัตขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับที่พระเวฬุวันมหาวิหาร พระพุทธองค์ได้สดับคำปรารภของบรรดาภิกษุสงฆ์ถึงการที่พระเทวทัตพยายามจองล้างจองผลาญพระพุทธองค์ด้วยประการต่างๆ อยู่อย่างไม่ลดละ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรารถนาจะปลอบใจภิกษุทั้งหลายให้คลายความวิตกกังวลห่วงใยในพระองค์ในหมู่สงฆ์ต่างก็วิตกกังวลห่วงใยในความปลอดภัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า“ดูก่อนเถิดภิกษุสงฆ์ พระเทวทัตมิได้ตามจองล้างจองผลาญเราเฉพาะในชาตินี้เท่านั้น แม้ในชาติก่อนๆ ก็ได้พยายามทำร้ายเรามาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่เคยทำได้สำเร็จเลยสักครั้ง” พระบรมศาสดาจึงทรงระลึกชาติด้วยบุพเพนิวาสนุสติญาณอันเป็นเครื่องหยั่งรู้ภพชาติในอดีตแล้วนำพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสปลอบใจเหล่าภิกษุสงฆ์ทั้งหลายให้คลายจากความวิตกกังวลตโยธัมมชาดก มาตรัสเล่าแก่พระภิกษุสงฆ์ดังนี้ กาลครั้งหนึ่ง ณ กรุงพาราณสี แคว้นกาสีมีพระเจ้าพรหมทัตปกครอง ในป่าแห่งหนึ่งของนครนี้มีวานรจ่าฝูงและวานรบริวารฝูงใหญ่อาศัยอยู่ วานรจ่าฝูงนี้มีนิสัยดุร้ายหลงในอำนาจของตัวเอง มันครอบครองวานรตัวเมียในฝูงไว้ตัวเดียว ไม่ยอมให้วานรตัวผู้อื่นๆกรุงพาราณสีแคว้นกาสีภายใต้การปกครองของพระเจ้าพรหมทัตได้ทำการสืบพันธ์ุ “พวกเจ้าทุกตัว จงทำตามคำสั่งของข้า ถ้าใครไม่ทำตาม มันผู้นั้นอย่าได้มีชีวิตต่อไปเลย” วานรจ่าฝูงนี้มีจิตใจโหดเหี้ยม เมื่อมีลูกวานรที่เป็นตัวผู้เกิดขึ้น มันจะกัดอัณฑะของลูกมันทิ้งเสีย เพราะมันกลัวว่าหากวานรนั้นเติบโตขึ้นจะแย่งตำแหน่งจ่าฝูงของมันไป ดังนั้นในฝูงวานรนั้นในป่าแห่งหนึ่ง ณ กรุงพารารณสี มีฝูงวานรซึ่งปกครองด้วยจ่าฝูงผู้มีนิสัยดุร้ายก็มีมันเพียงตัวเดียวที่สามารถให้กำเนิดพืชพันธ์วานรได้ “โธ่ๆ ลูกแม่ เจ้าโชคร้ายนักที่เกิดมาเป็นเพศผู้ แม่ต้องปล่อยให้เจ้าตายไปต่อหน้าต่อตา ฮือๆ ๆ ลูกแม่”วันหนึ่ง นางวานรตัวหนึ่งได้ตั้งครรภ์ ด้วยความเป็นห่วงลูกน้อย นางมิรู้ว่าว่าจะเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย มันจึงหนีออกจากฝูงจ่าฝูงวานรได้ครอบครองวานรตัวเมียไว้แต่เพียงผู้เดียวมาซ่อนตัวอยู่ที่เชิงเขาและซ่อนตัวคอยระวังครรภ์ของมันเป็นอย่างดี “ลูกเอ๋ย หากเราอยู่ในฝูง แม่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าจะได้มีโอกาสได้เติบใหญ่หรือไม่ เราหลบอยู่กันที่นี่เถิดน่ะ แม่จะคอยดูแลเจ้าเอง” เวลาผ่านไปวานรตัวนี้ก็คลอดลูกออกมาเป็นตัวผู้ โชคดีของวานรน้อย มันคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัยลูกวานรตัวผู้ถูกกัดอวัยวะสืบพันธุ์ทิ้งโดยวานรจ่าฝูงผู้เป็นพ่อและมีโอกาสเติบโตโดยที่จ่าฝูงผู้เป็นพ่อมิได้รับรู้ “ลูกแม่ ดีแล้วที่แม่คิดหนีออกมา ไม่งั้นแม่ก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นลูกเติบโต แม่จะเลี้ยงเจ้าให้ดีที่สุด”นางวานรได้ถนอมเลี้ยงดูลูกของมันเป็นอย่างดี มันพยายามดูแลให้ลูกอยู่ห่างจากฝูงมากที่สุด ลิงน้อยมีความซุกซนและเฉลียวฉลาดนางวานรตัวหนึ่งตั้งครรภ์และได้หลบหนีไปอยู่ในป่าลึกห่างไกลจากฝูงของมันและมักจะเฝ้าถามเรื่องชาติกำเนิดและเหล่าผองเพื่อนลิงของมันเสมอ แต่แม่ลิงก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบลูกมันทุกครั้ง เพราะเป็นห่วงในความปลอดภัยของลูกมัน“แม่ๆ พ่อของลูกอยู่ที่ไหนจ๊ะ แล้วลิงตัวอื่นๆ ไปไหนกันหมด ทำไมในป่าถึงมีแต่แม่กับผมที่เป็นวานรละครับ”นางวานรได้คลอดลูกน้อยเป็นตัวผู้ร่างกายแข็งแรงและเฉลียวฉลาด“เอาเถิดลูกแม่ ตอนนี้เจ้ายังเล็กนัก ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะรู้หรอก” วานรน้อยได้เติบโตเป็นวานรหนุ่มที่มีรูปร่างสง่างาม ร่างกายสมบูรณ์ พละกำลังมหาศาลแม่วานรเมื่อเห็นลูกของมันแข็งแรง ฉลาดหลักแหลมสามารถเอาตัวรอดจากภัยที่มาจากผู้เป็นพ่อได้ลูกวานรโตเป็นหนุ่มและได้สอบถามถึงเรื่องราวของพ่อและบรรดาพี่น้องของมันจึงเล่าเรื่องฝูงของมันให้ลูกฟัง “ลูกจ๋า มาจนถึงตอนนี้ เจ้ายังอยากรู้ ชาติกำเนิดของเจ้าอยู่หรือไม่” “อยากรู้สิแม่จ๋า ผมอยากรู้จักพ่อ อยากรู้จักญาติๆ เพื่อนๆพี่ๆ น้องๆ ของเรา” “ตอนนี้เจ้าก็โตพอที่จะรู้เรื่องได้แล้ว แม่จะเล่าให้เจ้าฟัง”แม่วานรได้บอกเล่าถึงความโหดร้ายของพ่อวานรให้ลูกของตนฟังแม่วานรเล่าถึงชาติกำเนิดและความชั่วร้ายของจ่าฝูงผู้เป็นพ่อให้ลูกของมันฟัง ลูกวานรเมื่อรู้เรื่องทั้งหมด ก็รู้ถึงความลำบากของผู้เป็นแม่ที่ต้องแยกออกมาอยู่ตามลำพังตัวเดียว มันจึงอยากพาแม่กลับไปอยู่กับฝูงดังเดิม “แม่จ๋า เรากลับไปอยู่กับฝูงของเราเถอะ”ลูกวานรซาบซึ้งในความยากลำบากที่แม่ของตนเฝ้าเลี้ยงดูตนมาด้วยความยากลำบาก“ลูกรักเราไปที่นั้นไม่ได้หรอก ถ้าหากพ่อเจ้ารู้ พ่อเจ้า พ่อเจ้าก็จะใช้เขี้ยวกัดปล้นพืชพันธ์ของเจ้าซะ” “ไม่เป็นไรหรอกแม่จ๋า พาลูกไปที่นั้นเถิด ลูกรู้ว่าต้องทำเช่นไร”เมื่อขัดความต้องการของลูกไม่ได้ แม่วานรจึงพาลูกไปยังสำนักของจ่าฝูงแม่วานรพาลูกวานรหนุ่มมาพบพ่อและพี่น้องของมันเมื่อวานรจ่าฝูง เห็นลูกวานรมีร่างกายที่กำยำสง่างาม มันก็เกิดความกลัวว่า สักวันลูกของมันตัวนี้ จะมาแย่งตำแหน่งจ่าฝูงของมันไป “ไอ้ลูกวานรตัวนี้ร่างกายมันสง่างามกว่าเรานัก หากปล่อยให้มันอยู่ในฝูงต่อไป สักวันมันต้องแย่งตำแหน่งจ่าฝูงของเราแน่ๆ ไม่ได้การหล่ะ ต้องกำจัดให้พ้นทางไป”พ่อวานรคิดหาวิธีที่จะฆ่าลูกวานรหนุ่มของมันวานรจ่าฝูงวางแผนร้าย มันต้องต้องการฆ่าลูกของมันด้วยการกอดรัดเค้นอย่างแรงให้ถึงแก่ชีวิต “มาเถิดลูกรัก เจ้าหายไปไหนมา มาให้พ่อกอดให้หายคิดถึงหน่อยนะลูก” วานรจ่าฝูงและลูกของของมันโผเข้าสวมกอดกัน เมื่อวานรจ่าฝูงกอดลูกของมันอย่างแรงดังแผนที่คิดไว้วานรจ่าฝูงได้กอดรัดลูกของตนหมายจะให้กระดูกแหลกตายคามือลูกวานรผู้มีกำลังมากกว่าก็เค้นกอดพ่อของมันอย่างแรงเช่นกัน แรงรัดของลูกที่มีมากว่านั้น รัดร่างของพ่อมันไว้จนกระดูกแทบแตก วานรจ่าฝูงสู้แรงไม่ไหวจึงรีบคลายมือผละตัวออกมา ความวิตกกังวลเข้าครอบงำวานรจ่าฝูงอย่างหนักหน่วง มันจึงวางแผนฆ่าลูกวานรด้วยอุบายลูกวานรสำรวจรอยเท้าของสัตว์ต่างๆ ที่หายลงไปในสระน้ำให้ยักษ์รากโคตรที่สิงสถิตย์อยู่ในสระไม่ไกลจากที่อยู่ของมัน เป็นผู้ฆ่าลูกของมัน “หือ แรงพลังของมันมีเยอะกว่าเรา เราคงทำอะไรเจ้าลูกคนนี้ไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นคงต้องยืมแรงเจ้ายักษ์ในสระบัวเป็นผู้ฆ่าแทนละกัน” วานรจ่าฝูงวางแผนให้ลูกของมันไปเก็บบัวในสระที่มียักษ์รากโคตรสถิตอยู่ยักษ์รากโคตรกำลังมองเหยื่อของมันอยู่ใต้ผิวน้ำ“ลูกรักเอ๋ย ตัวพ่อก็แก่มากแล้ว พ่ออยากจะมอบหมายให้เจ้าเป็นจ่าฝูงแทน แต่ในพิธีแต่งตั้งนี้ จะต้องใช้ดอกบัว 3 ชนิด ที่กำลังบานอยู่ในสระ เจ้าจงไปเก็บดอกบัวโกมุท 2 ดอก ดอกบัวอุบลมา 3 ดอก และดอกบัวปทุมมา 5 ดอกเถิด” “ลูกขอบคุณพ่อมาก ที่ไว้ใจยกตำแหน่งนี้ให้ลูกลูกวานรเก็บดอกบัวในสระน้ำโดยวิธีกระโดดข้ามสระกลับไปกลับมาลูกจะไปเก็บบัวตามที่พ่อบอก” ลูกวานรไม่รู้ว่าเป็นแผนร้าย มันดีใจที่จะได้ทำหน้าที่ต่อจากพ่อ จึงอาสาไปเก็บดอกบัวด้วยความเต็มใจ ลูกวานรเมื่อเดินไปถึงสระแล้ว ก็พิจารณาสระน้ำ มันเดินไปมารอบสระถึงสามรอบ สังเกตเห็นแต่รอยเท้าลง ไม่พบรอยเท้าขึ้นแม้แต่รอยเดียว “หึๆๆ ฮ่าๆๆ มาแล้วเรอะเหยื่อของข้า คราวนี้น่ะ เป็นวานรหรอกเรอะ มาเลย ลงมาในสระนี้เลย เท้าเจ้าแตะน้ำเมื่อไหร่ เจ้าก็จะได้กลายเป็นอาหารของข้าแน่ๆ หึๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ”ยักษ์ใต้สระน้ำได้ขึ้นมาสนทนากับวานรหนุ่ม“อืม น่าแปลกจริงๆ ทำไมจึงมีแต่รอยเท้าที่เดินลงไปในสระน่ะ สงสัยในสระน้ำนี้ต้องมียักษ์สิงอยู่แน่ๆ นี่พ่อเราคิกจะฆ่าเราหรือนี้ จึงใช้ให้เรามาเก็บบัวในสระนี้พ่อช่างใจร้ายอย่างที่แม่บอกจริงๆ ดีหล่ะ ถ้าอย่างนั้น เราจะเก็บบัวในสระนี้ โดยไม่ลงไปในสระ” ลูกวานรเมื่อคิดได้ดังนั้น ก็ยืนห่างจากฝั่งพอประมาณรวบรวมพละกำลังกระโดดข้ามสระเก็บดอกบัวบนอากาศได้ 2 ดอก ในสองมือ มันทำกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น สร้างความตกใจแก่เจ้ายักษ์ยิ่งวานรจ่าฝูงกลัวและตกใจมากที่เห็นยักษ์เดินตามลูกวานรของมันมา“ฮ่าๆๆ แค่นี้เราก็เก็บบัวได้โดยไม่ต้องลงไปในสระแล้ว” “ห๊า ไม่น่าเชื่อตลอดเวลาที่สิงอยู่ในสระบัวแห่งนี้ ข้าไม่เคยเห็นผู้เป็นอัจฉริยะกอปด้วยปัญญาดั่งนี้มาก่อนเลยสามารถเก็บดอกบัวได้ตามที่ต้องการโดยไม่ต้องลงน้ำ ซึ่งเป็นอาณาเขตของข้าได้เลยรึเนี่ย”วานรจ่าฝูงยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้หัวใจแตกสลายเป็น 7 เสี่ยงลูกวานรผู้มีธรรมะ 3 ประการ คือความขยัน กล้าหาญ และรอบรู้ จึงสามารถเอาชนะใจยักษ์นี้ได้ ยักษ์ใหญ่ใต้สระบัวเลิกคิดร้ายกับลูกวานร แหวกน้ำขึ้นมาเข้าไปหาลูกวานรนั้น “ท่านเก็บดอกบัวเหล่านี้ไปทำไมรึ” “บิดาประสงค์จะตั้งข้าพเจ้าเป็นจ่าฝูง ข้าพเจ้าจึงต้องเก็บบัวเหล่านี้ ไปเพื่อทำพิธีแต่งตั้ง” ยักษ์สิงใต้สระบัว เห็นว่าวานรผู้นี้เป็นผู้สูงส่ง มันจึงอาสาแบกดอกบัวแล้วเดินตามหลังลูกวานรนี้ไปหาบิดา “ไปเถอะท่านวานร ท่านเป็นผู้สูงส่ง อย่าแบกดอกไม้เหล่านี้ไว้เลยเราจะแบกให้ท่านเอง”ลูกวานรได้รับการแต่งตั้งเป็นจ่าฝูงดูแลเหล่าวานรแทนพ่อของมัน“ขอบใจท่านมาก งั้นก็ตามเรามาเถิด” เมื่อวานรจ่าฝูงเห็นยักษ์แบกดอกบัวขึ้นบนบ่าเดินตามหลังลูกของมันมาแต่ไกลก็เกิดอาการตกใจ “เราตั้งใจส่งวานรตัวนี้ไปเป็นอาหารของยักษ์ แล้วทำไมตอนนี้ยักษ์ร้ายถึงได้แบกดอกบัวตามหลังมันมาเสียนิ ตายแน่ๆ เลยเรา บัดนี้วานรลูกเรานั้นคงรู้แล้วซิว่า เราส่งมันไปตายโอ๊ะ..ไม่น่ะ ไม่จริง ในที่สุดเราต้องเสียตำแหน่งจ่าฝูงไปจริงๆ หรือนี่” วานรจ่าฝูงยอมรับความพ่ายแพ้ไม่ได้ มันเสียใจ และกลัวจนหัวใจแตกสลายเป็น 7 เสี่ยงสิ้นใจตายอยู่ตรงนั้น เมื่อวานรจ่าฝูงสิ้นใจ ฝูงวานรก็แต่งตั้งลูกวานรนั้น ให้เป็นจอมวานรจ่าฝูงตัวต่อไปวานรจ่าฝูงในครั้งนั้น คือ พระเทวทัต ในกาลนี้จอมวานรผู้เป็นลูก เสวยพระชาติ เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
http://goo.gl/41KUTV